‘ภูมิธรรม’ สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูรายละเอียดบริษัทชนะประมูลข้าว ยอมรับไม่มั่นใจว่าจะทำสำเร็จ หลังพบทุนจดทะเบียนต่ำ งบรายจ่ายแต่ละปีมีน้อย และอาจมีฮั้ว ถ้าพบว่ามีจริงก็ผิดกันทั้งหมด ยันอยากระบายข้าวออกไป ทำให้ประเทศเสียหายน้อยที่สุด
วันนี้ (18 มิ.ย. 67) ที่อาคารรัฐสภา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงการประมูลข้าว 10 ปี ที่บริษัทวีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ชนะการประมูลในราคาเกือบ 300 ล้านบาท แต่เพิ่งจดทะเบียนและมีงบดุลต่ำ ว่า ตนเองได้สั่งการให้ดูรายละเอียดแล้ว ซึ่งตอนแรกมีการเปิดประมูลโดยทั่วไป บริษัทดังกล่าวก็ชนะตามคุณสมบัติ แต่ข่าวที่ออกมาตนเองก็ไม่สบายใจ หากเป็นอย่างนั้นจริง ก็ต้องหาทางที่จะต้องคุยกันว่าเขามีเสถียรภาพที่จะทำได้จริงหรือไม่ เพราะในการประมูลเราใช้ราคาเป็นหลัก แต่คุณภาพ และความสามารถในการดำเนินการได้เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่จะต้องประเมิน ซึ่งอาจจะมีการต่อรองราคากัน โดยราคาจะต้องไม่ต่ำกว่านี้อยู่แล้ว ยอมให้ราคาต่ำกว่านี้ไม่ได้ หรืออย่างน้อยที่สุดต้องไม่ต่ำกว่าระดับสองและสาม ส่วนจะมากขึ้นเท่าไหร่ อยู่ที่การต่อรอง ซึ่งได้สั่งการให้มีการตรวจสอบไปแล้วหากบริษัทนี้มีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท และมีงบดุลในการใช้จ่ายประจำปี 1 - 2 ล้านบาท ก็ไม่มั่นใจว่าเขามีสิทธิ์ที่จะทำให้โครงการนี้สำเร็จหรือไม่ จึงคิดว่าจะเรียกทบทวนโดยกรรมการ
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ตนเองอิง TOR และประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับสูงสุด ดังนั้น ถ้าหากไม่มั่นใจ ก็ต้องไปพูดคุยกับกรรมการประมูล และก็ไปดูข้อกฎหมายว่าให้ดำเนินการจัดการอย่างไร ยืนยันว่า เป็นเรื่องที่ไม่สบายใจ เพราะจากที่ฟังแล้ว ถ้าจริง ก็ได้สั่งให้กรมพัฒนาธุรกิจตรวจสอบแล้ว และต้องใช้มติคณะกรรมการมาพิจารณา
นายภูมิธรรม กล่าวถึงบทลงโทษหากพบว่าบริษัทมีความผิดปกติ ว่า ก็คงไปว่าเขายาก เพราะเขามาประมูลตามสิทธิ์ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็มั่นใจยาก เขาเสนอราคาได้อันดับหนึ่ง เราก็พิจารณาเขา แต่เรามีสิทธิ์พิจารณาว่าบริษัทดังกล่าว มีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการหรือไม่ ส่วนตนเองมีหน้าที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายน้อยที่สุด ได้ผลประโยชน์กับประเทศชาติมากที่สุด และจะเรียกพิจารณาเรื่องนี้ หากผลออกมาเป็นอย่างไร ก็จะเสนอว่ายังไม่ประกาศว่าใครได้การประมูล
นายภูมิธรรม กล่าวว่า อาจจะมีฮั้วก็ได้ ซึ่งตนเองไม่แน่ใจ และถ้าตรวจสอบว่ามีการฮั้วประมูลก็ต้องผิดกันทั้งหมด ทั้งผู้ฮั้ว และถูกฮั้ว ซึ่งจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเต็มที่ แต่เวลานี้สิ่งที่ต้องการอย่างเดียวคือต้องการให้ข้าวได้ระบาย และให้เห็นว่าข้าวดีจริงอย่างที่เราไปพิสูจน์ เพราะฉะนั้นถ้ามีกระบวนการอะไรที่ทำให้ข้าวมีปัญหา หรือคิดว่าไม่ดี ก็ต้องตรวจสอบอย่างเต็มที่
