ทั้ง 3 รายการนี้ มีจุดที่คล้ายกัน นั่นคือ เริ่มต้นรายการ มันว้าวมาก คนดูชอบมาก
หลังๆ คนเริ่มดูก็ได้ ไม่ดู ก็ได้ และ เบื่อจนลืมมาดูในที่สุด เพราะอะไรน่ะเหรอ.........
ทีมงานตีโจทย์ผิด คิดว่าคนดูชอบความตลก ชอบมุกตลก สนุกสนาน
(คือมันก็จริง มันมีแทรกบ้าง 30-40% มันก็กำลังดี ไม่เฟื้อเกินไป)
แต่เมื่อทีมงาน เข้าใจผิด จึงขนใส่ความตลกลงไปมากมาย มากจนเยอะเกินไป
ยัดเยียดเกินไป พยายามเกินไป จนมันอีดอัด พาลให้หมดสนุกไปเลย
=====================
จริงๆแล้ว ลองคิดดูดีๆนะคะ รายการดังขึ้นมาจากอะไร ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก
มันเริ่มดังมาจากการตัดคลิปร้องเพลงว๊าวๆมาลง ทำให้คนตามมาดูรายการหลัก เช่น
I can see มีกระแสมาจาก
1. คลิปร้องเพลงน้องพลอย สาวห้าว ในเพลง At Last
2. น้องฟิล์ม ในเพลง เสมอ
หรือ The Mask ก็มีกระแส มาจากการร้องเพลงที่เพราะจับใจ ของหน้ากากทุเรียน หน้ากากจิงโจ้
เสียงทรงพลังจากหน้ากากอีกาดำ หน้ากากหอยนางรม
.
.
.
พอมา รายการ The wall song มันก็เริ่มมาจาก
ชอบฟังเพลงที่ไพเราะ ของการ featuring กัน จากนักร้องหน้ากำแพง vs หลังกำแพง
หรือ ความรู้สึกที่ เปิดกำแพงมาแล้วว้าว ไม่ว่าจะเป็น
คู่รักกัน - เพื่อนสนิทกัน - พ่อแม่ - แม่ลูก หรือ นักร้องในดดวงใจ เช่น ตูน แจ๊ส - นิโคร ทิกเกอร์
=============================
แต่ตอนหลังๆ ทั้ง 3 รายการ จะเน้นมุกตลกเยอะๆ เพราะคิดว่าคนชอบดูตลก จนเสน่ห์ในด้านเดิมๆหายไป
หรืองบเริ่มหมด แขกรับเชิญในรายการ เริ่มไม่ว้าว กร่อยๆ คิดว่าเอาใครมาก็ได้มั่วๆก็ได้ ขอแค่คิวว่าง
- ไม่ต้องมีความเกี่ยวข้องกันกันก็ได้ (เหรอ?)
- ไม่เคยเจอหน้ากัน ไม่รู้จักกันเลยก็ได้ (เหรอ?)
- ขอแค่หลอกกันให้สนุก เอาตลกเข้าว่า โดยไม่รู้เลยว่า มันน่ารำคาญมากที่ยัดเยียดตลกมาขนาดนั้น
(ที่สำคัญทีมงานเข้าใจผิดว่า ถ้าทายถูกคนดูจะไม่ชอบ)
เลยให้พิธีกรพยายามหลอก ซึ่งหลอกจนบางทีน่าเกลียด
เช่น หลอกเต้ย ว่า บอมอยู่ช่อง3 มาไม่ได้ ทั้งๆที่เต้ยทายถูกแล้ว
คือแบบ มันไม่ต้องหลอกกันขนาดนั้น ช่วงแรกหลอกให้เค้าไขว้เขว พอสนุกนิดหน่อยก็พอ
แต่สุดท้ายเขาทายถูก เราดีใจมากกว่า
เหมือนเราลุ้นให้ .....พระเอก นางเอก จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งกันอ่ะ
จริงๆก็พยายาม อดทนดู มานานแล้วนะ พยายามมองข้าม
แต่ๆๆๆ แต่มาฟางเส้นสุดท้าย มาขาดเอาตรง The wall song EP 200
คือ คิดได้แค่เนี๊ยเหรอ ทีมงานของบริษัทใหญ่โตระดับประเทศนะ คิดแค่เนี๊ย
คิดว่าเอาดารารับเชิญมาเยอะๆ มาเทรวมกัน เดี๋ยวมันสนุกเองอย่างนี้เหรอ
ไม่เลย มันจืดมากกกกกกกกกกกก
เพลงก็ไม่ได้เพราะจับใจ
หน้ากำแพง กับ หลังกำแพง ไม่ได้สนิท หรือ มีความรักที่ลึกซึ้งให้คนดูอิน
จ้องแต่จะเล่นมุก แต่ แขกรับเชิญดันเยอะจนจับจุดไม่ได้ ดูเลอะเทอะไปกันใหญ่
ที่ต้องออกมาพูด เพราะชอบดูรายการ 3 รายการนี้มาก
แต่ตอนนี้ค่อยๆเลิกชอบไปเรื่อยๆ
ก็ได้แต่หวังแค่ว่าสักวัน รายการดีๆแบบเดิมจะกลับมา
รู้ว่าดารานักร้อง ว๊าวๆ ตัวท้อป มันเชิญยาก แต่ก็ใช้พลังหน่อยซิ
แสดงให้เห็นว่า เฮ้ย เชิญคนนี้มาได้ไงวะ
หรือถ้าไม่ใช่ตัวท้อป อย่างน้อยให้มีความผูกพันกัน ระหว่าง หลังกำแพง vs หน้ากำแพง
ให้เราได้ซึ้ง ได้ยิ้ม ได้เห็นมิตรภาพดีๆของดาราไง
The Wall Song ...ทีมงานเริ่มตีโจทย์ผิด เหมือนตอน I can see your voice และ The Mask singer (อีกแล้ว)
หลังๆ คนเริ่มดูก็ได้ ไม่ดู ก็ได้ และ เบื่อจนลืมมาดูในที่สุด เพราะอะไรน่ะเหรอ.........
