ครั้งแรกของการจับคู่ดวลบท ระหว่าง ‘มิ้นท์ รัญชน์รวี’ และ ‘กองทัพ พีค’ 

‘มิ้นท์-รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร’ นักแสดงสังกัดช่อง 3 และอดีตนักกีฬาแบดมินตันเยาวชน หญิงสาวที่มีผลงานให้ชมอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าวงการ และอีกไม่นานเกินรอเธอจะพิสูจน์ฝีมือครั้งสำคัญในบทบาทนางเอกเต็มตัวครั้งแรก ‘กองทัพ พีค’ นักร้องและนักแสดงที่หากบรรยายถึงความสามารถคงต้องร่ายกันยาว รางวัลนับไม่ถ้วนการันตีว่าดาวรุ่งพุ่งไม่หยุดคนนี้ยังมีของดีอีกเยอะให้ติดตาม ทั้งมิ้นท์และพีคไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน กระทั่งได้แสดงเป็นตัวหลักในเรื่อง ‘ดุจอัปสร’ จากค่ายเมกเกอร์ วาย จำกัด โดยผู้จัดฯ ยศสินี ณ นคร ลองดูลีลาการรับส่งลูกของอีกหนึ่งคู่หวานในละคร พร้อมกับชมความบันเทิงหลากรสจากดวงใจเทวพรมลำดับที่ 4 ซึ่งสร้างจากนิยายเล่มหนาที่สุด

ในเรื่องนี้พีครับบท ‘พันตรีหม่อมหลวงอศิร จุฑาเทพ’ ส่วนมิ้นท์เป็น ‘ฟ้า’ คาแร็กเตอร์ของแต่ละคนเป็นอย่างไร

พีค: “อศิรเป็นพี่ใหญ่ รุ่นพ่อจะเรียกว่าห้าสิงห์จุฑาเทพ พอมารุ่นลูกจะเรียกว่าห้าลิงจุฑาเทพ อศิรจะมีความดุ เป็นคนชัดเจน ยิ้มยากมาก แต่ว่าพอเจอนางเอกแล้วก็คลั่งรัก เพราะเขาทำให้โลกเราสดใสขึ้น สิ่งที่พีคชอบที่สุดในตัวอศิรคือการเสียสละ”

มิ้นท์: “ดุจอัปสรเป็นคนที่โหยหาความอิสระในชีวิต มองโลกในแง่ดี มิ้นท์ชอบความซับซ้อนในอารมณ์ของตัวละครนี้ค่ะ คือเวลาเล่นซีนอารมณ์ เหมือนเราไม่โอเคแต่ต้องบอกโอเค เราชอบเขาแต่ต้องบอกเราไม่ชอบ พอเล่นเรื่องนี้มิ้นท์รู้สึกว่าได้ปลดล็อกหลายอย่าง ถ้า ณ ตอนถ่ายนับเป็นบทที่ดราม่าสุดตั้งแต่เคยเล่นมา ได้เล่นบทนำเรื่องแรกแบบเต็มตัวด้วย”

พีค: “สำหรับพีคเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองครับ รู้สึกว่าสิ่งที่ท้าทายมากก็คือตัวละครนี่แหละ เรื่องแรกที่พีคเล่นคือเป็นทนาย (ให้รักพิพากษา (2565)) สามปีที่ไม่มีผลงานออนแอร์ พอมาเจอพีคอีกทีหนึ่งเหมือนเราล้างทุกอย่างหมดเลย ต้องเริ่มใหม่จริงๆ”

มิ้นท์: “ตอนแรกๆ มิ้นท์เคยพูดกับพีคว่ากังวลเหมือนกันที่รู้ว่าเขาต้องรับบทพี่ใหญ่ ซึ่งอายุเยอะกว่าตัวจริงของเขา คือตัวจริงพีคเด็กกว่าอศิรเยอะ แต่เขาทำออกมาได้ดีมาก ทุกคนเชื่อและมิ้นท์ก็เชื่อว่าเขาเป็นพี่ใหญ่จริงๆ ในเรื่องมีซีนอารมณ์เยอะเหมือนกันในการจะเข้าบทกับเขา มีความซับซ้อนเยอะมาก แต่ด้วยความที่เขาเข้าใจบท เข้าใจคาแร็กเตอร์ เข้าใจสถานการณ์ พอเราเข้าใจตรงกันเวลาเล่นออกมาแล้วรู้สึกว่ามันสมูธมากๆ”

