ผ่อนบ้านให้ครอบครัวไม่ไหวแล้ว จะปล่อยยึด อยากให้บทเรียนกับที่บ้าน

ขอเริ่มเรื่องเลยนะคะ  เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน  ครอบครัวเราเช่าบ้านอยู่  พอเราเรียนจบพี่จึงได้มาชวนให้เราซื้อบ้านและขอให้เรากู้ร่วมซื้อบ้านด้วยกัน เพราะว่าเงินเดือนของพี่ทำให้กู้คนเดียวไม่ผ่าน เราก็ตอบตกลงเพราะคิดว่าดีกับพ่อและแม่ เริ่มแรกราคาบ้านอยู่ที่ 3.8 ล้านบาท ซึ่งเราบอกพี่แล้วว่าค่อนข้างแพง กลัวผ่อนไม่ไหว แต่พี่บอกว่าช่วยกันยังไงก็ต้องผ่อนไหวและพ่อแม่จะได้สบายด้วย เรามานั่งคิดแล้วสรุปเราก็กู้ร่วมกัน เริ่มแรกมันต้องมีพวกค่าจดจำนอง ทำประกัน ต่อเติมบ้าน แต่พี่ไม่มีเงินส่วนนี้จึงขอให้เรานำเงินเก็บออกไปก่อนแล้วเค้าจะทยอยช่วยทีหลัง เราก็โอเค (แต่ไม่เคยได้คืนแม้แต่บาทเดียว)

          เรานำเงินเก็บมาใช้จนเงินเก็บเราเกือบหมด จนเสร็จสิ้นกระบวนการ จากนั้นเริ่มเข้าสู่การผ่อนรายเดือน เดิม 3 ปีแรกผ่อนต่อเดือน ดอกเบี้ยคงที่เดือนละ 16000 บาทเราผ่อนให้ 11000 บาท ส่วนที่เหลือและพวกค่าน้ำไฟให้พี่รับผิดชอบไป เพราะเราไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้เลยและที่ทำงานเรากับบ้านหลังนี้อยู่คนละจังหวัด จากนั้นครบ 3 ปีรีไฟแนนซ์ ปีแรกเหลือเดือนละ 12000 บาท เราผ่อนให้ 8000 บาท และพอปีที่ 2 ขยับขึ้นเป็น 17000 บาท

          จุดเปลี่ยนอยู่ตรงนี้…เมื่อปลายปีที่แล้ว อยู่ๆพี่เราก็ลาออกจากงานโดยที่ไม่ได้บอกเราก่อน ไม่มีการวางแผนทางการเงิน เรามารู้อีกทีจากพ่อและแม่ที่มาขอเงินเราเพิ่มและเริ่มบ่นให้เราฟังว่าเค้าไม่มีเงินเลย เพราะต้องเอาเงินมาจ่ายค่าบ้าน ซึ่งเราก็งงว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงต้องจ่าย จนไล่ถามเรื่อยๆเค้าถึงยอมบอก ตอนแรกเค้าบอกว่าพี่กำลังจะได้งานใหม่ เดี๋ยวให้เราช่วยจ่ายค่าบ้านแทนไปให้ก่อน ถ้าพี่ได้งานแล้วพี่จะทยอยคืนเรา เราก็โอเคอดทนจ่ายให้จนผ่านไป 5 เดือน เงินเก็บเราเริ่มหมด เราได้แต่ถามพี่เราว่าจะได้งานใหม่เมื่อไหร่เพราะเราเริ่มมีปัญหาทางการเงิน เริ่มมีปัญหากับสามี และจ่ายแทนไม่ไหวแล้ว พี่ก็เอาแต่พูดว่าไม่รู้ ได้งานเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น บอกไม่ได้ บริษัทที่เรียกก็ให้เงินเดือนน้อย จึงไม่ทำ (แต่พี่เราจบแค่ม.6ซึ่งเขาอยากได้เงินเดือน 30,000+ต่อเดือน เราก็บอกไปแล้วว่ายากมาก) เราจึงตัดปัญหาตัดสินใจไปกู้เงินมาเพิ่ม แพลนไว้ว่าเร็วๆนี้พี่คงได้งานใหม่ เราคงผ่อนแทนไม่เกิน 3 เดือน

