[CR] ไป Japan ทั้งที มันต้องมี item ห้ามพลาด

ไป Japan ทั้งทีและแน่นอนฮะ ผมไปช่วงมิถุนายน ซึ่งมันคาบเกี่ยวระหว่างร้อนและฝน
และต้องบอกเลยว่า ใครไปช่วงนี้ยังคงต้องรับมือให้ดีถึงสภาพอากาศ เพราะนอกจากฝนที่จะพัดอากาศให้หนาว ยังมีแดดแรงแบบสุดๆ แสบผิวแม้จะยังได้รับความเย็นของอากาศมากระทบผิวให้ร่มเย็นขึ้นมาบ้าง

ทริปนี้ผมท่องล่องระหว่างโอซาก้าและโตเกียว ซึ่งบอกเลยว่า "ไหม้!!"


วันแรกที่บินไปถึง ก็ชุ่มช่ำไปเลยสิคร้าบบบ สายฝนโปรยปรายมารับขวัญ หนุ่มใหญ่ใจน้อยแบบผม ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้ผมต้องยอมถอยธง นอนหลับอยู่กับแต่ห้องครับ พร้อมลุยเสมอ และนั่นก็ไม่ได้ทำให้เอะใจเลยว่า วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ... แม้จะเตรียมฟิตร่างกายมาพร้อมอย่างดี

แน่นอนว่า เช้าวันรุ่งขึ้น ตัวผมเผชิญกับผื่นคัน ซึ่งคาดการณ์ว่า มาพร้อมกับความร้อน แห้ง และฝุ่นในสายฝนของโอซาก้านั่นเอง
อย่างที่ใครหลายคนพอจะรู้ครับ อากาศแต่ละเขตพื้นที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งไทยจะเป็นแบบร้อนชื้นครับ ส่วนทางฝั่งญี่ปุ่นจะเป็นร้อนแห้ง ดังนั้นมันก็เลยทำให้คนชื้นๆ อย่างเรา พอข้ามฝั่งทะเลไปต้องเผชิญกับความแห้ง ก็จะไม่ชิน คนที่แพ้ง่ายอย่างผม คันคะเยอแบบหนีไม่รอดครับ และก็อย่างที่ไม่ได้เตรียมการณ์อะไรไป เลยต้องไปหาครีมที่โอซาก้าทา และได้เจอกับผลิตภัณฑ์ตัวนี้ครับผม


อ่านไม่ออกครับ แต่ใช้แอปพลิเคชั่นสแกนดู ได้ใจความว่ามันคือยาทาแก้คัน ลดลมพิษ อะไรทำนองนี้ ซึ่งบอกเลยว่า หลังจากทาไปแล้ว มันช่วยให้คันน้อยลงนิดนึง แต่ได้ความเย็น สบายผิวมาแทน ผมทาบริเวณรักแร้ครับ มันเย็นไปทั้งวัน เอ้อ!! ส่วนตัวผมว่ามันดี และโอเคกับผิวผมพอสมควร มันช่วยได้มาก แม้ในวันที่ผมต้องไปเผชิญแดดร้อน UV จัดเต็มที่ Universal Studio


และ 2 ตัวนี้เองครับ ที่ช่วยให้ผม "ไหม้" น้อยลง ตัวด้านบนเป็นครีมกันแดดแบบโทนเนอร์ นอกจากป้องกันแสงแดดแล้วยังช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างขึ้นมาหน่อยๆ มันก็เหมาะกับผู้ชายแมนๆ อย่างผมอยู่นะจะว่าไป ไม่ขาววอก จนหน้าเทา เอาอยู่แต่ควรจะต้องทาซ้ำ ซึ่งผมก็พกติดตัวไปด้วยครับ ส่วนขวดด้านล่าง เป็นแบบสเปรย์พ่นผิวกายครับ ไว้สำหรับป้องกันรังสี UV แน่นอนว่า ถ้าใครเคยไปสวนสนุก USJ ตอนหน้าร้อน หรือหน้าหนาวเอง ก็ควรจะมีแหล่ะ รังสีที่ญี่ปุ่น มันจัดจ้านกว่าไทยมากๆ ผมที่เคยไปทั้ง 2 ฤดู ก็ต้องยอมให้รังสีครับ กลับไทยทีไร ตัวคล้ำดำกลับมาทุกทีเลย