พีค: “พาร์ตเนอร์เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเล่นละครด้วยกัน เหมือนพอเราส่งไป เขาส่งกลับมาเหมือนการตีปิงปอง ซึ่งพีคว้าวในตัวมิ้นท์มาก เวลาพีคเล่นอะไร เขาเล่นกลับมา แล้วเราก็เล่นกลับไป มันสนุก เรานั่งคุยกันตลอดว่าซีนนี้เป็นยังไง คุณโอเคไหม ได้เจอพาร์ตเนอร์ที่ดีก็รู้สึกโชคดีมากๆ เรื่องรูปร่างหน้าตาเขาไม่มีที่ติอยู่แล้ว”

มิ้นท์: “หา (หัวเราะ)”

พีค: “แต่ว่าตอนแรกที่คิดไม่ถึงคือเรื่องความอ๊องของเขา ไม่คิดว่าเราสองคนจะอ๊องเหมือนกัน อย่างบางทีมีใครพูดอะไรมา เราจะอ๊องพอกัน”

มิ้นท์: “แบบหันหน้ามามองกันแล้วก็…อะไรนะ!”

พีค: “ใช่ๆ นั่นแหละเป็นสิ่งที่พีคคาดไม่ถึง ไม่เคยเจอคนที่เอเนอร์จี้เลเวลเดียวกันเลย”

ต่างฝ่ายไม่เคยเจอกันมาก่อน แล้วพอร่วมงานจริงๆ คลิกกันเร็วไหม

พีค: “เร็วมากครับ”

มิ้นท์: “ตอนแรกเครียดค่ะ เพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง แล้วพอรู้ว่าอายุน้อยกว่าด้วย มิ้นท์ไม่เคยเล่นกับพระเอกที่อายุน้อยกว่า ครั้งแรกตอนเจอกันเขาก็คุยปกติมาก ไม่เรียกมิ้นท์ว่าพี่ด้วย”

พีค: “ขอสารภาพเลย พีคคิดว่ามิ้นท์เป็นน้อง พอถามอายุถึงรู้ว่าเขามากกว่านิดหน่อย ผมก็โอ้…มายก้อด ไม่ทันแล้ว”

มิ้นท์: “ก่อนเจอหน้าคิดว่าเขาเป็นคนนิ่งมาก มีความเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนสุขุม ดูเป็นคนพูดน้อย จริงๆ มิ้นท์เป็นคนพูดน้อย แต่ว่าพอเจอคนที่แบบ…”

พีค: “พีคพูดเยอะเหรอ ก็ไม่เยอะนะ”

มิ้นท์: “เยอะ แต่เราเป็นคนเนิบๆ เหมือนกันค่ะ เลยคุยกันรู้เรื่อง เขาตรงข้ามกับที่เราคิดไว้ แต่เป็นคนสุขุมค่ะ เฟรนด์ลี่มากกับทุกคน”

พีค: “ตัวจริงมิ้นท์ก็ตรงกันข้ามเหมือนกัน ตอนแรกคิดว่าเป็นคนนิ่งๆ พูดน้อย ซึ่งอันนี้อาจจะตรงนิดนึง แต่พอรู้จักกันไปก็พูดไม่หยุดเหมือนกันนะเรา”

มิ้นท์: “เราคุยกันรู้เรื่องเพราะจังหวะการพูดอยู่ในสปีดเดียวกัน ในกองจะมีนักแสดงที่เป็นคอเมดี้ แล้วแต่ละคนพูดเร็วมาก”

พีค: “มีเราสองคนที่มองหน้ากัน…เอ่อ เขาพูดไปถึงไหนนะ!”