“สิ่งที่อยู่ในใจผม ผมอยากให้ข้าวได้ระบายเต็มที่ ถ้าหากองค์กรที่มาประมูล แล้วมีความเป็นไปได้ยาก ผมก็จะขออำนาจในการตรวจสอบพิจารณา” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม ระบุว่า เรื่องที่ประชาชนกังวลว่าการประมูลข้าวครั้งนี้ อาจจะมีการนำข้าวมาปนกับข้าวปัจจุบัน คิดว่าคนเดียวก็กังวลได้ แต่ถ้าดูตามกระบวนการ ต้องยอมรับว่า ข้าวนี้ได้พิสูจน์แล้วจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเอกชน รวมถึงการที่มีคนมาประมูล และเมื่อประมูลแล้ว ผู้ประมูลยังต้องเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงคุณภาพข้าว ซึ่งต้องมีองค์การอาหารและยา (อย.) และอีกหลายหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ และหากการส่งออก หรือนำออกมาขาย ก็ต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบ ดังนั้น อย่ากังวลเรื่องนี้เลย ซึ่งความกังวลนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เคยบอกว่ามีความพยายามที่จะด้อยค่าราคาข้าว และทำให้การกระจายข้าวในครั้งนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดี อยากให้เห็นแก่ประเทศชาติบ้าง
ข่าวดี้ดี 4.0 ‘ภูมิธรรม’ สั่งตรวจสอบ บ.ชนะประมูลข้าว 10 ปี หลังพบงบดุลต่ำ ไม่มั่นใจจะทำได้ เผยอาจมีฮั้ว
วันนี้ (18 มิ.ย. 67) ที่อาคารรัฐสภา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงการประมูลข้าว 10 ปี ที่บริษัทวีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ชนะการประมูลในราคาเกือบ 300 ล้านบาท แต่เพิ่งจดทะเบียนและมีงบดุลต่ำ ว่า ตนเองได้สั่งการให้ดูรายละเอียดแล้ว ซึ่งตอนแรกมีการเปิดประมูลโดยทั่วไป บริษัทดังกล่าวก็ชนะตามคุณสมบัติ แต่ข่าวที่ออกมาตนเองก็ไม่สบายใจ หากเป็นอย่างนั้นจริง ก็ต้องหาทางที่จะต้องคุยกันว่าเขามีเสถียรภาพที่จะทำได้จริงหรือไม่ เพราะในการประมูลเราใช้ราคาเป็นหลัก แต่คุณภาพ และความสามารถในการดำเนินการได้เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่จะต้องประเมิน ซึ่งอาจจะมีการต่อรองราคากัน โดยราคาจะต้องไม่ต่ำกว่านี้อยู่แล้ว ยอมให้ราคาต่ำกว่านี้ไม่ได้ หรืออย่างน้อยที่สุดต้องไม่ต่ำกว่าระดับสองและสาม ส่วนจะมากขึ้นเท่าไหร่ อยู่ที่การต่อรอง ซึ่งได้สั่งการให้มีการตรวจสอบไปแล้วหากบริษัทนี้มีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท และมีงบดุลในการใช้จ่ายประจำปี 1 - 2 ล้านบาท ก็ไม่มั่นใจว่าเขามีสิทธิ์ที่จะทำให้โครงการนี้สำเร็จหรือไม่ จึงคิดว่าจะเรียกทบทวนโดยกรรมการ
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ตนเองอิง TOR และประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับสูงสุด ดังนั้น ถ้าหากไม่มั่นใจ ก็ต้องไปพูดคุยกับกรรมการประมูล และก็ไปดูข้อกฎหมายว่าให้ดำเนินการจัดการอย่างไร ยืนยันว่า เป็นเรื่องที่ไม่สบายใจ เพราะจากที่ฟังแล้ว ถ้าจริง ก็ได้สั่งให้กรมพัฒนาธุรกิจตรวจสอบแล้ว และต้องใช้มติคณะกรรมการมาพิจารณา
นายภูมิธรรม กล่าวถึงบทลงโทษหากพบว่าบริษัทมีความผิดปกติ ว่า ก็คงไปว่าเขายาก เพราะเขามาประมูลตามสิทธิ์ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็มั่นใจยาก เขาเสนอราคาได้อันดับหนึ่ง เราก็พิจารณาเขา แต่เรามีสิทธิ์พิจารณาว่าบริษัทดังกล่าว มีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการหรือไม่