เราเคยอยากเปลี่ยนศาสนาเพราะโตมากับหนังฝรั่ง เพลงสากล ทำให้อินกับวัฒนธรรมตะวันตกมากกว่า รวมถึงเรื่องศาสนาด้วย อยากเข้าโบสถ์มากกว่าเข้าวัด ตอนเด็กๆเคยคิดว่าวัดน่ากลัวมีผีด้วย ถ้านับถือศาสนาคริสต์ก็จะไม่มีผี ตามประสาเด็ก เคยคุยกับแม่กับคนในครอบครัวบ้างว่าอยากนับถือศาสนาคริสต์นะแต่ไม่ได้จริงจัง แน่นอนว่าทุกคนปฎิเสธ เราก็โอเคเพราะไม่ได้ซีเรียสอะไรอยู่แล้ว
ตอนอายุ22 พี่ที่ทำงานเล่าให้ฟังว่าป้าแม่บ้านที่บริษัทเคยเป็นมะเร็ง รักษายังไงก็ไม่หาย วันนึงมีคนแนะนำให้ป้าเข้าโบสถ์ เปลี่ยนศาสนา อธิษฐานขอพรพระเจ้า ป้าไปตรวจอีกทีมะเร็งหาย
ตอนนั้นเราเป็น first jobber ด้วย เป็นช่วงที่รู้สึกเครียดกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิตอยู่พอดี พอได้ยินก็อยากลองเข้าโบสถ์ดูบ้าง ปรึกษาแม่ แม่ก็ตอบว่าชีวิตเป็นของหนูให้หนูเลือก แต่เราเห็นแม่ไม่สบายใจก็เลยเลิกคิดไป
หลังจากนั้นก็เป็นช่วงติสท์แตกไม่อยากนับถืออะไรเลย ศาสนาก็ใส่ๆไว้บนบัตรประชาชนเพื่อความสบายใจของแม่แค่นั้น
จนอายุย่าง25อยู่ดีๆก็ฝันว่ามีโลงศพตั้งอยู่หน้าปากซอยหมู่บ้าน เป็นโลงแบบคริสต์ที่เคยเห็นในหนัง มันสวยมาก ในความฝันเราอยากเข้าไปนอนในนั้นสุดๆ รีบเข้าไปนอน เอามือวางบนหน้าอกเรียบร้อย แล้วฝาโลงก็ปิด ในนั้นมืดมาก หายใจไม่ออก แต่รู้สึกดี เหมือนได้ die happy เลย
ไม่นานก็มีคุณยายคนนึงเปิดฝาโลงแล้วดึงเราขึ้นมา คุณยายบอกว่าลงไปทำไมนั่นไม่ใช่ที่ของหนู เราสะดุ้งตื่น จำดีเทลทุกอย่างได้หมด แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่ดี เดือนต่อมาเรารถคว่ำแบบงงๆ รถพังแต่เราไม่เป็นอะไรเลย
จากนั้น2-3เดือน มีผู้ชายคนนึงขับมอเตอร์ไซค์เสียหลักเสียชีวิตอยู่ตรงหน้าปากซอยหมู่บ้าน เป็นข่าวใหญ่เลยเพราะไม่เคยเกิดอะไรแบบนี้แถวนี้มาก่อน ผู้ชายคนนั้นเกิดปีเดียวกับเราแล้วก็นับถือศาสนาคริสต์ เรานึกถึงความฝันขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรอีกนั่นแหละ ไม่นานก็ลืม
ปีต่อมาฝันว่าโดนหมา4-5ตัววิ่งไล่แถวหน้าปากซอยหมู่บ้าน เป็นคุณยายคนเดิมที่มาช่วยไว้ แต่คราวนี้มีผู้ชายคนนึงอยู่กับคุณยายด้วย ตอนนั้นตื่นมาแล้วอยู่ดีๆก็อยากร้องไห้ ครั้งนี้กลัวอ่ะ มันประหลาดเกินไป คิดย้อนกลับไปถ้าวันนั้นในความฝันคุณยายไม่ดึงเราขึ้นมาจากโลงเราอาจจะเป็นคนที่อยู่กับคุณยายหรือป่าว ทุกวันนี้ยังจำดีเทลได้หมด หลายครั้งที่นึกขึ้นมาได้ก็พยายามจะหาเหตุผลมาอธิบายกับตัวเอง มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญใช่ไหมคะ
สิ่งลี้ลับมีจริงหรือเป็นแค่เรื่องที่เราจินตนาการขึ้นมาเอง
ตอนอายุ22 พี่ที่ทำงานเล่าให้ฟังว่าป้าแม่บ้านที่บริษัทเคยเป็นมะเร็ง รักษายังไงก็ไม่หาย วันนึงมีคนแนะนำให้ป้าเข้าโบสถ์ เปลี่ยนศาสนา อธิษฐานขอพรพระเจ้า ป้าไปตรวจอีกทีมะเร็งหาย
ตอนนั้นเราเป็น first jobber ด้วย เป็นช่วงที่รู้สึกเครียดกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิตอยู่พอดี พอได้ยินก็อยากลองเข้าโบสถ์ดูบ้าง ปรึกษาแม่ แม่ก็ตอบว่าชีวิตเป็นของหนูให้หนูเลือก แต่เราเห็นแม่ไม่สบายใจก็เลยเลิกคิดไป
หลังจากนั้นก็เป็นช่วงติสท์แตกไม่อยากนับถืออะไรเลย ศาสนาก็ใส่ๆไว้บนบัตรประชาชนเพื่อความสบายใจของแม่แค่นั้น
จนอายุย่าง25อยู่ดีๆก็ฝันว่ามีโลงศพตั้งอยู่หน้าปากซอยหมู่บ้าน เป็นโลงแบบคริสต์ที่เคยเห็นในหนัง มันสวยมาก ในความฝันเราอยากเข้าไปนอนในนั้นสุดๆ รีบเข้าไปนอน เอามือวางบนหน้าอกเรียบร้อย แล้วฝาโลงก็ปิด ในนั้นมืดมาก หายใจไม่ออก แต่รู้สึกดี เหมือนได้ die happy เลย
ไม่นานก็มีคุณยายคนนึงเปิดฝาโลงแล้วดึงเราขึ้นมา คุณยายบอกว่าลงไปทำไมนั่นไม่ใช่ที่ของหนู เราสะดุ้งตื่น จำดีเทลทุกอย่างได้หมด แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่ดี เดือนต่อมาเรารถคว่ำแบบงงๆ รถพังแต่เราไม่เป็นอะไรเลย
จากนั้น2-3เดือน มีผู้ชายคนนึงขับมอเตอร์ไซค์เสียหลักเสียชีวิตอยู่ตรงหน้าปากซอยหมู่บ้าน เป็นข่าวใหญ่เลยเพราะไม่เคยเกิดอะไรแบบนี้แถวนี้มาก่อน ผู้ชายคนนั้นเกิดปีเดียวกับเราแล้วก็นับถือศาสนาคริสต์ เรานึกถึงความฝันขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรอีกนั่นแหละ ไม่นานก็ลืม
ปีต่อมาฝันว่าโดนหมา4-5ตัววิ่งไล่แถวหน้าปากซอยหมู่บ้าน เป็นคุณยายคนเดิมที่มาช่วยไว้ แต่คราวนี้มีผู้ชายคนนึงอยู่กับคุณยายด้วย ตอนนั้นตื่นมาแล้วอยู่ดีๆก็อยากร้องไห้ ครั้งนี้กลัวอ่ะ มันประหลาดเกินไป คิดย้อนกลับไปถ้าวันนั้นในความฝันคุณยายไม่ดึงเราขึ้นมาจากโลงเราอาจจะเป็นคนที่อยู่กับคุณยายหรือป่าว ทุกวันนี้ยังจำดีเทลได้หมด หลายครั้งที่นึกขึ้นมาได้ก็พยายามจะหาเหตุผลมาอธิบายกับตัวเอง มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญใช่ไหมคะ