😎😎😎
ดำเนินมาถึงภาคที่ 4 แล้ว กับคู่หู ไมค์ และ มาร์คัส ที่ยังคงความเป็นหนังคู่หูตำรวจที่ยังคงความมันส์และความสนุกไว้เหมือนเดิม โดยก็ยังได้นักแสดงคู่เดิม วิล สมิธ และ มาร์ติน ลอว์เรนซ์ กลับมารับบทเดิม ในเรื่องราวที่พยายามจะพาไปหาสิ่งใหม่ๆ เพียงแต่ว่า หนังยังคงเพลย์เซฟในตัวเองพอสมควร
😎😎😎
เรื่องราวของสองหนุ่มคู่หู “แบดบอยส์” กลับมาอีกครั้งเมื่อเจ้านายเก่าของสองตำรวจไมอามี่ ไมค์ และ มาร์คัส ถูกป้ายสีว่าทำงานรับใช้ขบวนการค้ายาเสพติด ทั้งสองจึงต้องออกแอ็คชั่นเพื่อล้างมลทินให้กับอดีตเจ้านาย แต่ระหว่างสืบคดี ไมค์และมาร์คัสกลับไปเหยียบตาปลาเจ้าพ่อมาเฟีย ที่วางแผนชั่วทำให้ทั้งคู่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์ใหญ่ที่ทางการต้องการตัวเสียเอง ตำรวจสายบู๊อย่างไมค์และสายซ่าอย่างมาร์คัสกลับกลายเป็นผู้ร้ายที่ต้องหนีและดิ้นรนคลี่คลายคดีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง
😎😎😎
ด้วยความคิดถึงสองคู่หู ไมค์ และ มาร์คัส หลังจากที่ภาค 3 Bad Boys For Life ใoปี 2020 ที่กลับมาอีกครั้งในปีนี้ ถามว่าคาดหวังอะไรเยอะมั๊ยจากเรื่องนี้ ส่วนตัวผมต้องบอกว่า ไม่ได้คาดหวังอะไรสักเท่าไหร่ หลังจากที่ดูภาค 3 แล้ว ภาคนี้ก็คิดว่าอาจจะมีอะไรแปลกใหม่กว่าเดิมเนอะ แต่ก็เหมือนกับไม่มีอะไรเกินคาด
😎😎😎
หนังเดินเรื่องเพลย์เซฟในรูปแบบเดิมๆ เพิ่มเติมคือการเอาเรื่องของวัยที่สูงขึ้นและทั้งสองคนที่เริ่มมีชีวิตที่เหมือนชายวัยใกล้เกษียณมากขึ้น กับทั้งสองคนที่เริ่มมีปัญหากับสุขภาพของวัย ตอนเริ่มแรกที่หนังเล่าถึงอาการสุขภาพของ มาร์คัส ที่ดูเหมือนจะวิกฤต และเปิดเรื่องไปทางอาการ "เชื่อมจิต" ของมาร์คัส ผมคิดว่า เอาแล้ว หนังมันกำลังสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้กับเรื่องราวในภาคนี้แน่ๆ แต่สุดท้ายอาการ "เชื่อมจิต" ของมาร์คัสก็ไม่ได้มีส่วนอะไรกับหนัง กลายเป็นเพียงองค์ประกอบที่จางลงเรื่อยๆ จนจบท้ายเรื่องก็ยังไม่รู้ว่าใส่เข้ามาทำไม
😎😎😎
แต่จุดแข็งของเรื่องนี้ แน่นอนมันคือฉากแอ็คชั่นครับ หนังเรื่องนี้ฉากแอ็คชั่นสนุกมาก ถึงแม้ภาคนี้อาจจะไม่ได้ระเบิดตูมตามสะใจอะไรมากมาย แต่เป็นแอ็คชั่นที่ดูสนุกและมีมุมกล้องแปลกๆ สวยๆ อยู่ตลอดเวลา และทั้งสองหนุ่มใหญ่ก็ยังทำได้ดีมาก บวกกับการได้นักแสดงสมทบอีกหลายคนมาช่วยร่วมในทีมปฏิบัติการ ก็ยิ่งทำให้มันขับความเท่ของสองหนุ่มแบดบอยได้ดีเลยทีเดียว
😎😎😎
แต่สิ่งที่ยังขัดใจอยู่หน่อยก็คือ เส้นเรื่องและสไตล์ของหนังเรื่องนี้ มันก็ยังค่อยข้างอยู่ในกรอบเดิมๆ ไม่ได้ฉีกไปไหน ทำให้คนที่ดูภาค 1, 2, 3 มาแล้วก็จะดูภาคนี้ได้แบบเพลินๆ ให้หายคิดถึง แต่อาจจะไม่ได้เป็นภาพจำอะไรเหมือนชื่อเรื่องภาษาไทย "ลุยต่อให้โลกจำ" สักเท่าไหร่
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] Bad Boys Ride or Die คู่หูขวางนรก ลุยต่อให้โลกจำ - แบดบอยที่ยังคงความมันส์ในรูปแบบเดิม แต่โลกจะจำรึเปล่าไม่รู้
