“ต้อม สำนักจันทร์” เผยวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อตลาดพระเครื่องอย่างหนัก วัตถุมงคลจากเกจิรุ่นใหม่
ผลิตจนล้นตลาดขายไม่ออก กระทบพระเครื่องรุ่นเก่าของเกจิดัง ๆ นักธุรกิจจีน-ไทย แห่มาขายคืนเซียนพระ
แม้ยอมลด 30% ก็ไม่มีใครอยากรับคืน หวั่น นักการเมืองข้าราชการที่สะสมพระเครื่องรุ่นเก่าจะทยอยออกมาขาย
เพื่อเปลี่ยนเงินสีเทาให้เป็นเงินสะอาด แจงมีการแกะจีวรเพชร ทอง ออกมาขายเช่นกันชี้หากเศรษฐกิจยังคงเป็นแบบนี้ถึงสิ้นปีแผงพระปิดเป็นแถว วงการพระเครื่องปั่นป่วนแน่ บรรดาเซียนพระตายสนิทขณะที่วัตถุมงคลของเกจิรุ่นใหม่ ‘หลวงปู่ศิลา’ มาแรง แต่เซียนพระจำนวนมากไม่สนใจเพราะความวุ่นวายภายในป้ายสีกันจนเซียนพระยังมึน เชื่อตลาดพระเครื่องหลวงปู่ศิลาไม่ต่างจากตลาดพระเครื่องหลวงพ่อคูณ!
บรรดาเซียนพระ เคยบอกไว้ว่าเศรษฐกิจจะซบเซา ค่าครองชีพจะพุ่งขึ้นอย่างไร แต่วงการวัตถุมงคล พระเครื่อง มักจะไม่ได้รับผลกระทบแต่ยังคงแข็งแกร่งและเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งต่างจากวงการอื่น ๆ เนื่องเพราะจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ยังคงช่วยพยุงเศรษฐกิจพระเครื่องให้หมุนเวียนได้ตลอด ด้วยการใช้วงการพระเป็นเวทีในการฟอกเงินสามารถทำให้เงินสีเทา ๆ เป็นเงินที่ถูกต้องได้โดยง่าย
ดังนั้นหากคนกลุ่มนี้ไม่ปล่อยพระออกสู่ตลาดเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินสด หรือบรรดานักสะสมยังคงถือไว้ไม่ปล่อยออกสู่ตลาด เซียนพระหรือแผงพระก็จะไม่รู้สึกว่าตลาดพระซบเซา แต่เมื่อไหร่คนเหล่านี้ลงมาร่วมวงกับกลุ่มที่ซื้อมา-ขายไปทั้งคนไทยและต่างชาติ เช่นเคยเช่ามา 1 แสน แต่เมื่อต้นปี2567 ราคาลงมาแค่ 8 หมื่น โดยคนรับซื้อหรือแผงพระรับซื้อไว้ 6-6.5 หมื่นไป เขาก็จะไปปล่อยต่อที่ 75,000 ถึง 80,000 บาท ก็เรียกว่ายังสามารถปล่อยต่อและทำกำไรได้บ้าง
ปัจจุบันเซียนพระ ยอมรับว่าวันนี้และเวลานี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้วยอมรับว่าตลาดพระซบเซาจริง ๆ ไม่มีเซียนพระ หรือแผงพระ ที่อยากจะรับซื้อไว้ เพื่อไปปล่อยต่อ ราคาพระเครื่อง และเครื่องรางของขลังที่เคยโด่งดังทั้งรุ่นใหม่ และรุ่นเก่าล้วนได้รับผลกระทบทั่วหน้า
ต้อม สำนักจันทร์ หรือ มานพ จันทร์ศรี หนึ่งในเซียนพระที่คลุกคลีอยู่ในวงพระเครื่องและวัตถุมงคลต่าง ๆ มากว่า 20 ปี มีร้านพระเครื่องที่ใหญ่ ตั้งอยู่อาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน บอกว่าวงการพระเครื่อง วัตถุมงคลเครื่องรางต่าง ๆ ได้รับผลกระทบแน่นอน โดยต้องแบ่งผลกระทบออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก เป็นกลุ่มพระใหม่ ที่มีการไปปลุกเสกและสั่งผลิตพระเครื่อง เหรียญ เครื่องรางออกมาเป็นล็อตใหญ่ ๆ สั่งได้แบบไม่อั้น ซื้อกันยกล็อต จนตลาดพระใหม่เฟื่องฟู จากการไปปั่นกระแสปั่นราคากันจนพระใหม่ติดตลาดราคาก็แพงทันทีจึงไปกระทบตลาดพระเก่า