มิ้นท์: “ทุกคนจะแซวตลอดว่าสองคนนี้ไม่ทันอีกแล้ว”

พีค: “เรามีไลฟ์สไตล์ที่คล้ายกันมาก มิ้นท์ชอบออกกำลังกาย เราก็ชอบออกกำลังกาย พีคสวดมนต์ เขาก็สวดมนต์ พีคเข้าวัด เขาก็เข้าวัด”


ถ้ามีโอกาสแสดงด้วยกันอีก อยากเล่นแนวไหน

พีค: “ผมอยากเล่นคอเมดี้จ๋าๆ”

มิ้นท์: “แบบตีกันทั้งเรื่อง ซ่าๆ ซนๆ แก่นๆ”

พีค: “หมายถึงว่าปากจัดกันทั้งคู่ เขาซ่า เราลุย”

แต่ละคนตั้งเป้าเรื่องการแสดงไว้อย่างไร

มิ้นท์: “แค่ทำหน้าที่และทำทุกโอกาสที่ได้รับมาให้ดีที่สุดค่ะ”

พีค: “ของพีคเกินเป้าแล้วครับ ตอนเด็กๆ ฝันแค่อยากเป็นนักร้อง ตอนนี้มันเลยคำนั้นไปแล้ว ที่เหลือคือมอบความสุขให้คนอื่นทุกคนแค่นั้นเลย แล้วก็เหมือนที่มิ้นท์บอกเลยว่าทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”

คำถามแบบไหนที่เราไม่อยากตอบเลย

พีค: “เรื่องที่พาดพิงถึงคนอื่น เพราะรู้สึกว่ามันคือการเบียดเบียนคนอื่น ไม่อยากให้คำพูดของเราไปทำร้ายคนอื่น ขอแค่นั้นเลย ไม่ว่าจะถามสัมภาษณ์หรือในชีวิตจริงก็ไม่อยากให้ถาม พีคโตมากับมายด์เซ็ตว่า It’s not my business. มันไม่ใช่เรื่องของฉัน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เราไม่ควรยุ่งจริงๆ”

มิ้นท์: “เหมือนกันค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับคนอื่น”

อัพเดตผลงานกันหน่อย

มิ้นท์: “ตอนนี้มีเรื่อง ‘ดุจอัปสร’ ที่จะออนแอร์ ต่อด้วย ‘โทษฐานที่รักเธอ’ และกำลังถ่ายทำเรื่อง ‘เมื่อตะวันลับฟ้า (ก็จะเป็นเวลาของดวงดาว)’ อยู่ค่ะ”

พีค: “ของพีคนอกจากเรื่องนี้ก็มี ‘แม่เลี้ยง’ กับ ‘แสนรัก’ ถ่ายเสร็จไปแล้วทั้งคู่ ตอนนี้กำลังถ่าย ‘ก็รักมันปักใจ’ ส่วนงานเพลงจะมีซิงเกิลเป็นภาษาเกาหลีซึ่งพีคทุ่มเทมากๆ คิดว่าต้องปล่อยแล้วล่ะ เพราะทำไว้ตั้งแต่จบรายการที่เกาหลี แล้วก็มีเพลง ‘ฟ้า’ เป็นเพลงประกอบละครเรื่องดุจอัปสร พีคใช้เวลากับเพลงนี้นานมากเพราะอยากให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด”

สุดท้ายอยากบอกอะไรกันและกัน

พีค: “อยากขอบคุณมิ้นท์ที่ผ่านมาเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีมากๆ เป็นคนมีวินัยมาก ในอนาคตอยากร่วมงานกันอีก”

มิ้นท์: “ขอบคุณพีคเหมือนกันค่ะที่ทำให้เชื่อในตัวอศิรว่ามีอยู่จริง เพราะถ้าไม่มีอศิร ก็สร้างดุจอัปสรขึ้นมาไม่ได้ พีคเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีมาก  ทุกครั้งที่มาทำงานพีคจะเต็มที่ตลอด มิ้นท์เองเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว มันเลยสนุก รู้สึกมันที่ได้ทำงานด้วยกัน”

พีค: “อันนี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงในตัวมิ้นท์เหมือนกัน เพราะเวลาทำงานพีคจะเป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์นิดนึง คือทำสุดตัวเลย พอเจอคนเลเวลเดียวกัน ระดับการจูนที่เท่ากัน พีครู้สึกว่าไม่เคยเจอคนที่อดทนขนาดนี้ รู้ว่าเขาเหนื่อย แต่เขาไม่เคยบ่น ไม่เคยได้ยินมิ้นท์บอกว่าเหนื่อยเลย เป็นคนที่ลุยและอดทน อันนี้ชื่นชมมากๆ”

มิ้นท์: “ขอบคุณนะคะ”

