JJNY : “พิธา” ไม่กังวลกระแสแก้รัฐธรรมนูญ│“พิธา”ให้กำลังใจ“ธิษะณา”│โคราชแล้งหนัก!│ฟิลิปปินส์ไม่มีแนวคิดที่จะก่อสงครามใด ๆ

“พิธา” ไม่กังวลกระแสแก้รัฐธรรมนูญให้เป็น สส.เขตล้วน 500 คน สกัดพรรคก้าวไกล
https://ch3plus.com/news/political/morning/405406

วันนี้ (23 มิ.ย. 2567) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ระบุว่ามีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ สส. มีที่มาจากระบบเขตทั้งหมด 500 ที่นั่ง ตัดระบบบัญชีรายชื่อออกไปทั้งหมดเพื่อสกัดพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งเป็นข้อมูลจากเพื่อนฝูงในพรรคใหญ่พรรคหนึ่ง

นายพิธา กล่าวว่า ก่อนจะตอบต้องบอกว่า เมื่อวานนี้ตนปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดอุดรธานี และยังไม่มีโอกาสได้ฟังข้อมูลดังกล่าว จึงยังไม่ทราบบริบททั้งหมด แต่ในหลักการคือการแก้รัฐธรรมนูญจะต้องแก้โดยให้ประโยชน์ตกอยู่ที่ประชาชน ไม่ควรแก้เพื่อให้ประโยชน์ตกอยู่ที่นักการเมือง เป็นหลักที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นต้องเน้นว่า “การแก้รัฐธรรมนูญคือการคืนอำนาจให้กับประชาชนในระยะยาว” และทำให้ประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงมากที่สุด ไม่ใช่แก้เพื่อให้พรรคหนึ่งได้ประโยชน์กับการแก้รัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่าการแก้ไขไปในทิศทางดังกล่าว มีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหน นายพิธา กล่าวว่า สิ่งที่เคยเกิดขึ้นจริงในสมัยที่แล้ว คือการแก้ไขสัดส่วน สส.แบบแบ่งเขต จาก 350 คนเป็น 400 คน และปรับสัดส่วน สส.แบบบัญชีรายชื่อจาก 150 คน เหลือ 100 คน และมีการปรับวิธีการคำนวณ

“เพราะฉะนั้นผมไม่ได้กล่าวหาว่าจะทำให้พรรคได้พรรคหนึ่งได้ประโยชน์ เพราะยังไงที่ผ่านมาพรรคของเราก็ชนะอยู่ดีถึงแม้ว่าจะมีการแก้ ดังนั้นถ้าหลังจากนี้จะมีการปรับสัดส่วนจาก 400 คนให้มีมากขึ้นไปอีก ผมมองว่ามีความเป็นไปได้ในสภา” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวว่า ตนขอยึดหลักสำคัญว่าการแก้รัฐธรรมนูญมีความจำเป็น รัฐธรรมนูญปี 2560 คือระเบิดเวลา หากจะแก้ต่อไปต้องเอาประชาชนเป็นตัวหลักและให้ประชาชนได้ประโยชน์ อย่าให้พรรคใดพรรคหนึ่งได้ประโยชน์มากกว่ากัน หากกฎหมายสูงสุดของประเทศทำให้การเลือกตั้งหรือการเข้าสู่อำนาจไม่ยุติธรรมและเอนเอียง จะกลายเป็นระเบิดเวลาลูกต่อไป แทนที่จะสามารถแก้ระเบิดเวลาได้ก็จะก่อให้เกิดความขัดแย้งใหม่ในที่สุด

นายพิธา กล่าวว่า สำหรับพรรคก้าวไกล ไม่กังวลใจอะไรเพราะเอาประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้งมาก่อนความสามารถในการแข่งขันของพรรคเสมอ

เราเชื่อในตัวเราว่า ในอดีตที่ผ่านมาไม่ว่ารูปแบบเกมจะเป็นยังไง เราก็ชนะในเกมที่เขาดีไซน์ให้เราแพ้มาโดยตลอด“ นายพิธา กล่าวทิ้งท้าย



“พิธา” ให้กำลังใจ “ธิษะณา” บ้านไฟไหม้ เล็งใช้กลไกสภา ตรวจสอบปมความปลอดภัยประชาชน
https://www.thairath.co.th/news/politic/2795429

“พิธา” ให้กำลังใจ “แก้วตา ธิษะณา ชุณหะวัณ” สส.ก้าวไกล หลังเกิดเหตุไฟไหม้บ้าน เผย เตรียมใช้กลไกสภาฯ ตรวจสอบปมดูแลความปลอดภัยประชาชน ฝากทุกคนเฝ้าระวัง แม้หน้าฝน แต่ยังเสี่ยงไฟลัดวงจร 
 
วันที่ 23 มิถุนายน 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านของ นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ หรือ แก้วตา สส.กทม. พรรคก้าวไกล หลานของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อวานนี้ (22 มิถุนายน 2567) พอเห็นข่าวก็ได้โทรศัพท์ไปสอบถาม ก็เล่าให้ฟังว่าเป็นอุบัติเหตุ มีไฟลัดวงจร โดยพื้นที่ด้านบนเป็นไม้ ด้านล่างเป็นปูน ปูนไม่เป็นไร โดยช่วยชีวิตคนและสัตว์เลี้ยงได้ครบ
 