“พระเกจิรุ่นใหม่ ถ้าเก่ง ๆ สร้างแรงศรัทธาได้ จะผลิตพระใหม่กันออกมาเยอะ มีกระบวนการปั่นกระแสจนเฟื่องฟู และพระใหม่ ไม่มีเก๊ ไม่มีปลอม จึงมีเสน่ห์ แต่วันนี้คนไม่มีเงินจะซื้อมันก็ติดกันไปหมดทั้งพระใหม่และพระเก่า”
ส่วนที่สอง ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตอนนี้คือตลาดพระเก่า ซึ่งเป็นพระเครื่องของเกจิอาจารย์ดัง ๆ ที่มรณภาพไปแล้ว อยากจะบอกว่าตอนนี้ได้รับผลกระทบมาก ๆ ปล่อยกันไม่ได้เลย
“ปัญหาสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นของตลาดพระเก่าซึ่งล้วนมีราคาสูง คนที่เช่าหรือซื้อไปทั้งคนต่างชาติ คนจีน คนไทย ต้องการนำพระมาคืน ซึ่งความจริงก็ไม่ผิดที่เขาจะมาคืน เพราะตอนซื้อมีเงื่อนไขเพื่อเป็นการการันตีว่าเป็นของแท้ คือสามารถนำมาคืนได้ แต่ต้องมีการหักเปอร์เซ็นต์จากราคาที่ซื้อไป10-30%”
ต้อม สำนักจันทร์ ย้ำว่า เซียนพระส่วนใหญ่ไม่อยากให้คนที่ซื้อไปแล้วนำพระเครื่องมาคืน แม้จะยอมให้เราหักเปอร์เซ็นต์ก็ตาม เพราะจะต้องไปหาเงินจำนวนมากมารับซื้อคืน และถ้าหาเงินมารับซื้อคืนได้ ก็นำไปปล่อยต่อไม่ได้ แต่จะต้องมารับผิดชอบรับซื้อคืนจากลูกค้า ซึ่งเวลานี้มีแนวโน้มปริมาณการคืนพระสูงเช่นกัน
“พระเครื่องที่นำมาคืนนั้น ล้วนใหญ่เป็นเกจิดัง ๆ ทั้งสิ้น วัตถุมงคลของหลวงพ่อกวยซึ่งเด่นในเรื่องพุทธคุณสูง ที่ได้รับความนิยมสูงก็เจอภาวะนี้เช่นกัน”
ทั้งนี้ต้อม สำนักจันทร์ ได้ชื่อว่าเป็นเซียนระดับต้นๆ ในเรื่องวัตถุมงคลสายหลวงพ่อกวย ซึ่งคนจีนนิยมหาซื้อทุกรุ่น
เพราะสามารถออกใบรับประกันจากสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยและชมรมพระเครื่องมรดกไทย
ทำให้ผู้ซื้อเชื่อมั่นว่าเป็นของแท้และหลวงพ่อกวยสร้างและปลุกเสกจะเป็นของดีที่มีพุทธคุณสูง เด่นเรื่องการทำมาหากิน
เมตตา โชคลาภ ส่วนที่ได้รับความนิยมเช่นพระสมเด็จปรกโพธิ์เก้าใบพระสมเด็จหลังรูปเหมือน พระแหวกม่าน พระรูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก และเหรียญรุ่นแรก หลังยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้าฯลฯ ซึ่งเป็นที่นิยมและแสวงหา วันนี้ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจเช่นกัน
นับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย 2567 ที่ผ่านมา ตลาดพระเงียบจริง ๆ ราคาซื้อขายก็ตกลงมาเกือบ 50%แล้ว แผงพระในพันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน บางแผงเงียบเพราะเจ้าของไม่มาเปิดแผงพระ นักลงทุนจีนที่เคยเข้ามาสั่งผลิตพระใหม่และไปปั่นกระแสจนราคาพระเกจิใหม่พุ่งติดตลาด ตอนนี้ก็เงียบ ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่จีนด้วย ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ส่วนพระรุ่นเก่าที่คนจีนเช่าไปในราคาสูง ๆ หวั่น ๆ ทยอยมาขายคืนซึ่งจะส่งผลกระทบเพิ่มขึ้นไปอีก
ต้อม สำนักจันทร์บอกอีกว่า ที่น่ากังวลอีกประเด็นก็คือ มักจะมีการกล่าวถึงนักการเมืองและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่มักจะมีพระเครื่องเป็นของกำนัลคนเหล่านี้มักจะมีการวางแผนก่อนเกษียณจะกี่ปีก็ตาม ก็จะซื้อหรือสะสมพระเครื่องกันไว้ พอได้เวลาก็จะนำมาขายให้เซียนพระ จากนั้นก็จะได้เงินกลับไป
“เงินพวกนี้จากสีเทา ๆ ก็จะเป็นเงินขาวสะอาดภาวะเศรษฐกิจแบบนี้เขาก็ต้องเลือกขายคืนเซียนหมด เซียนแต่ละคนก็ต้องรับผิดชอบแผงพระของตัวเองไปโดยเฉพาะเซียนเบอร์ใหญ่ ๆ หากคนกลุ่มนี้ปล่อยของช่วงนี้อันตรายและกระทบเซียนพระหนักเลย”
ขณะเดียวกันถ้าลูกค้าแผงพระใดก็ตาม หากโทร.มาถามว่าวันนี้เปิดร้านหรือเปิดแผงพระหรือไม่ จงรู้ไว้ว่านี่คือสัญญาณเตือนแล้วว่า ลูกค้าจะนำพระมาคืนและยอมให้หักเงิน 10-30% แน่นอน รวมทั้งสิ่งที่เซียนพระประสบพบเห็นในเวลานี้ก็คือ บรรดาคนที่เช่าพระที่ยังปล่อยพระเครื่องไม่ได้ ก็จะงัดจีวร ที่เป็นทองหรือเพชร ออกมาขายไปก่อน
ต้อม สำนักจันทร์ บอกทิ้งท้ายว่า ถ้าเศรษฐกิจยังคงเป็นแบบนี้ไปถึงสิ้นปี2567 สิ่งที่จะได้เห็นในวงการพระเครื่อง วัตถุมงคลที่จะตามมา จะเห็นแผงพระปิดตัวกันมาก และบรรดาเซียนพระคงตายกันหมดเพราะคนที่เช่าหรือซื้อพระไปแล้วไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ก็จะทยอยมาขายคืนพระเครื่องกันแน่นไปหมด ถามว่าจะหาเงินที่ไหนมารับซื้อและจะมีลูกค้าที่ไหนมาซื้อต่อไป นี่คือปัญหาที่รอความหวังเพียงเศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้น ตลาดพระเครื่องจึงจะฟื้นขึ้นมาได้
ด้านเซียนพระอีก2-3 ราย ที่มีแผงอยู่อาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน และคลุกคลีอยู่ในวงการพระมา 10 กว่าปี บอกว่า ปัจจุบันวัตถุมงคล พระเครื่องและเครื่องรางของขลังต่าง ๆ ที่เป็นของเกจิอาจารย์รุ่นใหม่ที่มาแรงที่สุดคือที่ปลุกเสกโดยหลวงปู่ศิลา สิริจันโท เป็นพระสงฆ์ชาวไทย และเป็นพระราชาคณะชั้นราช ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาส วัดพระธาตุหมื่นหิน ตำบลกุดปลาค้าว อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ เวลานี้เราจะเห็นคลิป วิดีโอ และเพจต่าง ๆ ที่ลงเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่ศิลา และเล่าถึงที่มาของพระเครื่องและวัตถุมงคล รวมทั้งราคาต่าง ๆ ที่ใครสนใจติดตามได้ที่เพจ “ศรัทธาบารมี หลวงปู่ศิลา สิริจันโท” เพจ “ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจันโท” และเพจศูนย์พระเครื่องหลวงปู่ศิลา-พันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน
อย่างไรก็ดีเซียนพระบอกว่า ก่อนหน้านี้วัตถุมงคลทุกชนิดที่เป็นของหลวงปู่ศิลา จะมาแรงมาก ปัจจุบันพวกเราประเมินว่าเริ่มนิ่ง ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ว่ารุ่นไหนผลิตออกมาล้วนทำราคาได้ดี พระใหม่รุ่นดัง ๆ ออกจากวัดราคาไม่กี่หมื่น ก็พุ่งเป็นหลักแสนเพียงพริบตาเดียว ทำให้นายทุนที่เห็นช่องทางเข้ามาขอสร้างกันอีก
“พวกนักสร้างทั้งหลายเข้าไปวุ่นวายก็เริ่มมีปัญหาภายใน ก็ต้องปั่นกระแสรุ่นของตัวเองให้ดัง เริ่มมีวิชามารใส่ร้ายกัน ลูกค้าหรือเซียนพระก็เริ่มดูมันวุ่นวายฟังแล้วมึน งง งง ก็ถอย ๆ กันออกมา ยังมีข่าวลือว่าวัดเรียกเงินก่อน 5 ล้าน ถ้าจะผลิตวัตถุมงคลอะไรก็สร้างไป และกำไรก็ต้องมาแบ่งให้วัดอีกส่วนหนึ่ง เรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวมาก กรรมการวัดและพวกใกล้ชิดหลวงปู่ จึงกลายเป็นเป้า พร้อม ๆ กับทำให้พลังศรัทธาหลวงปู่ลดลงไปด้วย ซึ่งจริง ๆ หลวงปู่ดูใจดี มีเมตตามากนะ”
เซียนพระ บอกด้วยว่า วัตถุมงคลที่คนแสวงหานั้นจะขึ้นอยู่กับพลังศรัทธาแรงกล้าอยู่ที่เหตุผล 3 ประการ ที่จะสามารถหยิบมาปั่นกระแสและปั่นราคาเพื่อให้ติดตลาดจนคนอยากมีไว้ครอบครอง ประกอบด้วย
1.มีพุทธคุณ ด้านแคล้วคลาด ปลอดภัย ประสบอุบัติเหตุ รถชน รถคว่ำ แล้วไม่เป็นอะไร หรือถูกทำร้ายแต่ไม่เป็นอะไร ตรงนี้คือเหตุผลที่ทำให้คนศรัทธา
2. มีพุทธคุณ เด่นด้านโชคลาภ ช่วยเกื้อหนุน ให้ร่ำรวย แบบ รวยปุ๊บปั๊บ มีเงินก้อนใหญ่เข้ามา แบบรวยทันตาเห็น
3. มีความชอบ มีความศรัทธา คือ ชอบในรูปแบบ ชอบในพระองค์นั้น ไม่ว่าจะศิลป์ ชอบนิสัยใจคอ พระรูปนี้ดูมีเมตตา ใจดี เป็นต้น
สำหรับคนที่ต้องการจะลงทุนและสร้างกำไรจากวัตถุมงคลจึงต้องหมั่นติดตามในสื่อต่าง ๆ และส่องดูว่าพระเกจิรุ่นใหม่ จะสามารถสร้างกำไรได้หรือไม่อย่างไร ซึ่งวันนี้หลวงปู่ศิลา เป็นพระเกจิที่ติดอันดับต้น ๆ และมีความเด่นทั้ง 3 ด้านขึ้นอยู่กับรุ่นต่าง ๆ ที่ผลิตออกมาว่ารุ่นไหน เด่นเรื่องอะไร จนบรรดาเซียนพระหลายคนที่คร่ำหวอดในวงการพระใหม่และเก่าคาดการณ์ว่าวัตถุมงคลของหลวงปู่ศิลา จะเป็นแบบเดียวกับในยุคของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา นั่นเอง!!
