สอบถามผู้รู้เกี่ยวกับโทษ หรืออัตรายของสิ่งที่จะพูดถึงต่อไปนี้ทีนะครับ
ถ้าดูไม่ผิดผมคิอว่าโฟมที่ใช้คงจะเป็นพวก Polystyrene ทำนองนี้ครับ
โดยเรื่องของเรื่องคือว่า ผมเองเป็นครูและทางเขตได้จัดแข่งงานศิลปหัตถกรรมโดยการแข่งขันมีหลายรายการ
หนึ่งในรายการที่โรงเรียนให้ลงแข่งคือ การทำเครื่องร่อนด้วยมือ(นักเรียนชั้น ประถม.6) ซึ่งในกติกา ต้องทำเครื่องร่อนจาก ไม้ และโฟมเป็นหลัก
โดยไม้เป็นลำตัว โฟมเป็นปีก โดยที่ทางเขตให้แต่ละโรงเรียนออกแบบเครื่องร่อน เขียนแบบขึ้นมา
ซึ่งปีกที่ทำจากโฟม ถ้าจะทำให้ลอยได้นานต้องทำให้ปีกมีลักษณะเป็นรูปทรงที่เรียกว่า air foil หรือเอาง่ายๆคือรูปทรงเหมือนปีกเครื่องบิน
ถ้านึกไม่ออกลองเซิดกูเกิลว่า air foil
โดยวิธีการทำที่ทุกๆโรงเรียนใช้ในการแข่ง คือ ตัดโฟมให้เป็นรูปร่างตามแบบแปลนที่เขียนไว้ แล้วใช้ ""กระดาษทรายขัด"" ที่โฟม ให้เป็นรูปร่างตามแบบที่ร่างไว้
ผมการันตีว่าทุกโรงเรียนใช้กระดาษทรายแน่นอน เพราะการจะทำปีกจากโฟมบาง 3-5 มิลลิเมตร ความกว้างปีก wing span ประมาณ 1 ไม้บรรทัด มีวิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะขึ้นรูปได้ก็คือกระดาษทราย ซึ่งในการแข่งขันก็แบบนี้มาทุกๆปี
ซึ่งการขัดโฟมโดยกระดาษทราย จะเกิดละอองโฟมเป็นจำนวนมากซึ่งควบคุมไม่ได้เลย ลมพัด หรือขยับเบาๆ เม็ดพวกนี้ก็ฟุ้งไปหมดแล้ว
ประเด็นคือเม็ดโฟมขนาดเล็กพวกนี้ เท่าที่หาดูโทษของโฟม คือ ถ้าเข้าร่างกายจะเป็นอัตรายอย่างมาก โดยจะเข้าไปที่ปอด แล้วจะกระจายไปที่อวัยวะภายในร่างกายตับ ไต ระบบเลือด และเป็นสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งต่างๆ ซึ่งผมคิดว่า ควรคิดรายการแข่งสิ่งประดิษฐ์ที่รัดกุมและมีความปลอดภัยมากกว่านี้ และตอนซ้อมหรือแม้กระทั้งตอนแข่งขันไม่มีโรงเรียนไหนเลยที่ใส่แมสป้องกันฝุ่นโฟมเหล่านี้ แต่ผมว่า ถึงใส่ไป เศษฝุ่นโฟมเล็กๆพวกนี้ก็ยังอัตรายอยุ่ดี คือติดไปตาม มือ ตามเสื้อผ้าเด็ก โดยที่เด็กเป็นแค่เด็กประถม อาจเผลอจับนั่นนี่แล้วเข้าปากเข้าจมูก
และเด็กอาจจะไม่ได้รับผลกระทบทันทีในระยะสั้น แต่สารเหล่านี้จะไปสะสมอยู่ในร่างกาย และจะเป็นปัญหาในด้านสุขภาพเด็กในอนาคต ต้องมาเสียค่ารักษาแพงๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องของการรักษามะเร็ง
เพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ ถ้ามันมีความอัตรายจริงควรหาหัวข้อสิ่งประดิษฐ์ที่ปลอดภัยต่อตัวเด็กนักเรียนมากกว่านี้ไหม โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่แค่อยุ่ในช่วงชั้นประถม (เกณฑ์การแข่งคือ ให้เลือกนักเรียนได้เฉพาะในช่วงชชั้น ป.4-6)