          แต่พอเดือนพค.ที่ผ่านมา ไม่มีท่าทีที่พี่ชายเราจะไปทำงาน เราก็ถามกลับอีกครั้งว่าได้งานเมื่อไหร่ จะอยู่บ้านเฉยๆกินเงินพ่อแม่อีกนานไหม เงินที่เหลืออยู่ของเรากำลังจะหมด พี่ก็บอกว่าถ้าเราไม่อยากผ่อนก็ขายทิ้งไปซะ ทำไมต้องมาเซ้าซี้เรื่องงาน เราก็เริ่มทะเลาะกัน เราบอกแล้วว่าไม่ใช่เราอยากขายหรือไม่อยากผ่อน และการขายบ้านมันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น แต่เพราะเราผ่อนแทนไม่ไหวแล้ว เขาก็เอาแต่พูดว่า เงินเดือนเราเยอะกว่าก็จ่ายสิโดยที่เขาไม่ได้ถามถึงภาระที่เรามีเลย เขาบอกว่า เขาจะไม่ผ่อนอีกต่อไปต่อให้มีงานใหม่ เขาก็จะขอไปใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง เราจึงไปบอกแม่ว่าเราไม่โอเคกับพี่เราที่ทำแบบนี้ และเราเริ่มแบกไม่ไหวแล้ว แม่กลับบอกว่าให้เราอดทน ถ้าพี่ไม่ผ่อนเราก็ผ่อนแทนไป เพราะยังไงบ้านมันก็เป็นทรัพย์สินของเรา ซึ่งเราก็บอกแม่ไปแล้วว่า เราไม่เอาบ้านหลังนี้อยู่แล้วทุกคนในบ้านก็รู้ เพราะเราแต่งงานมีครอบครัว บวกกับหน้าที่การงานเราก็อยู่คนละจังหวัด เราคงไม่กลับไป ส่วนถ้าจะให้เราผ่อนแทนทั้งหมด บ้านก็ไม่ได้เป็นของเราคนเดียว เพราะทั้งการกู้ร่วม โฉนดบ้านก็เป็นชื่อทั้ง 2 คน แบบนี้คือเป็นการเอาเปรียบเรามากๆ แม่ก็ลามมาว่าสามีเรา ว่าถ้าเราไม่มีเงิน ทำไมสามีเราถึงไม่ช่วย (ทั้งๆที่ตอนนี้เงินเดือนเรา 22,000 บาท แต่เราผ่อนบ้านแล้ว 17,000 บาท ส่วนรายจ่ายในครอบครัวของเราและลูกกลายเป็นสามีเรารับผิดชอบทั้งหมด) เราก็บอกอีกว่าทำไมพี่เรานั่นแหละถึงไม่ช่วย ทั้งๆที่มันเป็นบ้านของเรา ไม่ใช่หน้าที่ที่สามีเราจะมารับผิดชอบแทนด้วยซ้ำ สรุปการคุยกันก็ไม่ลงตัว เราเอาแต่ร้องไห้ ทั้งคุยดีๆ ทะเลาะ ประชด ขอร้อง คุยเป็นสิบๆ รอบแล้วเราก็ได้คำตอบเดิมจากพี่และแม่ว่าต้องเป็นเราที่ต้องรับผิดชอบ บอกถ้าไม่จ่ายเราก็จะเสียเครดิตเอง เราทั้งประกาศขาย+ให้เช่าก็ไม่มีใครสนใจ เราไปปรึกษาทางธนาคารมา 3 รอบ เจ้าหน้าที่ก็บอกแบบเดิม คือเราต้องหาขายอย่างเดียว เราสอบถามถึงว่าถ้ามันขายไม่ได้จริงๆ ธนาคารมีกระบวนการช่วยเหลืออย่างไรไหม เจ้าหน้าที่ก็พูดแบบเดิมว่ายังไงก็ต้องขายไม่มีกระบวนการช่วยใดๆ เราเครียดมากๆกลายเป็นความสัมพันธ์ตึงกับสามีอีก ตอนนี้ผ่อนเหลือยอประมาณ 3 ล้านบาท จนถึงตอนนี้สิ้นเดือน กค.จะเป็นเดือนสุดท้ายที่เงินเรากำลังจะหมด เราจึงอยากสอบถามทุกคนที่มีประสบการณ์ว่า

