‘ประกันสังคม’ ปี 2567 ลงทุน 16 หุ้นพลังงาน มูลค่ารวม 4.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่พอร์ประกันสังคม 2.51 ล้านล้านบาท ไตรมาส 1/67 รับผลตอบแทน 1.42 หมื่นล้านบาท
‘กองทุนประกันสังคม’ ตกเป็นข่าวในแวดวงเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังมีการปรับเปลี่ยนการลงทุนเพื่อมุ่งเน้นในการลงทุน ‘ตราสารหนี้ไทย-ตราสารทุนต่างประเทศ-การลงทุนในหลักทรัพย์นอกตลาด’ ซึ่งจะทำให้กองทุนมีผลตอบแทนคาดหวังระดับสูงขึ้น รวมทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ‘ประกันสังคม’ อาศัยจังหวะช่วงตลาดหุ้นชะลอตัวเข้าซื้อหุ้น บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP จำนวน 1.95 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.1418% ทำให้สัดส่วนถือมากกว่า 15% โดย BCP เป็น 1 ในหุ้นกลุ่มพลังงานที่น่าสนใจ และที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ ‘ประกันสังคม’ มีการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานมากถึง 16 หลักทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 42.46 หมื่นล้านบาท (ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ 9 ก.ค.67)
1.บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) BCP
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 จำนวน 195,252,597 หุ้น สัดส่วน 14.18%
มูลค่า 7,517.22 ล้านบาท (ราคาปิด 38.50 บาท)
2.บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) BCPG
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 จำนวน 19,733,134 หุ้น สัดส่วน 0.66%
มูลค่า 125.31 ล้านบาท (ราคาปิด 6.35 บาท)
3.บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) BGRIM
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 9 จำนวน 32,410,000 หุ้น สัดส่วน 1.24%
มูลค่า 709.78 ล้านบาท (ราคาปิด 21.90 บาท)
4.บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) BPP
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 9 จำนวน 11,679,700 หุ้น สัดส่วน 0.38%
มูลค่า 148.33 ล้านบาท (ราคาปิด 12.70 บาท)
5.บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) BSRC
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 7 โดย บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 18,401,800 หุ้น สัดส่วน 0.53%
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 9 โดย บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด (2) จำนวน 15,922,833 หุ้น สัดส่วน 0.46%
มูลค่า 305.49 ล้านบาท (ราคาปิด 8.90 บาท)
6.บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) EGCO
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 จำนวน 22,816,900 หุ้น สัดส่วน 4.33%
มูลค่า 2,372.96 ล้านบาท (ราคาปิด 104.00 บาท)
7.บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) GPSC
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 6 จำนวน 44,121,295 หุ้น สัดส่วน 1.56%
มูลค่า 1,764.85 ล้านบาท (ราคาปิด 40.00 บาท)
8.บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) GULF
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 14 จำนวน 95,744,200 หุ้น สัดส่วน 0.82%
มูลค่า 3,877.64 ล้านบาท (ราคาปิด 40.50 บาท)
9.บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) IRPC
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 จำนวน 404,536,400 หุ้น สัดส่วน 1.98%
มูลค่า 663.43 ล้านบาท (ราคาปิด 1.64 บาท)
10.บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) OR
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 จำนวน 68,257,211 หุ้น สัดส่วน 0.57%
มูลค่า 1,105.77 ล้านบาท (ราคาปิด 16.20 บาท)
11.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) PTT
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 7 จำนวน 456,259,900 หุ้น สัดส่วน 1.60%
มูลค่า 15,056.58 ล้านบาท (ราคาปิด 33.00 บาท)
12.บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) PTTEP
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 จำนวน 29,406,877 หุ้น สัดส่วน 0.74%
มูลค่า 4,455.14 ล้านบาท (ราคาปิด 151.50 บาท)
13.บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) RATCH
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 จำนวน 101,870,550 หุ้น สัดส่วน 4.68%