หลังจากที่เผชิญกับแดดไปแล้ว แน่นอนว่า มันจะล้างตัวอย่างเดียวก็จะไม่พอ เลยต้องใช้ตัวช่วยในการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยครับ แม้จะไม่แต่งหน้า แต่การทาครีมกันแดดถ้าล้างไม่สะอาด ก็อาจทำให้ผิวอุดตันได้ครับ

ตัวนี้พกไปเองจากไทย อันที่จริงพวกโลชั่น สกินแคร์เนี่ยะ ผมว่าถ้าไป ตปท. อย่าหาลองอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยลองเลยครับ ตัวไหนที่ใช้แล้วดี ก็พกไป ส่วนจะซื้อกลับมาใช้ที่ไทยนั้นก็อีกเรื่อง ดังนั้นพวกสกินแคร์ กับคลีนซิ่งทำความสะอาดผิว เนี่ยะ ผมพกไป ส่วนตัวก็เชื่อว่าทำความสะอาดผิวได้ดี สะอาด ไม่มีพวกความมัน ฝุ่น ตกค้างในรูขุมขน

นอกจากงานผิวแล้วเนี่ยะ หนุ่มใหญ่ใจดีอย่างผม ก็ไม่ลืมอีกเรื่องที่ใครก็ว่าดี ต้องหามาทดลอง ซี่งนั่นก็คือ hair care ของ 2 ตัวนี้ครับ
ตัวแรกเป็นครีมหมักผม ซึ่งผมหมักครั้งเดียวตอนอยู่ญี่ปุ่น ผมไป 7 วันครับ (สระผมวันเว้นวัน แต่หมักครั้งเดียวก็พอ) ผลที่ได้ในครั้งแรก ก็ยังไม่รู้สึกอะไรนะ แต่พอกลับมาไทยแล้วใช้ต่อ ผมว่า เส้นผมมันจัดทรงง่ายขึ้นแล้วเส้นมันไม่หยาบแข็งเหมือนก่อนใช้ เจ้าตัวหมักผมเนี่ยะ ผมไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ อาจเพราะผมสั้นมากแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาชี้ฟู ภรรยาผมลองใช้แล้ว เขาก็บอกว่า เออ มันฟูลดลงนะ ส่วนตัวที่ 2 จะเป็นเจลใส่ผม แบบบำรุงครับ ตัวนี้เหมาะกับผมทำสี แม้ว่าผมจะไม่ได้ทำสีผม (ซื้อใช้กับภรรยา) ก็ต้องยอมครับ ยอมแรกคือ หอม กดแรกมันเหมือนจะเป็นกลิ่นกุหลาบ แต่พอลงกับผมแล้วจะไม่ได้กลิ่นขนาดนั้น มันหอมอ่อนๆ มากๆ แล้วก็ติดผมด้วยนะ ยอมสองคือ เห้ย!! ผมเซทผมให้เป็นทรงได้โดยที่ไม่ต้องใช้ครีมแต่งทรงผมเลย

ใครไปญี่ปุ่นจะเห็นว่า หนุ่มๆ สาวๆ เขาเซทผมกันเก่งมาก น้อยคนเลยจะปล่อยให้ผมฟูเป็นธรรมชาติ ส่วนตัวนี้ผมอยู่ญี่ปุ่นกดปั้มใหญ่ไป 1 ปั้ม เอาอยู่ครับ ผมนิ่มสลวยแต่เป็นทรง เอากะเขาสิ! แต่กลับไทยอย่างได้หาทำใช้ปั้มใหญ่ครับ ปั้มเล็กๆ เป็นพอ เอาอยู่เหมือนกัน

และทั้งหมดนี้ ผมมาเล่าแบบคร่าวๆ หาซื้อเองไม่มีสปอนเซอร์ ผมยังมีอีกหลายอย่างที่พบเจอในการไปญี่ปุ่นครั้งนี้ แล้วคราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังใหม่ครับผม
ชื่อสินค้า:   skincare, haircare
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่