อังเคลา ปอนเซ เกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1991 ที่เมืองเซบิยา ประเทศสเปน เธอรู้ตัวตั้งแต่เด็กๆ ว่า เธอแตกต่างจากเพื่อน ครั้งแรกที่พ่อแม่ถามว่าอยากได้ของเล่นอะไร เธอก็วิ่งไปเลือกตุ๊กตาบาร์บี้ ซึ่งครอบครัวก็ไม่เคยปฏิเสธหรือต่อต้านในสิ่งที่เธอเป็น พวกเขายังคอยสนับสนุนตลอด แม้กระทั่งผู้คนในชุมชนก็สนับสนุน เวลามีเทศกาล มักได้รับเลือกให้เธอแสดง และเดินแบบชุดพื้นเมืองบ่อย ๆ ทำให้อังเคลาเติบโตมาในแบบที่เธอต้องการจะเป็น ตอนเธออายุได้ 11 ปี อังเคลา ปอนเซ เริ่มทำความรู้จัก ‘Transsexuality’ (ทรานเซ็กชัวลาลิตี้) หรือคนข้ามเพศ ซึ่งทำให้เธอตัดสินใจเดินหน้าต่อสู้ เพื่อสิ่งที่เธอเป็น
ในสมัยที่เธอเรียน เธอไม่เคยถูกเพื่อนกลั่นแกล้งรุนแรง แต่เธอเห็นว่าความรู้ในโรงเรียนยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเป็นคนข้ามเพศ ว่าคนข้ามเพศและลักเพศ คืออย่างเดียวกัน ทำให้เธอต้องการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเรื่องคนข้ามเพศให้คนรุ่นใหม่เข้าใจมากขึ้น หลายคนตั้งคำถามเด้กๆว่า โตขึ้นอยากจะเป็นอะไร ก็จะมีคนตอบว่าอยากเป็นหมอบ้าง เป็นนักบินอวกาศบ้าง แต่สำหรับเธอแล้ว เธอตอบว่าฉันอยากเป็นผู้หญิง ที่อยู่ข้างในตัวตนของฉัน
เธอเรียนจบที่ California State University, Northridge (majoring in Broadcast Journalism) สาขาวารสารศาสตร์การกระจายเสียง หลังจากเรียนจบเธอได้ทำงานในร้านอาหารของครอบครัว และยังรับงานเป็นนางแบบมืออาชีพ ซึ่งพอเธออายุได้ 22 ปี เธอตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ หลังจากใช้ฮอร์โมนบำบัดมาหลายปี หลังการผ่าตัดเธอบอกว่า ”ฉันใช้ชีวิตเป็นการซ้อมเป็นผู้หญิงมาโดยตลอดจนกระทั่งวันนี้ วันที่ฉันได้รับการผ่าตัด ฉันรู้สึกสมบูรณ์เต็มอิ่ม มันเป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของฉัน”
หลังการผ่าตัด ด้วยการที่เธอมีอาชีพเป็นนางแบบ เธอได้ขึ้นปกนิตยสารชื่อดังๆมากมาย เธอเริ่มทำงานเป็นนักกิจกรรมที่มูลนิธิ Daniela (ดาเนียลา) Foundation ซึ่งให้ความช่วยเหลือผู้เยาว์ที่เป็นสาวประเภทสองและการฝึกอบรมในโรงเรียน การเข้าวงการแฟชั่นเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอ เพราะเธอมาจากการประกวดและทุกคนรู้จักฉัน แต่ถืออย่างนั้นก็ยังมีหลายบริษัทยังปฏิเสธที่จะร่วมงานกับเธอ ซึ่งเธอให้ความเห็นในเรื่องนี้ ผ่าน Dailymail ว่า “สังคมไม่ได้ถูกสอนมาให้ยอมรับในความแตกต่าง และนั่นคือเหตุผลที่ฉันต้องเป็นตัวแทนออกสื่อ นี่แหละคือฉัน ซึ่งฉันไม่ได้แปลกประหลาด ฉันแค่มีเรื่องราวที่แตกต่างออกไป”
ในปี 2015 เธอเข้าประกวด มิส เวิลด์ คาดิซ ซึ่งเธอผู้หญิงข้ามเพศคนแรกที่ชนะ และได้เข้าประกวด Miss world Spain ซึ่งเธอก็เป็นสตรีข้ามเพศคนแรกที่เข้าแข่งขัน แม้จะไม่ได้ชนะรางวัลในครั้งนั้น แต่เธอก็จุดประเด็นให้สื่อสนใจได้ไม่น้อย เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังพลาดตำแหน่งให้กับ มิเรยา ลาลากูนา ว่า “แม้จะแพ้ แต่ภาพในหัวฉันก็สวมมงกุฎอยู่ ฉันจะพยายามสู้เพื่อให้คนมองเห็นคนของฉัน รับฟังกลุ่มคนของฉัน และแสดงให้พวกเขาเห็นว่า ฉันสามารถเป็นราชินีได้ด้วยมงกุฎของฉันเอง ซึ่งต่อมา เธอก็ออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งกับ นิตยสารไทม์ ว่า ฉันเพิ่งทราบในวันประกวดว่า มีกฎห้ามสตรีข้ามเพศชนะ จิตใจฉันแทบแหลกสลาย แต่ฉันเดินหน้าประกวดต่อไป มันรู้สึกแย่มาก แต่เมื่อฉันผ่านเข้ารอบสุดท้าย มิสเวิลด์ก็เปลี่ยนกฎ ฉันนี่แหละที่เปลี่ยนมัน
ต่อมาในปี 2018 เธอได้เข้ามาประประกวด Miss Universe Spain ซึ่งเธอกลายเป็นนางงามข้ามเพศคนแรกของประวัติศาสตร์ที่ชนะ และได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนสเปน เข้าชิงมงกุฎ Miss Universe ซึ่งในขณะนั้นเกิดกระแสคนในสังคมที่แรงมาก ออกมาคำถามที่ว่า เธอสามารถตัวแทนสเปน เข้าชิงมงกุฎ Miss Universe ได้หรือไม่ มีเสียงสนับสนุนที่เห็นด้วยกับการที่สตรีข้ามเพศมีสิทธิ์เท่าเทียมกับเพศหญิงบนเวทีประกวดความงาม แต่ขณะเดียวกันก็มีเสียงต่อต้านที่ไม่เห็นด้วย และมองว่า เวทีประกวดความงามจัดขึ้นมาตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อสตรีที่ผ่านภาวะความเป็นผู้หญิงตั้งแต่เกิด ไม่ใช่การที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมาผ่าตัดแปลงเพศ และเรียกตัวเองว่าเป็นผู้หญิง
ตรงจุดนี้ของเล่าย้อนไปในปี 2012 ก่อนว่า เคยมีสตรีข้ามเพศจากประเทศแคนนาดาเธอมีชื่อว่า เจนนา ทาลัคโควา ถูกแบนจากเวทีการประกวดมิสยูนิเวิร์ส แต่ด้วยความช่วยเหลือจากทนาย กลอเรีย อัลเรด (Gloria Allred) ทำให้เวทีมิสยูนิเวิร์สแก้กฎการเข้าประกวดในปีถัดมา และอนุญาตให้สตรีข้ามเพศมีสิทธิ์ในการเข้าประกวดได้เช่นเดียวกับผู้สมัครเพศหญิง ซึ่งจุดนี้มันก็ทำให้อังเคลา ปอนเซ มีสิทธิ์เข้าประกวดได้แน่น่อน
กลับมาสู่การประกวด Miss Universe ปี 2018 การจัดงานในครั้งนี้ จัดขึ้น ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานีและประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประกวด การประกวดในครั้งนี้มีจำนวนสาวงามผู้เข้าร่วมประกวดเป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นคือ 95 ประเทศ ซึ่งนับเป็นการทุบสถิติข้อมูลเดิม การประกวดในครั้งนี้แม้ อังเคลา ปอนเซ จะไม่ได้เป็นผู้ชนะ แต่เธอก็ได้สร้างปรากฎการณ์บนเวทีนางงามจักรวาลให้คนทั้งโลกได้จดจำ โดยเธอได้ถอดสายสะพายประเทศตัวเองชูขึ้นเหนือหัว พร้อมกล่าวว่าเธอไม่ได้มาเพื่อให้คนอื่นมองว่าเธอเป็น transgender คนแรกเท่านั้น แต่เธอหวังว่าอยากจะอยู่ในโลกที่มีความเท่าเทียมกัน และเธออยากให้ทุกคนได้รู้ว่าความเป็นสตรีเพศสถิตอยู่กับเธอตั้งแต่กำเนิดแล้ว เธอไม่ได้ต้องการมงกุฎ หากเธอเพียงต้องการให้คนทั้งโลกได้เห็นว่าเธอมายืนอยู่ตรงนี้ได้แล้ว ในฐานะของสตรีคนหนึ่ง” เธอกล่าวพร้อมกับหลั่งน้ำตาด้วยความภาคภูมิใจ เรียกเสียงฮือฮา พร้อมกับการยืนปรบมือเป็นเกียรติของคนทั้งฮอลล์ให้กับเธอ
เป็นอย่างไรบ้างครับ กับประวัติเธอคนนี้ อังเคลา ปอนเซ ผู้หญิงข้ามเพศที่ต้องการจะเปลี่ยนทัศนคติของคนบนจักรวาลนี้ เธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กจำนวนมากที่ต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติเนื่องจากความแตกต่าง ซึ่งเธอคาดความหวังให้โลกนี้มีความเท่าเทียมสำหรับทุกคน และต้องการทุกคน รู้และเข้าใจว่า ทุกคนเป็นมนุษย์เหมือนกัน