มูลค่า 2,852.38 ล้านบาท (ราคาปิด 28.00 บาท)
14.บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) SPRC
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 11 จำนวน 22,091,800 หุ้น สัดส่วน 0.51%
มูลค่า 181.15 ล้านบาท (ราคาปิด 8.20 บาท)
15.บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) SSP
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 20 จำนวน 7,554,000 หุ้น สัดส่วน 0.55%
มูลค่า 48.35 ล้านบาท (ราคาปิด 6.40 บาท)
16.บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) TOP
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 จำนวน 23,817,510 หุ้น สัดส่วน 1.07%
มูลค่า 1,274.24 ล้านบาท (ราคาปิด 53.50 บาท)
ทั้งนี้ เงินลงทุนของกองทุนประกันสังคม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มีมูลค่าทั้งสิ้น 2.51 ล้านล้านบาท หรือ โดยลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงเพื่อความยั่งยืนของกองทุนในระยะยาว รวมทั้งพิจารณาลงทุนใน หลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน
ปัจจุบันกองทุนมีการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง จำนวน 1.80 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 71.58 และลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยง จำนวน 712,947 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 28.42 ซึ่ง เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการประกันสังคมว่าด้วยการจัดหาผลประโยชน์ของกองทุนประกันสังคม พ.ศ. 2559 ที่กำหนดให้ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 และลงทุนในหลักทรัพย์ที่มี ความเสี่ยงไม่เกินร้อยละ 40
โดยมีการกระจายการลงทุนในประเทศจำนวน 1,758,382 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 70.09 และต่างประเทศ จำนวน 750,347 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 29.91 ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการ เงื่อนไข หรือสัดส่วนการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ (ฉบับที่ 7) ที่กำหนดให้ ลงทุนในต่างประเทศได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ 35.30 ของเงินกองทุน
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2534 จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ 31 มีนาคม 2567) เงินลงทุนรวมของกองทุนประกันสังคม มูลค่ารวม 2.51 ล้านล้านบาท ประกอบด้วยเงินจาก 2 ส่วนหลัก คือ เงินสมทบสะสมจากนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล รวมจำนวน 1,560,697 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 62.21 และเงินผลประโยชน์สะสมที่ได้รับ จากการลงทุน จำนวน 948,032 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.79 โดยมีสัดส่วนของเงินสมทบและเงิน ผลประโยชน์สะสมจากการลงทุนในแต่ละปีย้อนหลังเป็นเวลา 10 ปี
ในส่วนของผลประโยชน์สะสมจากการลงทุน ประกอบด้วยผลประโยชน์จากการลงทุนที่รับรู้แล้ว และผลประโยชน์จากการลงทุนที่ยังไม่รับรู้ซึ่งในส่วนของผลประโยชน์จากการลงทุนที่รับรู้แล้ว ประกอบด้วย ดอกเบี้ยรับและกำไรจากการขายตราสารหนี้และ เงินปันผลรับและกำไรจากการขายตราสารทุน โดยแสดง ข้อมูลผลประโยชน์จากการลงทุนที่รับรู้แล้วของแต่ละปีย้อนหลังเป็นเวลา 10 ปี
ซึ่งในปี 2567 (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567) กองทุนประกันสังคมมีผลประโยชน์จากการลงทุนที่รับรู้ แล้วทั้งสิ้น จำนวน 14,175 ล้านบาท ประกอบด้วย ดอกเบี้ยรับและกำไรจากการขายตราสารหนี้จำนวน 10,188 ล้านบาท และเงินปันผลรับและกำไรจากการขายตราสารทุน จำนวน 3,987 ล้านบาท
ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด ให้ข้อมูลกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า สิ่งที่หลายคนกำลังกังวลกันกับรายจ่ายการประกันสุขภาพอาจจะสูงขึ้น จากประกันสังคมที่จะเริ่มมีการเบิกจ่าย ขณะเดียวกันรายได้ รายรับที่เข้ามาจะแย่มาก ประชากรรุ่นปัจจุบันที่เกิดต่ำกว่าช่วง 10 ปีที่แล้วหายไปประมาณ 40% โดยคนเหล่านี้จะกลายเป็นผู้ที่นำส่งเข้ากองทุนประกันสังคม กลายเป็นว่า คนนำส่งเข้าน้อยลง แต่คนเคลมเยอะ จึงมองว่า เป็นวิกฤติแน่นอน