ทีมงานตีโจทย์ผิด คิดว่าคนดูชอบความตลก ชอบมุกตลก สนุกสนาน
(คือมันก็จริง มันมีแทรกบ้าง 30-40% มันก็กำลังดี ไม่เฟื้อเกินไป)
แต่เมื่อทีมงาน เข้าใจผิด จึงขนใส่ความตลกลงไปมากมาย มากจนเยอะเกินไป
ยัดเยียดเกินไป พยายามเกินไป จนมันอีดอัด พาลให้หมดสนุกไปเลย
=====================
จริงๆแล้ว ลองคิดดูดีๆนะคะ รายการดังขึ้นมาจากอะไร ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก
มันเริ่มดังมาจากการตัดคลิปร้องเพลงว๊าวๆมาลง ทำให้คนตามมาดูรายการหลัก เช่น
I can see มีกระแสมาจาก
1. คลิปร้องเพลงน้องพลอย สาวห้าว ในเพลง At Last
2. น้องฟิล์ม ในเพลง เสมอ
หรือ The Mask ก็มีกระแส มาจากการร้องเพลงที่เพราะจับใจ ของหน้ากากทุเรียน หน้ากากจิงโจ้
เสียงทรงพลังจากหน้ากากอีกาดำ หน้ากากหอยนางรม
.
.
.
พอมา รายการ The wall song มันก็เริ่มมาจาก
ชอบฟังเพลงที่ไพเราะ ของการ featuring กัน จากนักร้องหน้ากำแพง vs หลังกำแพง
หรือ ความรู้สึกที่ เปิดกำแพงมาแล้วว้าว ไม่ว่าจะเป็น
คู่รักกัน - เพื่อนสนิทกัน - พ่อแม่ - แม่ลูก หรือ นักร้องในดดวงใจ เช่น ตูน แจ๊ส - นิโคร ทิกเกอร์
=============================
แต่ตอนหลังๆ ทั้ง 3 รายการ จะเน้นมุกตลกเยอะๆ เพราะคิดว่าคนชอบดูตลก จนเสน่ห์ในด้านเดิมๆหายไป
หรืองบเริ่มหมด แขกรับเชิญในรายการ เริ่มไม่ว้าว กร่อยๆ คิดว่าเอาใครมาก็ได้มั่วๆก็ได้ ขอแค่คิวว่าง
- ไม่ต้องมีความเกี่ยวข้องกันกันก็ได้ (เหรอ?)
- ไม่เคยเจอหน้ากัน ไม่รู้จักกันเลยก็ได้ (เหรอ?)
- ขอแค่หลอกกันให้สนุก เอาตลกเข้าว่า โดยไม่รู้เลยว่า มันน่ารำคาญมากที่ยัดเยียดตลกมาขนาดนั้น
(ที่สำคัญทีมงานเข้าใจผิดว่า ถ้าทายถูกคนดูจะไม่ชอบ)
เลยให้พิธีกรพยายามหลอก ซึ่งหลอกจนบางทีน่าเกลียด
เช่น หลอกเต้ย ว่า บอมอยู่ช่อง3 มาไม่ได้ ทั้งๆที่เต้ยทายถูกแล้ว
คือแบบ มันไม่ต้องหลอกกันขนาดนั้น ช่วงแรกหลอกให้เค้าไขว้เขว พอสนุกนิดหน่อยก็พอ
แต่สุดท้ายเขาทายถูก เราดีใจมากกว่า
เหมือนเราลุ้นให้ .....พระเอก นางเอก จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งกันอ่ะ
จริงๆก็พยายาม อดทนดู มานานแล้วนะ พยายามมองข้าม
แต่ๆๆๆ แต่มาฟางเส้นสุดท้าย มาขาดเอาตรง The wall song EP 200
คือ คิดได้แค่เนี๊ยเหรอ ทีมงานของบริษัทใหญ่โตระดับประเทศนะ คิดแค่เนี๊ย
คิดว่าเอาดารารับเชิญมาเยอะๆ มาเทรวมกัน เดี๋ยวมันสนุกเองอย่างนี้เหรอ
ไม่เลย มันจืดมากกกกกกกกกกกก
เพลงก็ไม่ได้เพราะจับใจ
หน้ากำแพง กับ หลังกำแพง ไม่ได้สนิท หรือ มีความรักที่ลึกซึ้งให้คนดูอิน
จ้องแต่จะเล่นมุก แต่ แขกรับเชิญดันเยอะจนจับจุดไม่ได้ ดูเลอะเทอะไปกันใหญ่
ที่ต้องออกมาพูด เพราะชอบดูรายการ 3 รายการนี้มาก
แต่ตอนนี้ค่อยๆเลิกชอบไปเรื่อยๆ
ก็ได้แต่หวังแค่ว่าสักวัน รายการดีๆแบบเดิมจะกลับมา
รู้ว่าดารานักร้อง ว๊าวๆ ตัวท้อป มันเชิญยาก แต่ก็ใช้พลังหน่อยซิ
แสดงให้เห็นว่า เฮ้ย เชิญคนนี้มาได้ไงวะ
หรือถ้าไม่ใช่ตัวท้อป อย่างน้อยให้มีความผูกพันกัน ระหว่าง หลังกำแพง vs หน้ากำแพง
ให้เราได้ซึ้ง ได้ยิ้ม ได้เห็นมิตรภาพดีๆของดาราไง