สุดท้ายนี้หากท่านต้องการรับชมเนื้อหาทั้งภาพและเสียง สามารถเข้าไปรับชมไปที่ช่อง youtube : letsgettoknowher เพื่อเป็นกำลังใจให้เราได้นำเสนอสิ่งดีๆแบบนี้ต่อไป......ขอบคุณครับ
ในเดือนแห่งเดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาวหลากหลายทางเพศ (ep 2) ขอเสนอประวัติของอังเคลา ปอนเซ by letsgettoknowher
ในสมัยที่เธอเรียน เธอไม่เคยถูกเพื่อนกลั่นแกล้งรุนแรง แต่เธอเห็นว่าความรู้ในโรงเรียนยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเป็นคนข้ามเพศ ว่าคนข้ามเพศและลักเพศ คืออย่างเดียวกัน ทำให้เธอต้องการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเรื่องคนข้ามเพศให้คนรุ่นใหม่เข้าใจมากขึ้น หลายคนตั้งคำถามเด้กๆว่า โตขึ้นอยากจะเป็นอะไร ก็จะมีคนตอบว่าอยากเป็นหมอบ้าง เป็นนักบินอวกาศบ้าง แต่สำหรับเธอแล้ว เธอตอบว่าฉันอยากเป็นผู้หญิง ที่อยู่ข้างในตัวตนของฉัน
เธอเรียนจบที่ California State University, Northridge (majoring in Broadcast Journalism) สาขาวารสารศาสตร์การกระจายเสียง หลังจากเรียนจบเธอได้ทำงานในร้านอาหารของครอบครัว และยังรับงานเป็นนางแบบมืออาชีพ ซึ่งพอเธออายุได้ 22 ปี เธอตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ หลังจากใช้ฮอร์โมนบำบัดมาหลายปี หลังการผ่าตัดเธอบอกว่า ”ฉันใช้ชีวิตเป็นการซ้อมเป็นผู้หญิงมาโดยตลอดจนกระทั่งวันนี้ วันที่ฉันได้รับการผ่าตัด ฉันรู้สึกสมบูรณ์เต็มอิ่ม มันเป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของฉัน”
หลังการผ่าตัด ด้วยการที่เธอมีอาชีพเป็นนางแบบ เธอได้ขึ้นปกนิตยสารชื่อดังๆมากมาย เธอเริ่มทำงานเป็นนักกิจกรรมที่มูลนิธิ Daniela (ดาเนียลา) Foundation ซึ่งให้ความช่วยเหลือผู้เยาว์ที่เป็นสาวประเภทสองและการฝึกอบรมในโรงเรียน การเข้าวงการแฟชั่นเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอ เพราะเธอมาจากการประกวดและทุกคนรู้จักฉัน แต่ถืออย่างนั้นก็ยังมีหลายบริษัทยังปฏิเสธที่จะร่วมงานกับเธอ ซึ่งเธอให้ความเห็นในเรื่องนี้ ผ่าน Dailymail ว่า “สังคมไม่ได้ถูกสอนมาให้ยอมรับในความแตกต่าง และนั่นคือเหตุผลที่ฉันต้องเป็นตัวแทนออกสื่อ นี่แหละคือฉัน ซึ่งฉันไม่ได้แปลกประหลาด ฉันแค่มีเรื่องราวที่แตกต่างออกไป”
ในปี 2015 เธอเข้าประกวด มิส เวิลด์ คาดิซ ซึ่งเธอผู้หญิงข้ามเพศคนแรกที่ชนะ และได้เข้าประกวด Miss world Spain ซึ่งเธอก็เป็นสตรีข้ามเพศคนแรกที่เข้าแข่งขัน แม้จะไม่ได้ชนะรางวัลในครั้งนั้น แต่เธอก็จุดประเด็นให้สื่อสนใจได้ไม่น้อย เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังพลาดตำแหน่งให้กับ มิเรยา ลาลากูนา ว่า “แม้จะแพ้ แต่ภาพในหัวฉันก็สวมมงกุฎอยู่ ฉันจะพยายามสู้เพื่อให้คนมองเห็นคนของฉัน รับฟังกลุ่มคนของฉัน และแสดงให้พวกเขาเห็นว่า ฉันสามารถเป็นราชินีได้ด้วยมงกุฎของฉันเอง ซึ่งต่อมา เธอก็ออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งกับ นิตยสารไทม์ ว่า ฉันเพิ่งทราบในวันประกวดว่า มีกฎห้ามสตรีข้ามเพศชนะ จิตใจฉันแทบแหลกสลาย แต่ฉันเดินหน้าประกวดต่อไป มันรู้สึกแย่มาก แต่เมื่อฉันผ่านเข้ารอบสุดท้าย มิสเวิลด์ก็เปลี่ยนกฎ ฉันนี่แหละที่เปลี่ยนมัน
