คุณเล่นหุ้นด้วยทัศนคติ "ทาส" หรือ "เจ้านาย" กันแน่? มันต่างกันยังไง มาดูกันครับ

โดย Zyo : https://www.youtube.com/@zyobooks


"ทาส คือ คนที่เอาแต่รอให้ใครสักคน มาปลดปล่อยเขา" - Ezra Pound

การเล่นหุ้นด้วยทัศนคติ "ทาส" หรือ "เจ้านาย" หมายถึงแนวคิดและวิธีการที่นักลงทุนใช้ในการบริหารจัดการการลงทุนของตนเอง 
ซึ่งมีความแตกต่างกันดังนี้:

เม่าบาดเจ็บ
ทัศนคติแบบ "ทาส"
1. ขาดการควบคุม: นักลงทุนที่มีทัศนคติแบบทาสมักจะปล่อยให้ความกลัวและความโลภควบคุมการตัดสินใจในการซื้อขายหุ้น ทำให้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์และการกระทำของตัวเองได้ดี

2. ขาดแผนการ: มักไม่มีแผนการลงทุนที่ชัดเจน ไม่มีกลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยง และไม่สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ตลาดได้

3. การตัดสินใจที่ขึ้นอยู่กับข่าวสารและคำแนะนำจากผู้อื่น: มักจะซื้อขายหุ้นตามข่าวลือหรือคำแนะนำจากคนอื่น โดยไม่วิเคราะห์ด้วยตนเอง ทำให้เสียความเชื่อมั่นในตัวเอง

4. การไล่ตามตลาด: มักจะซื้อขายตามแนวโน้มตลาด โดยไม่สนใจว่าการตัดสินใจเหล่านั้นมีเหตุผลหรือไม่

นางพญาเม่า
ทัศนคติแบบ "เจ้านาย"
1. การควบคุมอารมณ์: นักลงทุนที่มีทัศนคติแบบเจ้านายสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ดี ไม่ให้ความกลัวหรือความโลภมาครอบงำการตัดสินใจ

2. มีแผนการลงทุน: มีกลยุทธ์ในการลงทุนที่ชัดเจน มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี และสามารถปรับเปลี่ยนแผนการตามสถานการณ์ตลาดได้

3. การวิเคราะห์ด้วยตนเอง: มักจะทำการวิเคราะห์หุ้นและตัดสินใจด้วยตนเอง โดยไม่ยึดตามข่าวลือหรือคำแนะนำจากผู้อื่น

4. การสร้างโอกาสในตลาด: มองหาความเป็นไปได้ในการทำกำไรจากสถานการณ์ตลาดที่แตกต่างกัน และไม่ไล่ตามแนวโน้มตลาดโดยไม่มีเหตุผล

การแยกแยะทัศนคติทั้งสองนี้สามารถทำให้นักลงทุนเห็นถึงความสำคัญของการควบคุมอารมณ์ การมีแผนการลงทุนที่ชัดเจน และการตัดสินใจโดยอิงจากการวิเคราะห์ที่มีเหตุผล ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในตลาดหุ้นได้ครับ

เม่าเนิร์ด
อย่ามองข้ามความสำคัญของทัศนคติครับ
เพราะทัศนคติเป็นปัจจัยที่มีผลอย่างมากต่อความสำเร็จในการลงทุนในหลายๆ ด้าน ดังนี้:
๑) การควบคุมอารมณ์
- ลดความกลัวและความโลภ: ทัศนคติที่ดีช่วยให้นักลงทุนสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ ไม่ปล่อยให้ความกลัวทำให้ขายหุ้นในราคาต่ำ หรือความโลภทำให้ซื้อหุ้นในราคาสูงเกินไป

- มีความมั่นคงทางจิตใจ: การมีทัศนคติที่มั่นคงช่วยให้นักลงทุนสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดี ไม่ตื่นตระหนกหรือสิ้นหวังง่าย

๒) การวางแผนและการตัดสินใจ
- การมีแผนการลงทุน: ทัศนคติที่ดีช่วยให้นักลงทุนมีแผนการลงทุนที่ชัดเจน สามารถกำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตนเอง

- การตัดสินใจที่มีเหตุผล: ทัศนคติที่เน้นการวิเคราะห์และการวางแผนช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลและการวิเคราะห์ที่มีเหตุผล ไม่ใช่ตามข่าวลือหรือความรู้สึก

๓) การเรียนรู้และพัฒนา
- การเรียนรู้จากความผิดพลาด: ทัศนคติที่ดีช่วยให้นักลงทุนมองความผิดพลาดเป็นบทเรียนและโอกาสในการพัฒนา ไม่ใช่เป็นความล้มเหลวที่ทำให้ท้อแท้

- การปรับตัวและพัฒนา: ทัศนคติที่เปิดกว้างช่วยให้นักลงทุนสามารถปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ พัฒนาตนเองเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

๔) การบริหารความเสี่ยง
- การมีวินัยในการลงทุน: ทัศนคติที่ดีช่วยให้นักลงทุนมีวินัยในการบริหารความเสี่ยง รู้จักการกระจายการลงทุนและการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน

- การป้องกันความเสี่ยง: ทัศนคติที่เน้นการวางแผนและการวิเคราะห์ช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์และป้องกันความเสี่ยงได้ดีขึ้น

โดยรวมแล้ว ทัศนคติที่ดีช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการลงทุน เพราะมันเป็นรากฐานที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถควบคุมอารมณ์ วางแผนการลงทุน ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล เรียนรู้และพัฒนาตนเอง รวมถึงบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  การลงทุน Value Investment Technical Analysis หุ้น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่