1.เราไม่ต้องการบ้านหลังนี้อยู่แล้ว ถ้าเราปล่อยบ้านหลังนี้ไปเลย ให้ถูกยึด ไม่ผ่อนต่อ ทางธนาคารจะมีกระบวนการอย่างไร เราจะติดคุกไหม

2. เเรารู้มาว่าถ้าเราไม่ผ่อน เราจะติดบูโรแบล๊คลิส และเราจะไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินใดๆได้อีก ผลเสียอย่างอื่นมีอะไรบ้าง เราอยากรู้ว่าอีกนานไหมที่เราจะหายติดแบล๊คลิส 

3.สามี(ไม่ได้จดทะเบียน)กับลูกเราจะมีผลเสียอะไรไหม ต้องใช้หนี้แทนเราไหม หรือทรัพย์สินของสามีจะพ่วงปัญหาตามมาไหม

4.เรารับราชการจะมีผลต่อหน้าที่การงานหรือไม่

5.ทรัพย์สินอื่นๆของเรา พวกเงินกองทุนต่างๆ บ้านอีกหลังที่เรากู้ร่วมกับสามีและรถที่เป็นชื่อเราจะถูกยึดหรือเปล่า

6.ถ้าพี่เราไม่ทำงานหรือถ้าทำแล้วรับเงินเดือนแบบจ่ายสด เค้าจะเสียเครดิตเหมือนเราไหม จะมีบทเรียนให้เขาหรือเปล่าหรือจะมีแค่เราคนเดียว

7.หรือเราควรกู้ต่อและอดทนผ่อนไปเรื่อยๆดี 

ปล. ขอแนวทางการแก้ไขปัญหานะคะ อย่าซ้ำเติมเราเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
มันผิดพลาดตั้งแต่พี่ จบ ม.6 แต่คิดกู้ซื้อบ้านราคา 3.8ล้านบาทแล้วคุณยังไปยอมกู้ร่วมตอนนั้นคิดยังไงว่าจะผ่อนไหวตลอดระยะเวลา 30-40ปี

ปล. เป็นข้าราชการติดหนี้ได้แต่ห้ามโดนฟ้องล้มละลายไม่งั้นคุณโดนให้ออกจากราชการทันที
ความคิดเห็นที่ 16
ให้เราแนะนำ ถ้าประกาศขายไม่ได้ ต้องเข้าไปเจรจากับทางแบงค์อย่าโทรไปค่ะ เข้าไปคุยเลย คุณรับราชการน่าจะผ่อนได้
ขอปรับโครงสร้างหนี้ แต่ให้พี่คุณถอนชื่อในโฉนดออกให้เป็นชื่อคุณคนเดียวพอ บ้านจะได้เป็นของคุณ ระหว่างนี้ก็ขายไปเรื่อยๆ