Cr.
https://mgronline.com/specialscoop/detail/9670000056771
เจอพิษ ศก.ตลาดพระเครื่องส่อแววป่วนหนัก ‘ทุนจีน-พวกฟอกขาว’ แห่ขายคืน ‘เซียนพระ’ หวั่นไม่มีเงินรับคืน!
ผลิตจนล้นตลาดขายไม่ออก กระทบพระเครื่องรุ่นเก่าของเกจิดัง ๆ นักธุรกิจจีน-ไทย แห่มาขายคืนเซียนพระ
แม้ยอมลด 30% ก็ไม่มีใครอยากรับคืน หวั่น นักการเมืองข้าราชการที่สะสมพระเครื่องรุ่นเก่าจะทยอยออกมาขาย
เพื่อเปลี่ยนเงินสีเทาให้เป็นเงินสะอาด แจงมีการแกะจีวรเพชร ทอง ออกมาขายเช่นกันชี้หากเศรษฐกิจยังคงเป็นแบบนี้ถึงสิ้นปีแผงพระปิดเป็นแถว วงการพระเครื่องปั่นป่วนแน่ บรรดาเซียนพระตายสนิทขณะที่วัตถุมงคลของเกจิรุ่นใหม่ ‘หลวงปู่ศิลา’ มาแรง แต่เซียนพระจำนวนมากไม่สนใจเพราะความวุ่นวายภายในป้ายสีกันจนเซียนพระยังมึน เชื่อตลาดพระเครื่องหลวงปู่ศิลาไม่ต่างจากตลาดพระเครื่องหลวงพ่อคูณ!
บรรดาเซียนพระ เคยบอกไว้ว่าเศรษฐกิจจะซบเซา ค่าครองชีพจะพุ่งขึ้นอย่างไร แต่วงการวัตถุมงคล พระเครื่อง มักจะไม่ได้รับผลกระทบแต่ยังคงแข็งแกร่งและเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งต่างจากวงการอื่น ๆ เนื่องเพราะจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ยังคงช่วยพยุงเศรษฐกิจพระเครื่องให้หมุนเวียนได้ตลอด ด้วยการใช้วงการพระเป็นเวทีในการฟอกเงินสามารถทำให้เงินสีเทา ๆ เป็นเงินที่ถูกต้องได้โดยง่าย
ดังนั้นหากคนกลุ่มนี้ไม่ปล่อยพระออกสู่ตลาดเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินสด หรือบรรดานักสะสมยังคงถือไว้ไม่ปล่อยออกสู่ตลาด เซียนพระหรือแผงพระก็จะไม่รู้สึกว่าตลาดพระซบเซา แต่เมื่อไหร่คนเหล่านี้ลงมาร่วมวงกับกลุ่มที่ซื้อมา-ขายไปทั้งคนไทยและต่างชาติ เช่นเคยเช่ามา 1 แสน แต่เมื่อต้นปี2567 ราคาลงมาแค่ 8 หมื่น โดยคนรับซื้อหรือแผงพระรับซื้อไว้ 6-6.5 หมื่นไป เขาก็จะไปปล่อยต่อที่ 75,000 ถึง 80,000 บาท ก็เรียกว่ายังสามารถปล่อยต่อและทำกำไรได้บ้าง
ปัจจุบันเซียนพระ ยอมรับว่าวันนี้และเวลานี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้วยอมรับว่าตลาดพระซบเซาจริง ๆ ไม่มีเซียนพระ หรือแผงพระ ที่อยากจะรับซื้อไว้ เพื่อไปปล่อยต่อ ราคาพระเครื่อง และเครื่องรางของขลังที่เคยโด่งดังทั้งรุ่นใหม่ และรุ่นเก่าล้วนได้รับผลกระทบทั่วหน้า
ต้อม สำนักจันทร์ หรือ มานพ จันทร์ศรี หนึ่งในเซียนพระที่คลุกคลีอยู่ในวงพระเครื่องและวัตถุมงคลต่าง ๆ มากว่า 20 ปี มีร้านพระเครื่องที่ใหญ่ ตั้งอยู่อาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน บอกว่าวงการพระเครื่อง วัตถุมงคลเครื่องรางต่าง ๆ ได้รับผลกระทบแน่นอน โดยต้องแบ่งผลกระทบออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก เป็นกลุ่มพระใหม่ ที่มีการไปปลุกเสกและสั่งผลิตพระเครื่อง เหรียญ เครื่องรางออกมาเป็นล็อตใหญ่ ๆ สั่งได้แบบไม่อั้น ซื้อกันยกล็อต จนตลาดพระใหม่เฟื่องฟู จากการไปปั่นกระแสปั่นราคากันจนพระใหม่ติดตลาดราคาก็แพงทันทีจึงไปกระทบตลาดพระเก่า