ล่าสุดมีการเข้าไปลงทุนในหุ้นพลังงานเพิ่ม อย่าง บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP ถือว่าไม่ได้แย่ เพราะการที่บางจากได้ซื้อเอสโซ่ไป เหมือนได้ซื้อโรงกลั่นจำพวกน้ำมันเบนซินเกรดดี ๆ ได้ เช่น เอสโซ่ มีน้ำมันเบนซิน 97 เพราะสามารถกลั่นในเกรดดีได้ บางจากไปซื้อก็ถือว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้ตัวเอง รวมถึงได้สาขาของเอสโซ่มาด้วย โดยเดิมทีบางจากมีสไตส์การจ่ายปันผลที่ดี ดังนั้นการที่ประกันสังคมเข้าไปลงทุนในราคา ณ ปัจจุบัน ถ้าว่าไม่ได้แย่และไม่ได้เลวร้าย
วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีการปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม เป็นระยะเวลา 3 เดือน เป็นการกระทบจำกัด เพราะจะทำให้รายได้ของกองทุนหายไปประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งถ้าเทียบกับเงินกองทุนที่ 2.6 ล้านล้านบาท คิดเป็นประมาณ 1% และที่ผ่านมารายได้กับค่าใช้จ่ายของกองทุนมีมากกว่าค่าใช้จ่ายประมาณครึ่งหนึ่ง ในระยะสั้นน่าจะไม่ได้มีผลกระทบแต่อย่างใด กระทบค่อนข้างจำกัด แต่ถ้าระยะยาว ต้องดูว่า จะมีการใช้เม็ดเงินที่เยอะขึ้นเรื่องการรักษา แต่เชื่อว่าประกันสังคมจะมีการปรับตัวขึ้นเงินสมทบจาก 750 บาท ในระยะถัดไปอาจจะมีการปรับขึ้นไปที่ 800 - 1,000 บาท
ทั้งนี้ในส่วนของประกันสังคมที่ล่าสุดมีการเข้าไปซื้อหุ้น บางจาก คอร์ปอเรชั่น เป็นภาพเชิงเซนติเมนในช่วงสั้น อาจจะมีมุมมองปัจจัย ณ ราคานี้ Outlook น่าจะมีความคุ้มค่า
อย่างไรก็ตาม มองว่าหุ้นกลุ่มพลังงานในระยะสั้น ในส่วนของน้ำมันและโรงกลั่นไตรมาส 2/67 จะเริ่มเห็นการฟื้นตัว และครึ่งปีหลัง ขณะที่ไตรมาส 3/67 น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้อยู่เช่นกัน แต่ไตรมาส 4/67 จะมีช่วงไฮซีซั่นสลับกับช่วงน่าร้อน เพราะหน้าหนาวจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของแก๊ส
ขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้ครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวได้ดีน่าจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะว่าต้นทุนจากแก๊สในอ่าวไทยที่มีการขุดขึ้นมาจะช่วยให้ต้นทุนปรับลดลงมาได้ รวมถึงถ้าค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าในช่วงครึ่งปีหลังก็จะเป็นตัวช่วยด้วยเช่นกัน ฉะนั้นแล้วกลุ่มพลังงานโดยรวมค่อนข้างดีในครึ่งปีหลังนี้
Cr.
https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1135096
เช็ก ‘ประกันสังคม’ ปี 67 ลงทุน 16 หุ้นพลังงาน มูลค่ารวม 4.2 หมื่นล้าน
‘กองทุนประกันสังคม’ ตกเป็นข่าวในแวดวงเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังมีการปรับเปลี่ยนการลงทุนเพื่อมุ่งเน้นในการลงทุน ‘ตราสารหนี้ไทย-ตราสารทุนต่างประเทศ-การลงทุนในหลักทรัพย์นอกตลาด’ ซึ่งจะทำให้กองทุนมีผลตอบแทนคาดหวังระดับสูงขึ้น รวมทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ‘ประกันสังคม’ อาศัยจังหวะช่วงตลาดหุ้นชะลอตัวเข้าซื้อหุ้น บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP จำนวน 1.95 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.1418% ทำให้สัดส่วนถือมากกว่า 15% โดย BCP เป็น 1 ในหุ้นกลุ่มพลังงานที่น่าสนใจ และที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ ‘ประกันสังคม’ มีการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานมากถึง 16 หลักทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 42.46 หมื่นล้านบาท (ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ 9 ก.ค.67)
1.บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) BCP
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 จำนวน 195,252,597 หุ้น สัดส่วน 14.18%
มูลค่า 7,517.22 ล้านบาท (ราคาปิด 38.50 บาท)
2.บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) BCPG
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 จำนวน 19,733,134 หุ้น สัดส่วน 0.66%
มูลค่า 125.31 ล้านบาท (ราคาปิด 6.35 บาท)
3.บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) BGRIM
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 9 จำนวน 32,410,000 หุ้น สัดส่วน 1.24%
มูลค่า 709.78 ล้านบาท (ราคาปิด 21.90 บาท)
4.บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) BPP
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 9 จำนวน 11,679,700 หุ้น สัดส่วน 0.38%
มูลค่า 148.33 ล้านบาท (ราคาปิด 12.70 บาท)
5.บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) BSRC