ถ้าถูกฟ้องไม่ดีเท่าไหร่นะคะ มันไม่ใช่แค่ให้บทเรียนกับที่บ้าน คุณจะเดือดร้อนเอง ทั้งการงานและทรัพย์สิน ถ้าขายทอดตลาด
แล้วขาดเงินอีกเท่าไหร่ ทรัพย์สินทุกอย่างของคุณจะถูกยึดเต็มจำนวนไม่ใช่หารสองกับพี่ค่ะ โดยมากในสัญญากู้ร่วมเจ้าหนี้จะ
ฟ้องใครก็ได้ที่มีทรัพย์สิน ถ้าฟ้อง2คน คนไหนมีทรัพย์สินก็ยึดได้เลย ส่วนที่มีชื่อแฟนคุณยึดได้แค่ครึ่งเดียวเพราะไม่ได้จดทะเบียน

การฟ้องคดีจำนองเป็นคดีแพ่งไม่ติดคุกค่ะ คนยังเข้าใจผิดมาก คดีแพ่งไม่มีโทษจำคุกนะคะ แต่ถ้าคุณโอนย้ายทรัพย์สินเพื่อหนี
เจ้าหนี้อันนี้คดีอาญาค่ะ อย่าได้ทำ ทรัพย์สินที่เป็นชื่อลูกที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะถ้าคุณโอนให้ตามยึดได้ค่ะ อันนี้ก็อย่าทำ ถ้ามีอยู่
ก่อนแล้วหรือพ่อเค้าซื้อให้ยึดไม่ได้ค่ะ ส่วนเรื่องเสียเครดิตถูกฟ้องทั้งคู่มันเสียอยู่แล้วค่ะ ทั้งคุณและพี่คุณ ให้ดีอย่าให้ยึดเลยดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 2
1.เราไม่ต้องการบ้านหลังนี้อยู่แล้ว ถ้าเราปล่อยบ้านหลังนี้ไปเลย ให้ถูกยึด ไม่ผ่อนต่อ ทางธนาคารจะมีกระบวนการอย่างไร เราจะติดคุกไหม

ตอบ วงเงินขนาดนี้ ถูกฟ้องล้มละลายแน่ๆค่ะ

2. เเรารู้มาว่าถ้าเราไม่ผ่อน เราจะติดบูโรแบล๊คลิส และเราจะไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินใดๆได้อีก ผลเสียอย่างอื่นมีอะไรบ้าง เราอยากรู้ว่าอีกนานไหมที่เราจะหายติดแบล๊คลิส

ตอบ วงเงินขนาดนี้ ถูกฟ้องล้มละลายแน่ๆค่ะ จำไม่ได้ว่าติดล้มละลาย 3 หรือ 5 ปี

3.สามี(ไม่ได้จดทะเบียน)กับลูกเราจะมีผลเสียอะไรไหม ต้องใช้หนี้แทนเราไหม หรือทรัพย์สินของสามีจะพ่วงปัญหาตามมาไหม

ตอบ ไม่ต้องค่ะ

4.เรารับราชการจะมีผลต่อหน้าที่การงานหรือไม่

ตอบ โดยสั่งล้มละลาย ต้องออกจากราชการค่ะ

5.ทรัพย์สินอื่นๆของเรา พวกเงินกองทุนต่างๆ บ้านอีกหลังที่เรากู้ร่วมกับสามีและรถที่เป็นชื่อเราจะถูกยึดหรือเปล่า

ตอบ โดยพิทักษ์ทรัพย์โดยเด็ดขาด ขายได้เท่าไรแบ่งคืนสามีคุณครึ่งนึง

6.ถ้าพี่เราไม่ทำงานหรือถ้าทำแล้วรับเงินเดือนแบบจ่ายสด เค้าจะเสียเครดิตเหมือนเราไหม จะมีบทเรียนให้เขาหรือเปล่าหรือจะมีแค่เราคนเดียว

ตอบ พี่คุณจะโดนฟ้องล้มละลายเช่นกัน แต่ถ้าเค้ารับเงินสด/ไม่มีธุรกรรมทางการเงิน ก็แทบจะไม่มีผลอะไรค่ะ

7.หรือเราควรกู้ต่อและอดทนผ่อนไปเรื่อยๆดี

ตอบ ใช่ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่