“พระเกจิรุ่นใหม่ ถ้าเก่ง ๆ สร้างแรงศรัทธาได้ จะผลิตพระใหม่กันออกมาเยอะ มีกระบวนการปั่นกระแสจนเฟื่องฟู และพระใหม่ ไม่มีเก๊ ไม่มีปลอม จึงมีเสน่ห์ แต่วันนี้คนไม่มีเงินจะซื้อมันก็ติดกันไปหมดทั้งพระใหม่และพระเก่า”
ส่วนที่สอง ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตอนนี้คือตลาดพระเก่า ซึ่งเป็นพระเครื่องของเกจิอาจารย์ดัง ๆ ที่มรณภาพไปแล้ว อยากจะบอกว่าตอนนี้ได้รับผลกระทบมาก ๆ ปล่อยกันไม่ได้เลย
“ปัญหาสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นของตลาดพระเก่าซึ่งล้วนมีราคาสูง คนที่เช่าหรือซื้อไปทั้งคนต่างชาติ คนจีน คนไทย ต้องการนำพระมาคืน ซึ่งความจริงก็ไม่ผิดที่เขาจะมาคืน เพราะตอนซื้อมีเงื่อนไขเพื่อเป็นการการันตีว่าเป็นของแท้ คือสามารถนำมาคืนได้ แต่ต้องมีการหักเปอร์เซ็นต์จากราคาที่ซื้อไป10-30%”
ต้อม สำนักจันทร์ ย้ำว่า เซียนพระส่วนใหญ่ไม่อยากให้คนที่ซื้อไปแล้วนำพระเครื่องมาคืน แม้จะยอมให้เราหักเปอร์เซ็นต์ก็ตาม เพราะจะต้องไปหาเงินจำนวนมากมารับซื้อคืน และถ้าหาเงินมารับซื้อคืนได้ ก็นำไปปล่อยต่อไม่ได้ แต่จะต้องมารับผิดชอบรับซื้อคืนจากลูกค้า ซึ่งเวลานี้มีแนวโน้มปริมาณการคืนพระสูงเช่นกัน
“พระเครื่องที่นำมาคืนนั้น ล้วนใหญ่เป็นเกจิดัง ๆ ทั้งสิ้น วัตถุมงคลของหลวงพ่อกวยซึ่งเด่นในเรื่องพุทธคุณสูง ที่ได้รับความนิยมสูงก็เจอภาวะนี้เช่นกัน”
ทั้งนี้ต้อม สำนักจันทร์ ได้ชื่อว่าเป็นเซียนระดับต้นๆ ในเรื่องวัตถุมงคลสายหลวงพ่อกวย ซึ่งคนจีนนิยมหาซื้อทุกรุ่น
เพราะสามารถออกใบรับประกันจากสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยและชมรมพระเครื่องมรดกไทย
ทำให้ผู้ซื้อเชื่อมั่นว่าเป็นของแท้และหลวงพ่อกวยสร้างและปลุกเสกจะเป็นของดีที่มีพุทธคุณสูง เด่นเรื่องการทำมาหากิน
เมตตา โชคลาภ ส่วนที่ได้รับความนิยมเช่นพระสมเด็จปรกโพธิ์เก้าใบพระสมเด็จหลังรูปเหมือน พระแหวกม่าน พระรูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก และเหรียญรุ่นแรก หลังยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้าฯลฯ ซึ่งเป็นที่นิยมและแสวงหา วันนี้ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจเช่นกัน
นับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย 2567 ที่ผ่านมา ตลาดพระเงียบจริง ๆ ราคาซื้อขายก็ตกลงมาเกือบ 50%แล้ว แผงพระในพันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน บางแผงเงียบเพราะเจ้าของไม่มาเปิดแผงพระ นักลงทุนจีนที่เคยเข้ามาสั่งผลิตพระใหม่และไปปั่นกระแสจนราคาพระเกจิใหม่พุ่งติดตลาด ตอนนี้ก็เงียบ ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่จีนด้วย ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ส่วนพระรุ่นเก่าที่คนจีนเช่าไปในราคาสูง ๆ หวั่น ๆ ทยอยมาขายคืนซึ่งจะส่งผลกระทบเพิ่มขึ้นไปอีก
ต้อม สำนักจันทร์บอกอีกว่า ที่น่ากังวลอีกประเด็นก็คือ มักจะมีการกล่าวถึงนักการเมืองและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่มักจะมีพระเครื่องเป็นของกำนัลคนเหล่านี้มักจะมีการวางแผนก่อนเกษียณจะกี่ปีก็ตาม ก็จะซื้อหรือสะสมพระเครื่องกันไว้ พอได้เวลาก็จะนำมาขายให้เซียนพระ จากนั้นก็จะได้เงินกลับไป
“เงินพวกนี้จากสีเทา ๆ ก็จะเป็นเงินขาวสะอาดภาวะเศรษฐกิจแบบนี้เขาก็ต้องเลือกขายคืนเซียนหมด เซียนแต่ละคนก็ต้องรับผิดชอบแผงพระของตัวเองไปโดยเฉพาะเซียนเบอร์ใหญ่ ๆ หากคนกลุ่มนี้ปล่อยของช่วงนี้อันตรายและกระทบเซียนพระหนักเลย”
ขณะเดียวกันถ้าลูกค้าแผงพระใดก็ตาม หากโทร.มาถามว่าวันนี้เปิดร้านหรือเปิดแผงพระหรือไม่ จงรู้ไว้ว่านี่คือสัญญาณเตือนแล้วว่า ลูกค้าจะนำพระมาคืนและยอมให้หักเงิน 10-30% แน่นอน รวมทั้งสิ่งที่เซียนพระประสบพบเห็นในเวลานี้ก็คือ บรรดาคนที่เช่าพระที่ยังปล่อยพระเครื่องไม่ได้ ก็จะงัดจีวร ที่เป็นทองหรือเพชร ออกมาขายไปก่อน
ต้อม สำนักจันทร์ บอกทิ้งท้ายว่า ถ้าเศรษฐกิจยังคงเป็นแบบนี้ไปถึงสิ้นปี2567 สิ่งที่จะได้เห็นในวงการพระเครื่อง วัตถุมงคลที่จะตามมา จะเห็นแผงพระปิดตัวกันมาก และบรรดาเซียนพระคงตายกันหมดเพราะคนที่เช่าหรือซื้อพระไปแล้วไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ก็จะทยอยมาขายคืนพระเครื่องกันแน่นไปหมด ถามว่าจะหาเงินที่ไหนมารับซื้อและจะมีลูกค้าที่ไหนมาซื้อต่อไป นี่คือปัญหาที่รอความหวังเพียงเศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้น ตลาดพระเครื่องจึงจะฟื้นขึ้นมาได้
ด้านเซียนพระอีก2-3 ราย ที่มีแผงอยู่อาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน และคลุกคลีอยู่ในวงการพระมา 10 กว่าปี บอกว่า ปัจจุบันวัตถุมงคล พระเครื่องและเครื่องรางของขลังต่าง ๆ ที่เป็นของเกจิอาจารย์รุ่นใหม่ที่มาแรงที่สุดคือที่ปลุกเสกโดยหลวงปู่ศิลา สิริจันโท เป็นพระสงฆ์ชาวไทย และเป็นพระราชาคณะชั้นราช ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาส วัดพระธาตุหมื่นหิน ตำบลกุดปลาค้าว อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ เวลานี้เราจะเห็นคลิป วิดีโอ และเพจต่าง ๆ ที่ลงเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่ศิลา และเล่าถึงที่มาของพระเครื่องและวัตถุมงคล รวมทั้งราคาต่าง ๆ ที่ใครสนใจติดตามได้ที่เพจ “ศรัทธาบารมี หลวงปู่ศิลา สิริจันโท” เพจ “ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจันโท” และเพจศูนย์พระเครื่องหลวงปู่ศิลา-พันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน
อย่างไรก็ดีเซียนพระบอกว่า ก่อนหน้านี้วัตถุมงคลทุกชนิดที่เป็นของหลวงปู่ศิลา จะมาแรงมาก ปัจจุบันพวกเราประเมินว่าเริ่มนิ่ง ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ว่ารุ่นไหนผลิตออกมาล้วนทำราคาได้ดี พระใหม่รุ่นดัง ๆ ออกจากวัดราคาไม่กี่หมื่น ก็พุ่งเป็นหลักแสนเพียงพริบตาเดียว ทำให้นายทุนที่เห็นช่องทางเข้ามาขอสร้างกันอีก
“พวกนักสร้างทั้งหลายเข้าไปวุ่นวายก็เริ่มมีปัญหาภายใน ก็ต้องปั่นกระแสรุ่นของตัวเองให้ดัง เริ่มมีวิชามารใส่ร้ายกัน ลูกค้าหรือเซียนพระก็เริ่มดูมันวุ่นวายฟังแล้วมึน งง งง ก็ถอย ๆ กันออกมา ยังมีข่าวลือว่าวัดเรียกเงินก่อน 5 ล้าน ถ้าจะผลิตวัตถุมงคลอะไรก็สร้างไป และกำไรก็ต้องมาแบ่งให้วัดอีกส่วนหนึ่ง เรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวมาก กรรมการวัดและพวกใกล้ชิดหลวงปู่ จึงกลายเป็นเป้า พร้อม ๆ กับทำให้พลังศรัทธาหลวงปู่ลดลงไปด้วย ซึ่งจริง ๆ หลวงปู่ดูใจดี มีเมตตามากนะ”
เซียนพระ บอกด้วยว่า วัตถุมงคลที่คนแสวงหานั้นจะขึ้นอยู่กับพลังศรัทธาแรงกล้าอยู่ที่เหตุผล 3 ประการ ที่จะสามารถหยิบมาปั่นกระแสและปั่นราคาเพื่อให้ติดตลาดจนคนอยากมีไว้ครอบครอง ประกอบด้วย
1.มีพุทธคุณ ด้านแคล้วคลาด ปลอดภัย ประสบอุบัติเหตุ รถชน รถคว่ำ แล้วไม่เป็นอะไร หรือถูกทำร้ายแต่ไม่เป็นอะไร ตรงนี้คือเหตุผลที่ทำให้คนศรัทธา
2. มีพุทธคุณ เด่นด้านโชคลาภ ช่วยเกื้อหนุน ให้ร่ำรวย แบบ รวยปุ๊บปั๊บ มีเงินก้อนใหญ่เข้ามา แบบรวยทันตาเห็น
3. มีความชอบ มีความศรัทธา คือ ชอบในรูปแบบ ชอบในพระองค์นั้น ไม่ว่าจะศิลป์ ชอบนิสัยใจคอ พระรูปนี้ดูมีเมตตา ใจดี เป็นต้น
สำหรับคนที่ต้องการจะลงทุนและสร้างกำไรจากวัตถุมงคลจึงต้องหมั่นติดตามในสื่อต่าง ๆ และส่องดูว่าพระเกจิรุ่นใหม่ จะสามารถสร้างกำไรได้หรือไม่อย่างไร ซึ่งวันนี้หลวงปู่ศิลา เป็นพระเกจิที่ติดอันดับต้น ๆ และมีความเด่นทั้ง 3 ด้านขึ้นอยู่กับรุ่นต่าง ๆ ที่ผลิตออกมาว่ารุ่นไหน เด่นเรื่องอะไร จนบรรดาเซียนพระหลายคนที่คร่ำหวอดในวงการพระใหม่และเก่าคาดการณ์ว่าวัตถุมงคลของหลวงปู่ศิลา จะเป็นแบบเดียวกับในยุคของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา นั่นเอง!!
Cr. https://mgronline.com/specialscoop/detail/9670000056771