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 7 โดย บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 18,401,800 หุ้น สัดส่วน 0.53%
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 9 โดย บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด (2) จำนวน 15,922,833 หุ้น สัดส่วน 0.46%
มูลค่า 305.49 ล้านบาท (ราคาปิด 8.90 บาท)
6.บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) EGCO
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 จำนวน 22,816,900 หุ้น สัดส่วน 4.33%
มูลค่า 2,372.96 ล้านบาท (ราคาปิด 104.00 บาท)
7.บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) GPSC
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 6 จำนวน 44,121,295 หุ้น สัดส่วน 1.56%
มูลค่า 1,764.85 ล้านบาท (ราคาปิด 40.00 บาท)
8.บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) GULF
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 14 จำนวน 95,744,200 หุ้น สัดส่วน 0.82%
มูลค่า 3,877.64 ล้านบาท (ราคาปิด 40.50 บาท)
9.บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) IRPC
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 จำนวน 404,536,400 หุ้น สัดส่วน 1.98%
มูลค่า 663.43 ล้านบาท (ราคาปิด 1.64 บาท)
10.บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) OR
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 จำนวน 68,257,211 หุ้น สัดส่วน 0.57%
มูลค่า 1,105.77 ล้านบาท (ราคาปิด 16.20 บาท)
11.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) PTT
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 7 จำนวน 456,259,900 หุ้น สัดส่วน 1.60%
มูลค่า 15,056.58 ล้านบาท (ราคาปิด 33.00 บาท)
12.บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) PTTEP
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 จำนวน 29,406,877 หุ้น สัดส่วน 0.74%
มูลค่า 4,455.14 ล้านบาท (ราคาปิด 151.50 บาท)
13.บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) RATCH
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 จำนวน 101,870,550 หุ้น สัดส่วน 4.68%
มูลค่า 2,852.38 ล้านบาท (ราคาปิด 28.00 บาท)
14.บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) SPRC
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 11 จำนวน 22,091,800 หุ้น สัดส่วน 0.51%
มูลค่า 181.15 ล้านบาท (ราคาปิด 8.20 บาท)
15.บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) SSP
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 20 จำนวน 7,554,000 หุ้น สัดส่วน 0.55%
มูลค่า 48.35 ล้านบาท (ราคาปิด 6.40 บาท)
16.บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) TOP
ประกันสังคมถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 จำนวน 23,817,510 หุ้น สัดส่วน 1.07%
มูลค่า 1,274.24 ล้านบาท (ราคาปิด 53.50 บาท)
ทั้งนี้ เงินลงทุนของกองทุนประกันสังคม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มีมูลค่าทั้งสิ้น 2.51 ล้านล้านบาท หรือ โดยลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงเพื่อความยั่งยืนของกองทุนในระยะยาว รวมทั้งพิจารณาลงทุนใน หลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน
ปัจจุบันกองทุนมีการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง จำนวน 1.80 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 71.58 และลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยง จำนวน 712,947 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 28.42 ซึ่ง เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการประกันสังคมว่าด้วยการจัดหาผลประโยชน์ของกองทุนประกันสังคม พ.ศ. 2559 ที่กำหนดให้ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 และลงทุนในหลักทรัพย์ที่มี ความเสี่ยงไม่เกินร้อยละ 40
โดยมีการกระจายการลงทุนในประเทศจำนวน 1,758,382 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 70.09 และต่างประเทศ จำนวน 750,347 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 29.91 ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการ เงื่อนไข หรือสัดส่วนการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ (ฉบับที่ 7) ที่กำหนดให้ ลงทุนในต่างประเทศได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ 35.30 ของเงินกองทุน