ต่อมาในปี 2018 เธอได้เข้ามาประประกวด Miss Universe Spain ซึ่งเธอกลายเป็นนางงามข้ามเพศคนแรกของประวัติศาสตร์ที่ชนะ และได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนสเปน เข้าชิงมงกุฎ Miss Universe ซึ่งในขณะนั้นเกิดกระแสคนในสังคมที่แรงมาก ออกมาคำถามที่ว่า เธอสามารถตัวแทนสเปน เข้าชิงมงกุฎ Miss Universe ได้หรือไม่ มีเสียงสนับสนุนที่เห็นด้วยกับการที่สตรีข้ามเพศมีสิทธิ์เท่าเทียมกับเพศหญิงบนเวทีประกวดความงาม แต่ขณะเดียวกันก็มีเสียงต่อต้านที่ไม่เห็นด้วย และมองว่า เวทีประกวดความงามจัดขึ้นมาตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อสตรีที่ผ่านภาวะความเป็นผู้หญิงตั้งแต่เกิด ไม่ใช่การที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมาผ่าตัดแปลงเพศ และเรียกตัวเองว่าเป็นผู้หญิง
ตรงจุดนี้ของเล่าย้อนไปในปี 2012 ก่อนว่า เคยมีสตรีข้ามเพศจากประเทศแคนนาดาเธอมีชื่อว่า เจนนา ทาลัคโควา ถูกแบนจากเวทีการประกวดมิสยูนิเวิร์ส แต่ด้วยความช่วยเหลือจากทนาย กลอเรีย อัลเรด (Gloria Allred) ทำให้เวทีมิสยูนิเวิร์สแก้กฎการเข้าประกวดในปีถัดมา และอนุญาตให้สตรีข้ามเพศมีสิทธิ์ในการเข้าประกวดได้เช่นเดียวกับผู้สมัครเพศหญิง ซึ่งจุดนี้มันก็ทำให้อังเคลา ปอนเซ มีสิทธิ์เข้าประกวดได้แน่น่อน
กลับมาสู่การประกวด Miss Universe ปี 2018 การจัดงานในครั้งนี้ จัดขึ้น ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานีและประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประกวด การประกวดในครั้งนี้มีจำนวนสาวงามผู้เข้าร่วมประกวดเป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นคือ 95 ประเทศ ซึ่งนับเป็นการทุบสถิติข้อมูลเดิม การประกวดในครั้งนี้แม้ อังเคลา ปอนเซ จะไม่ได้เป็นผู้ชนะ แต่เธอก็ได้สร้างปรากฎการณ์บนเวทีนางงามจักรวาลให้คนทั้งโลกได้จดจำ โดยเธอได้ถอดสายสะพายประเทศตัวเองชูขึ้นเหนือหัว พร้อมกล่าวว่าเธอไม่ได้มาเพื่อให้คนอื่นมองว่าเธอเป็น transgender คนแรกเท่านั้น แต่เธอหวังว่าอยากจะอยู่ในโลกที่มีความเท่าเทียมกัน และเธออยากให้ทุกคนได้รู้ว่าความเป็นสตรีเพศสถิตอยู่กับเธอตั้งแต่กำเนิดแล้ว เธอไม่ได้ต้องการมงกุฎ หากเธอเพียงต้องการให้คนทั้งโลกได้เห็นว่าเธอมายืนอยู่ตรงนี้ได้แล้ว ในฐานะของสตรีคนหนึ่ง” เธอกล่าวพร้อมกับหลั่งน้ำตาด้วยความภาคภูมิใจ เรียกเสียงฮือฮา พร้อมกับการยืนปรบมือเป็นเกียรติของคนทั้งฮอลล์ให้กับเธอ
เป็นอย่างไรบ้างครับ กับประวัติเธอคนนี้ อังเคลา ปอนเซ ผู้หญิงข้ามเพศที่ต้องการจะเปลี่ยนทัศนคติของคนบนจักรวาลนี้ เธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กจำนวนมากที่ต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติเนื่องจากความแตกต่าง ซึ่งเธอคาดความหวังให้โลกนี้มีความเท่าเทียมสำหรับทุกคน และต้องการทุกคน รู้และเข้าใจว่า ทุกคนเป็นมนุษย์เหมือนกัน
สุดท้ายนี้หากท่านต้องการรับชมเนื้อหาทั้งภาพและเสียง สามารถเข้าไปรับชมไปที่ช่อง youtube : letsgettoknowher เพื่อเป็นกำลังใจให้เราได้นำเสนอสิ่งดีๆแบบนี้ต่อไป......ขอบคุณครับ