ถ้าจะบอกว่า "งั้นก็อย่าไปแข่งสิ" คือมันเลือกทำแบบนั้นได้แต่มันก็จะเป็นผลเสียกับตัวเรา เพราะเขตได้สร้างการแข่งขันขึ้นมาแล้ว โรงเรียนที่อยู่ในเขตนั้นๆก็ต้องเข้าร่วม เพื่อเป็นผลงานแก่ตัวครูและเขต เมื่อได้ผู้ชนะก็จะไปแข่งระดับประเทศ
ครูจะปฎิเสธไม่แข่งก็ได้ มันก็จะเป็นผลงานของครู เหมือนโดนบังคับกลายๆว่าต้องลงแข่ง ไม่แข่งก็ไม่มีผลงาน ไม่มีผลงานก็กระทบการขึ้นของเงินเดือนอีก
ซึ่งความเห็นของผมอย่างที่บอกคือ ทุกๆเขตพื้นที่การศึกษา (สพป.) ควรคิดและกำหนดการแข่งขันที่มันรัดกุม และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักต่อเด็กมากกว่านี้ ผมว่าแทนที่จะบอกว่า ก็อย่าไปแข่ง มันควรปรับเปลี่ยนตั้งแต่ต้นเหตุไหม ความคิดเห็นผมคือ มันควรมองให้รอบด้านกว่านี้ไหมก่อนจะจัดการแข่งขันโดนเฉพาะการแข่งขันประดิษฐ์ที่เป็นของนักเรียนช่วงชั้นประถม
ถ้าเป็นลูกหลานของท่านๆ หรือผู้ใหญ่ที่จัดการแข่งขัน ถามว่าอยากให้ลูกหลานมาเสี่ยงกับสิ่งที่อาจเป็นอันตรายเหล่านี้ไหม ฝากความเห็นไว้เท่านี้ครับ
ปล.การขัดโฟม ขัดโดยใช้กระดาษทรายทั้งหยาบ ทั้งเบอร์ที่ละเอียดมากๆ ทำให้ฝุ่นมีขนาดเล็ก แบบเล็กมากกกๆ ผมทดลองทำในที่ที่ไม่มีลม มันยังฟุ้งไปทั่ว
ฝุ่นของโฟมอันตรายไหม (โฟมประดิษฐ์ปีกเครื่องร่อนนักเรียน ป.4-ป.6) งานศิลปะหัตถกรรม สพป.
ถ้าดูไม่ผิดผมคิอว่าโฟมที่ใช้คงจะเป็นพวก Polystyrene ทำนองนี้ครับ
โดยเรื่องของเรื่องคือว่า ผมเองเป็นครูและทางเขตได้จัดแข่งงานศิลปหัตถกรรมโดยการแข่งขันมีหลายรายการ
หนึ่งในรายการที่โรงเรียนให้ลงแข่งคือ การทำเครื่องร่อนด้วยมือ(นักเรียนชั้น ประถม.6) ซึ่งในกติกา ต้องทำเครื่องร่อนจาก ไม้ และโฟมเป็นหลัก
โดยไม้เป็นลำตัว โฟมเป็นปีก โดยที่ทางเขตให้แต่ละโรงเรียนออกแบบเครื่องร่อน เขียนแบบขึ้นมา
ซึ่งปีกที่ทำจากโฟม ถ้าจะทำให้ลอยได้นานต้องทำให้ปีกมีลักษณะเป็นรูปทรงที่เรียกว่า air foil หรือเอาง่ายๆคือรูปทรงเหมือนปีกเครื่องบิน
ถ้านึกไม่ออกลองเซิดกูเกิลว่า air foil
โดยวิธีการทำที่ทุกๆโรงเรียนใช้ในการแข่ง คือ ตัดโฟมให้เป็นรูปร่างตามแบบแปลนที่เขียนไว้ แล้วใช้ ""กระดาษทรายขัด"" ที่โฟม ให้เป็นรูปร่างตามแบบที่ร่างไว้ ผมการันตีว่าทุกโรงเรียนใช้กระดาษทรายแน่นอน เพราะการจะทำปีกจากโฟมบาง 3-5 มิลลิเมตร ความกว้างปีก wing span ประมาณ 1 ไม้บรรทัด มีวิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะขึ้นรูปได้ก็คือกระดาษทราย ซึ่งในการแข่งขันก็แบบนี้มาทุกๆปี