ก็ได้ส่งกำลังใจให้ รู้สึกดีที่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต และไม่ได้กระทบบ้านเรือนข้างๆ ก็ส่งกำลังใจไปให้คุณแก้วตา จากพวกเรา พรรคก้าวไกลทุกคนครับ
 
ผู้สื่อข่าวถามต่อ เหตุการณ์ไฟไหม้ในปีนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง การป้องกันและเฝ้าระวังควรทำอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนเฝ้าระวัง ตอนนี้ถึงแม้จะเป็นหน้าฝนแล้วก็จริง แต่เรื่องไฟฟ้าลัดวงจร ไฟช็อตก็ยังเกิดขึ้นได้ บางทีเราไม่ได้เปิดใช้นาน แล้วพอไปเปิดค้างทิ้งไว้นานๆ ก็อาจจะลัดวงจรได้ 
 
ผมไม่แน่ใจว่าในงบประมาณที่ผ่านมามีเรื่องเกี่ยวกับการดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนหรือไม่ เพราะมีรูปแบบเยอะ อย่างไรก็ตามเดี๋ยวผมจะไปดูว่าจะใช้กรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร กลไกในสภาช่วยตรวจดูให้อีกทีหนึ่ง”. 



โคราชแล้งหนัก! ชาวบ้านห้วยแถลงโคราชเดือดร้อน
https://www.innnews.co.th/news/local/news_736549/

โคราชแล้งหนัก! ชาวบ้านห้วยแถลงโคราชเดือดร้อน ฝนทิ้งช่วงทำน้ำดิบผลิตประปาแห้งขอด เหลือตะกอนแดงติดก้นสระ ขณะที่หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเร่งทำฝนหลวงช่วยเติมน้ำให้เขื่อน
 
วันนี้ (23 มิถุนายน 2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านเร่งเปิดน้ำระบายตะกอนแดงในน้ำประปาของระบบประปาหมู่บ้านกู่ศิลาขันธ์ ตำบลหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา หลังจากที่หมู่บ้านประสบกับปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงมานานมากกว่า 3 เดือนหลังจากตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปี ที่หมู่บ้านแห่งน้ำไม่เคยมีปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคเลย
 
แต่จากสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ที่รุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา ประกอบกับได้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงจากปรากฏการณ์เอลนีโญ จนทำให้แหล่งกักเก็บน้ำต่างๆ มีปริมาณลดลงอย่างรวดเร็วบางแห่งเหลือน้ำค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำกกรังซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำผิวดินแต่ปัจจุบันมีตะกอนแดงปนเปื้อนอยู่ในปริมาณค่อนข้างสูง ส่งผลเมื่อนำน้ำดิบมาใช้ในการผลิตน้ำประปาจะทำให้น้ำประปามีสีแดงขุ่น
 
ซึ่งจากการสอบถามนายมนูญศักดิ์ แสงสุข ผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่า ทางหมู่บ้านก็ได้แก้ปัญหาโดยการนำน้ำจากบ่อน้ำบาดาลผสมเพิ่มเข้าไปเพื่อเจือจางตะกอนแดงในน้ำดิบก่อนนำไปผลิตประปา รวมถึงยังได้รถบรรทุกน้ำจากองค์การบริหารส่วนตำบลหลุ่งประดู่นำน้ำเข้ามาเติมที่ถังน้ำที่ตั้งอยู่ตามจุดกระจายน้ำ จุดต่างๆ ภายในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นการนำน้ำเข้ามาส่งแบบวันเว้นวัน จึงไม่เพียงพอกับจำนวนประชากรที่มีมากถึง 800 – 1000 คน
 
รวมถึงถังเก็บน้ำที่มีอยู่ก็ไม่เพียงพอต้องขอหยิบยืมที่หมู่บ้านใกล้เคียง ซึ่งก็อยู่ในจุดวิกฤติใกล้ที่จะประสบภัยแล้งเช่นกันถ้าหากฝนยังทิ้งช่วงไม่ตกภายใน 1-2 เดือนต่อจากนี้ ซึ่งการแก้ปัญหาในเบื้องต้นขณะนี้ทางหมู่บ้านต้องการนักวิชาการที่จะสามารถช่วยเหลือให้สามารถกรองตะกอนแดงที่ปนเปื้อนในน้ำดิบที่เหลืออยู่เพื่อที่จะสามารถนำมาผลิตประปาแจกจ่ายชาวบ้านได้ โดยไม่ต้องนำน้ำบาดาลมาผสมเพื่อเพิ่มปริมาณการสูบน้ำเข้าระบบประปาได้มากขึ้น
 
ขณะเดียวกัน หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงนครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ บินปฏิบัติการณ์ทำฝนหลวงในโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะพื้นที่ จ.นครราชสีมา และ จ.ชัยภูมิ อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยพื้นที่การเกษตรและช่วยเติมน้ำในเขื่อน ซึ่งคาดว่าช่วงนี้มีความชื้นที่เหมาะสม คาดว่าจะสามารถทำให้เกิดฝนตกลงมาในพื้นที่ได้พอสมควร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่