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2534 จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ 31 มีนาคม 2567) เงินลงทุนรวมของกองทุนประกันสังคม มูลค่ารวม 2.51 ล้านล้านบาท ประกอบด้วยเงินจาก 2 ส่วนหลัก คือ เงินสมทบสะสมจากนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล รวมจำนวน 1,560,697 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 62.21 และเงินผลประโยชน์สะสมที่ได้รับ จากการลงทุน จำนวน 948,032 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.79 โดยมีสัดส่วนของเงินสมทบและเงิน ผลประโยชน์สะสมจากการลงทุนในแต่ละปีย้อนหลังเป็นเวลา 10 ปี
ในส่วนของผลประโยชน์สะสมจากการลงทุน ประกอบด้วยผลประโยชน์จากการลงทุนที่รับรู้แล้ว และผลประโยชน์จากการลงทุนที่ยังไม่รับรู้ซึ่งในส่วนของผลประโยชน์จากการลงทุนที่รับรู้แล้ว ประกอบด้วย ดอกเบี้ยรับและกำไรจากการขายตราสารหนี้และ เงินปันผลรับและกำไรจากการขายตราสารทุน โดยแสดง ข้อมูลผลประโยชน์จากการลงทุนที่รับรู้แล้วของแต่ละปีย้อนหลังเป็นเวลา 10 ปี
ซึ่งในปี 2567 (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567) กองทุนประกันสังคมมีผลประโยชน์จากการลงทุนที่รับรู้ แล้วทั้งสิ้น จำนวน 14,175 ล้านบาท ประกอบด้วย ดอกเบี้ยรับและกำไรจากการขายตราสารหนี้จำนวน 10,188 ล้านบาท และเงินปันผลรับและกำไรจากการขายตราสารทุน จำนวน 3,987 ล้านบาท
ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด ให้ข้อมูลกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า สิ่งที่หลายคนกำลังกังวลกันกับรายจ่ายการประกันสุขภาพอาจจะสูงขึ้น จากประกันสังคมที่จะเริ่มมีการเบิกจ่าย ขณะเดียวกันรายได้ รายรับที่เข้ามาจะแย่มาก ประชากรรุ่นปัจจุบันที่เกิดต่ำกว่าช่วง 10 ปีที่แล้วหายไปประมาณ 40% โดยคนเหล่านี้จะกลายเป็นผู้ที่นำส่งเข้ากองทุนประกันสังคม กลายเป็นว่า คนนำส่งเข้าน้อยลง แต่คนเคลมเยอะ จึงมองว่า เป็นวิกฤติแน่นอน
ล่าสุดมีการเข้าไปลงทุนในหุ้นพลังงานเพิ่ม อย่าง บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP ถือว่าไม่ได้แย่ เพราะการที่บางจากได้ซื้อเอสโซ่ไป เหมือนได้ซื้อโรงกลั่นจำพวกน้ำมันเบนซินเกรดดี ๆ ได้ เช่น เอสโซ่ มีน้ำมันเบนซิน 97 เพราะสามารถกลั่นในเกรดดีได้ บางจากไปซื้อก็ถือว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้ตัวเอง รวมถึงได้สาขาของเอสโซ่มาด้วย โดยเดิมทีบางจากมีสไตส์การจ่ายปันผลที่ดี ดังนั้นการที่ประกันสังคมเข้าไปลงทุนในราคา ณ ปัจจุบัน ถ้าว่าไม่ได้แย่และไม่ได้เลวร้าย
วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีการปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม เป็นระยะเวลา 3 เดือน เป็นการกระทบจำกัด เพราะจะทำให้รายได้ของกองทุนหายไปประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งถ้าเทียบกับเงินกองทุนที่ 2.6 ล้านล้านบาท คิดเป็นประมาณ 1% และที่ผ่านมารายได้กับค่าใช้จ่ายของกองทุนมีมากกว่าค่าใช้จ่ายประมาณครึ่งหนึ่ง ในระยะสั้นน่าจะไม่ได้มีผลกระทบแต่อย่างใด กระทบค่อนข้างจำกัด แต่ถ้าระยะยาว ต้องดูว่า จะมีการใช้เม็ดเงินที่เยอะขึ้นเรื่องการรักษา แต่เชื่อว่าประกันสังคมจะมีการปรับตัวขึ้นเงินสมทบจาก 750 บาท ในระยะถัดไปอาจจะมีการปรับขึ้นไปที่ 800 - 1,000 บาท
ทั้งนี้ในส่วนของประกันสังคมที่ล่าสุดมีการเข้าไปซื้อหุ้น บางจาก คอร์ปอเรชั่น เป็นภาพเชิงเซนติเมนในช่วงสั้น อาจจะมีมุมมองปัจจัย ณ ราคานี้ Outlook น่าจะมีความคุ้มค่า
อย่างไรก็ตาม มองว่าหุ้นกลุ่มพลังงานในระยะสั้น ในส่วนของน้ำมันและโรงกลั่นไตรมาส 2/67 จะเริ่มเห็นการฟื้นตัว และครึ่งปีหลัง ขณะที่ไตรมาส 3/67 น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้อยู่เช่นกัน แต่ไตรมาส 4/67 จะมีช่วงไฮซีซั่นสลับกับช่วงน่าร้อน เพราะหน้าหนาวจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของแก๊ส
ขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้ครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวได้ดีน่าจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะว่าต้นทุนจากแก๊สในอ่าวไทยที่มีการขุดขึ้นมาจะช่วยให้ต้นทุนปรับลดลงมาได้ รวมถึงถ้าค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าในช่วงครึ่งปีหลังก็จะเป็นตัวช่วยด้วยเช่นกัน ฉะนั้นแล้วกลุ่มพลังงานโดยรวมค่อนข้างดีในครึ่งปีหลังนี้
Cr. https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1135096