😎😎😎
ดำเนินมาถึงภาคที่ 4 แล้ว กับคู่หู ไมค์ และ มาร์คัส ที่ยังคงความเป็นหนังคู่หูตำรวจที่ยังคงความมันส์และความสนุกไว้เหมือนเดิม โดยก็ยังได้นักแสดงคู่เดิม วิล สมิธ และ มาร์ติน ลอว์เรนซ์ กลับมารับบทเดิม ในเรื่องราวที่พยายามจะพาไปหาสิ่งใหม่ๆ เพียงแต่ว่า หนังยังคงเพลย์เซฟในตัวเองพอสมควร
😎😎😎
เรื่องราวของสองหนุ่มคู่หู “แบดบอยส์” กลับมาอีกครั้งเมื่อเจ้านายเก่าของสองตำรวจไมอามี่ ไมค์ และ มาร์คัส ถูกป้ายสีว่าทำงานรับใช้ขบวนการค้ายาเสพติด ทั้งสองจึงต้องออกแอ็คชั่นเพื่อล้างมลทินให้กับอดีตเจ้านาย แต่ระหว่างสืบคดี ไมค์และมาร์คัสกลับไปเหยียบตาปลาเจ้าพ่อมาเฟีย ที่วางแผนชั่วทำให้ทั้งคู่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์ใหญ่ที่ทางการต้องการตัวเสียเอง ตำรวจสายบู๊อย่างไมค์และสายซ่าอย่างมาร์คัสกลับกลายเป็นผู้ร้ายที่ต้องหนีและดิ้นรนคลี่คลายคดีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง
😎😎😎
ด้วยความคิดถึงสองคู่หู ไมค์ และ มาร์คัส หลังจากที่ภาค 3 Bad Boys For Life ใoปี 2020 ที่กลับมาอีกครั้งในปีนี้ ถามว่าคาดหวังอะไรเยอะมั๊ยจากเรื่องนี้ ส่วนตัวผมต้องบอกว่า ไม่ได้คาดหวังอะไรสักเท่าไหร่ หลังจากที่ดูภาค 3 แล้ว ภาคนี้ก็คิดว่าอาจจะมีอะไรแปลกใหม่กว่าเดิมเนอะ แต่ก็เหมือนกับไม่มีอะไรเกินคาด
😎😎😎
หนังเดินเรื่องเพลย์เซฟในรูปแบบเดิมๆ เพิ่มเติมคือการเอาเรื่องของวัยที่สูงขึ้นและทั้งสองคนที่เริ่มมีชีวิตที่เหมือนชายวัยใกล้เกษียณมากขึ้น กับทั้งสองคนที่เริ่มมีปัญหากับสุขภาพของวัย ตอนเริ่มแรกที่หนังเล่าถึงอาการสุขภาพของ มาร์คัส ที่ดูเหมือนจะวิกฤต และเปิดเรื่องไปทางอาการ "เชื่อมจิต" ของมาร์คัส ผมคิดว่า เอาแล้ว หนังมันกำลังสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้กับเรื่องราวในภาคนี้แน่ๆ แต่สุดท้ายอาการ "เชื่อมจิต" ของมาร์คัสก็ไม่ได้มีส่วนอะไรกับหนัง กลายเป็นเพียงองค์ประกอบที่จางลงเรื่อยๆ จนจบท้ายเรื่องก็ยังไม่รู้ว่าใส่เข้ามาทำไม
😎😎😎
แต่จุดแข็งของเรื่องนี้ แน่นอนมันคือฉากแอ็คชั่นครับ หนังเรื่องนี้ฉากแอ็คชั่นสนุกมาก ถึงแม้ภาคนี้อาจจะไม่ได้ระเบิดตูมตามสะใจอะไรมากมาย แต่เป็นแอ็คชั่นที่ดูสนุกและมีมุมกล้องแปลกๆ สวยๆ อยู่ตลอดเวลา และทั้งสองหนุ่มใหญ่ก็ยังทำได้ดีมาก บวกกับการได้นักแสดงสมทบอีกหลายคนมาช่วยร่วมในทีมปฏิบัติการ ก็ยิ่งทำให้มันขับความเท่ของสองหนุ่มแบดบอยได้ดีเลยทีเดียว
😎😎😎
แต่สิ่งที่ยังขัดใจอยู่หน่อยก็คือ เส้นเรื่องและสไตล์ของหนังเรื่องนี้ มันก็ยังค่อยข้างอยู่ในกรอบเดิมๆ ไม่ได้ฉีกไปไหน ทำให้คนที่ดูภาค 1, 2, 3 มาแล้วก็จะดูภาคนี้ได้แบบเพลินๆ ให้หายคิดถึง แต่อาจจะไม่ได้เป็นภาพจำอะไรเหมือนชื่อเรื่องภาษาไทย "ลุยต่อให้โลกจำ" สักเท่าไหร่
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้