ฝากละครเรื่องนี้หน่อยไหม

พีค: “ดุจ อัป สร”

มิ้นท์: “นะ ครับ ผม”


· พีคเป็นคนชอบเพลง รักเพลงมาก ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นนักแสดงตั้งแต่แรก ตอนแรกที่เข้ามาก็ตั้งใจจะทำเพลง แต่พอมีโอกาสเข้ามาและมันสนุก เลยรู้สึกว่าเราค้นพบอีกทางหนึ่งที่สามารถทำได้

· พีคเป็นคนโลกส่วนตัวสูงมาก อยู่แต่ในสตูดิโอ ซ้อมเต้น ตอนอยู่อังกฤษก็เรียนศิลปะการแสดง พอกลับมาไทยต้องปรับหมด อย่างแรกคือเรื่องภาษา แล้วก็สังคมด้วย เอาจริงกลับมาตอนแรกไม่มีเพื่อนเลยสักคน เพื่อนที่มีอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนในกองถ่าย

· ตอนอยู่เกาหลีคือหนักที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมา จนรู้สึกช็อกว่ามันจะโหดอะไรขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งการแข่งขัน การเทรนด้วย แทบไม่ได้นอนเลย คิดตลอดว่ามันต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยเหรอ สุดท้ายก็ได้คำตอบว่ามันต้องทุ่มเทกว่าจะได้อะไรมา คนเราไม่สามารถได้อะไรมาง่ายๆ ถ้าไม่ทุ่มเท

· ถ้ามีโอกาสอยากลองเล่นบทที่ใช้ภาษาจีน เกาหลี หรืออังกฤษ แต่คาแร็กเตอร์ไม่ได้ตายตัว ไม่ได้มายด์ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าต้องเป็นพระเอก และทุกครั้งที่ได้รับบทอะไรมาพีคจะทุ่มสุดตัว


· มิ้นท์เล่นกีฬาตั้งแต่เด็กค่ะ แต่ว่าความฝันอีกอย่าง ถ้าไม่ได้เล่นกีฬาตอนนั้นคืออยากเป็นหมอ อยากผ่าตัดเพราะเคยมีคนบอกว่ามันน่ากลัวมาก เหมือนมีคนเป็นหมอน้อย ก็เลยอยากเป็น แต่ตอนนั้นลุยเรื่องกีฬาค่ะ และไม่มีความคิดแม้แต่นิดเดียวว่าจะเข้าวงการ ช่วงเด็กเราไม่ดูแลตัวเองเลย ไม่รู้จักครีมใดๆ แต่งตัวก็ไม่เป็น

· ช่วงแรกที่เข้าวงการใหม่ๆ มิ้นท์รับมือไม่ค่อยได้ค่ะ เพราะยังปรับตัวไม่ได้มาก เหมือนเราต้องเปลี่ยนทุกอย่าง ทั้งการดูแลตัวเอง การทำงานก็ยาก เอาจริงๆ กีฬาก็ยาก รู้สึกว่าเหนื่อยที่สุดในชีวิตแล้ว แต่พอมาเจองานในวงการ มันก็หนักมากไปอีกแบบหนึ่ง

· มิ้นท์คิดว่าตัวเองค่อนข้างเรียบร้อยนะคะ ความจริงถ้าไม่ได้สนิทมากก็จะเงียบๆ แต่ถ้าสนิทมากๆ มิ้นท์จะซนนิดนึงค่ะ

· ในอนาคตอยากท้าทายตัวเองกับบทบู๊ค่ะ รู้สึกว่าน่าสนุก คงจะท้าทายดี หรืออาจจะสวมคาแร็กเตอร์ที่มีความท้าทายใหม่ๆ ดูบ้าง แต่ยังไงก็ได้หมดค่ะ

Photographer: Thanut Treamchanchuchai

Stylist: Panithan Prasongsanti

Makeup for Mint: Phatsakorn Phinyowithayawong

Hair for Mint: Nichaphon Wichud

Makeup for Peak: Kannipat Sananwong

Hair for Peak: Pongpana Doosantia

Photographer Assistants: Piriyapong Prommounwai, Ratchapoom Yaemnet

Stylist Assistant: Neti Poomtong

cr.http://lofficielthailand.com/2024/06/dujupsorn-duangjai-deva-phrom/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่