เรื่องมีอยู่ว่า แฟนเราไปเปนลูกจ้างเต๊นรถ แล้วเจ้าของเต๊นก็ด้วยความสนิทก็มาขอใช้เครดิตเรา บอกว่าชื่อตัวเองกู้รถให้พ่อไม่ได้ จะขอยืมเครดิต สัก6เดือน
ได้เงินก้อนแล้วจะปิด
จนวันเวลาผ่านไป 3ปีได้ ระหว่างนั้นเขาก็ผ่อนยอดมาตลอดและบอกว่ายังปิดหรือเปลี่ยนสัญญาไม่ได้ รถก็คือพ่อเขาใช้จริง
เราเลยทนไม่ไหว บอกแฟนว่าให้เอารถมาขาย เพราะเราจะทำธุรกรรมอะไรมันยากไปหมด เพราะเครดิตเต็ม
อ่อ รถที่เขาใช้เครดิตเราซื้อ คือ เบนซ์ รุ่นนึงก็แล้วกัน มูลค่ารถตอนซื้อ มันราวๆ 1ลบ. แต่เขากู้เงินไป 2ลบ กับธนาคาร ธนชาต ซึ่งเขาสนิทกับสินเชื่อ
แต่เราไม่เคยรู้เลย ว่ามันสามารถกู้เกินวงเงินได้เท่าตัวขนาดนี้เลยหรอ จนกระทั่งวันที่รู้ก็ล่วงเลยมาแล้วหลายปี okทำใจ เอารถมาขายก็ทำไม่ได่เพราะมีส่วนต่าง เราเลยปรึกษาทนาย เขาเลยทำหนังสือสัญญามั่น" ก็คือหนังสือที่จะไว้ฟ้องเจ้าของเต๊นคนนี้ ตอนที่เขาไม่ผ่อน นะแหละ !!! เราก็ทำไว้ละ จนวันนี้
วันที่ 8/7/67 ตอนนี้ สัญญาเช่าซื้อรถคันนี้ หนี้คงค้างอยู่ที่ 1.2ลบ ในขณะที่รถยนต์ ถ้าเอามาขายก็ราคาน่าจะประมาณ7แสนบาท มันจะมีส่วนต่างอยู่
ที่วันนี้อยากระบายเรื่องนี้ คือ กำลังคิดว่า ถ้าเปนคนอื่นจะเลือกวิธีไหน ???
คือตอนนี้ไอเจ้าของเต๊น ในจะแย่แล้ว ไม่น่าผ่อนไหว เราเลยปรึกษาทนาย
ทนายบอกว่า ว่าก็มีทางอยู่ ที่จะไปเอารถมาไว้กับเราก่อน และปล่อยให้ธนาคารเปนคนฟ้องเรา และมันจะมีในส่วนท้ายของคำฟ้องว่า
ให้คืนเงินมูลค่า1.2ลบ....หรือ คืนรถ แล้วเราค่อยคืนรถ ในตอนนั้น แต่ทุกคน ตรงนี้มันมีจริงๆ ใช่ไหม คือเราไม่เคยได้ยินเลย เคยแต่ได่ยินว่า ส่วนต่างเราต้องมารับผิดชอบเอง ไรแบบนี้
และที่สำคัญที่เราห่วงเลยคือ เครดิตเราจะเปนยังไง จะรีไฟแนนบ้านได้ไหม หลังจากเจอกรณีแบบนี้ เราจะติดบูโร หรือ แบลคลิสไหม
แล้วเราเอาเรื่องอะไรกับแบงที่มัน อนุมัติเงินเกินแบบนี้ไม่ได้เลยหรอ
โครตเจ็บใจเลยจิงๆ นี่ผ่านมาร่วม6ปีละกับเรื่องนี้ ป่วยเปนซึมเศร้า เครียด มากๆ ใครพอมีความรู้ ช่วยทีนะคะขอบคุณคะ
ควรฟ้องใครก่อนดี
ได้เงินก้อนแล้วจะปิด
จนวันเวลาผ่านไป 3ปีได้ ระหว่างนั้นเขาก็ผ่อนยอดมาตลอดและบอกว่ายังปิดหรือเปลี่ยนสัญญาไม่ได้ รถก็คือพ่อเขาใช้จริง
เราเลยทนไม่ไหว บอกแฟนว่าให้เอารถมาขาย เพราะเราจะทำธุรกรรมอะไรมันยากไปหมด เพราะเครดิตเต็ม
อ่อ รถที่เขาใช้เครดิตเราซื้อ คือ เบนซ์ รุ่นนึงก็แล้วกัน มูลค่ารถตอนซื้อ มันราวๆ 1ลบ. แต่เขากู้เงินไป 2ลบ กับธนาคาร ธนชาต ซึ่งเขาสนิทกับสินเชื่อ
แต่เราไม่เคยรู้เลย ว่ามันสามารถกู้เกินวงเงินได้เท่าตัวขนาดนี้เลยหรอ จนกระทั่งวันที่รู้ก็ล่วงเลยมาแล้วหลายปี okทำใจ เอารถมาขายก็ทำไม่ได่เพราะมีส่วนต่าง เราเลยปรึกษาทนาย เขาเลยทำหนังสือสัญญามั่น" ก็คือหนังสือที่จะไว้ฟ้องเจ้าของเต๊นคนนี้ ตอนที่เขาไม่ผ่อน นะแหละ !!! เราก็ทำไว้ละ จนวันนี้
วันที่ 8/7/67 ตอนนี้ สัญญาเช่าซื้อรถคันนี้ หนี้คงค้างอยู่ที่ 1.2ลบ ในขณะที่รถยนต์ ถ้าเอามาขายก็ราคาน่าจะประมาณ7แสนบาท มันจะมีส่วนต่างอยู่
ที่วันนี้อยากระบายเรื่องนี้ คือ กำลังคิดว่า ถ้าเปนคนอื่นจะเลือกวิธีไหน ???
คือตอนนี้ไอเจ้าของเต๊น ในจะแย่แล้ว ไม่น่าผ่อนไหว เราเลยปรึกษาทนาย
ทนายบอกว่า ว่าก็มีทางอยู่ ที่จะไปเอารถมาไว้กับเราก่อน และปล่อยให้ธนาคารเปนคนฟ้องเรา และมันจะมีในส่วนท้ายของคำฟ้องว่า
ให้คืนเงินมูลค่า1.2ลบ....หรือ คืนรถ แล้วเราค่อยคืนรถ ในตอนนั้น แต่ทุกคน ตรงนี้มันมีจริงๆ ใช่ไหม คือเราไม่เคยได้ยินเลย เคยแต่ได่ยินว่า ส่วนต่างเราต้องมารับผิดชอบเอง ไรแบบนี้
และที่สำคัญที่เราห่วงเลยคือ เครดิตเราจะเปนยังไง จะรีไฟแนนบ้านได้ไหม หลังจากเจอกรณีแบบนี้ เราจะติดบูโร หรือ แบลคลิสไหม
แล้วเราเอาเรื่องอะไรกับแบงที่มัน อนุมัติเงินเกินแบบนี้ไม่ได้เลยหรอ
โครตเจ็บใจเลยจิงๆ นี่ผ่านมาร่วม6ปีละกับเรื่องนี้ ป่วยเปนซึมเศร้า เครียด มากๆ ใครพอมีความรู้ ช่วยทีนะคะขอบคุณคะ