ซึ่งการขัดโฟมโดยกระดาษทราย จะเกิดละอองโฟมเป็นจำนวนมากซึ่งควบคุมไม่ได้เลย ลมพัด หรือขยับเบาๆ เม็ดพวกนี้ก็ฟุ้งไปหมดแล้ว
ประเด็นคือเม็ดโฟมขนาดเล็กพวกนี้ เท่าที่หาดูโทษของโฟม คือ ถ้าเข้าร่างกายจะเป็นอัตรายอย่างมาก โดยจะเข้าไปที่ปอด แล้วจะกระจายไปที่อวัยวะภายในร่างกายตับ ไต ระบบเลือด และเป็นสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งต่างๆ ซึ่งผมคิดว่า ควรคิดรายการแข่งสิ่งประดิษฐ์ที่รัดกุมและมีความปลอดภัยมากกว่านี้ และตอนซ้อมหรือแม้กระทั้งตอนแข่งขันไม่มีโรงเรียนไหนเลยที่ใส่แมสป้องกันฝุ่นโฟมเหล่านี้ แต่ผมว่า ถึงใส่ไป เศษฝุ่นโฟมเล็กๆพวกนี้ก็ยังอัตรายอยุ่ดี คือติดไปตาม มือ ตามเสื้อผ้าเด็ก โดยที่เด็กเป็นแค่เด็กประถม อาจเผลอจับนั่นนี่แล้วเข้าปากเข้าจมูก
และเด็กอาจจะไม่ได้รับผลกระทบทันทีในระยะสั้น แต่สารเหล่านี้จะไปสะสมอยู่ในร่างกาย และจะเป็นปัญหาในด้านสุขภาพเด็กในอนาคต ต้องมาเสียค่ารักษาแพงๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องของการรักษามะเร็ง
เพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ ถ้ามันมีความอัตรายจริงควรหาหัวข้อสิ่งประดิษฐ์ที่ปลอดภัยต่อตัวเด็กนักเรียนมากกว่านี้ไหม โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่แค่อยุ่ในช่วงชั้นประถม (เกณฑ์การแข่งคือ ให้เลือกนักเรียนได้เฉพาะในช่วงชชั้น ป.4-6)
ถ้าจะบอกว่า "งั้นก็อย่าไปแข่งสิ" คือมันเลือกทำแบบนั้นได้แต่มันก็จะเป็นผลเสียกับตัวเรา เพราะเขตได้สร้างการแข่งขันขึ้นมาแล้ว โรงเรียนที่อยู่ในเขตนั้นๆก็ต้องเข้าร่วม เพื่อเป็นผลงานแก่ตัวครูและเขต เมื่อได้ผู้ชนะก็จะไปแข่งระดับประเทศ
ครูจะปฎิเสธไม่แข่งก็ได้ มันก็จะเป็นผลงานของครู เหมือนโดนบังคับกลายๆว่าต้องลงแข่ง ไม่แข่งก็ไม่มีผลงาน ไม่มีผลงานก็กระทบการขึ้นของเงินเดือนอีก
ซึ่งความเห็นของผมอย่างที่บอกคือ ทุกๆเขตพื้นที่การศึกษา (สพป.) ควรคิดและกำหนดการแข่งขันที่มันรัดกุม และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักต่อเด็กมากกว่านี้ ผมว่าแทนที่จะบอกว่า ก็อย่าไปแข่ง มันควรปรับเปลี่ยนตั้งแต่ต้นเหตุไหม ความคิดเห็นผมคือ มันควรมองให้รอบด้านกว่านี้ไหมก่อนจะจัดการแข่งขันโดนเฉพาะการแข่งขันประดิษฐ์ที่เป็นของนักเรียนช่วงชั้นประถม
ถ้าเป็นลูกหลานของท่านๆ หรือผู้ใหญ่ที่จัดการแข่งขัน ถามว่าอยากให้ลูกหลานมาเสี่ยงกับสิ่งที่อาจเป็นอันตรายเหล่านี้ไหม ฝากความเห็นไว้เท่านี้ครับ
ปล.การขัดโฟม ขัดโดยใช้กระดาษทรายทั้งหยาบ ทั้งเบอร์ที่ละเอียดมากๆ ทำให้ฝุ่นมีขนาดเล็ก แบบเล็กมากกกๆ ผมทดลองทำในที่ที่ไม่มีลม มันยังฟุ้งไปทั่ว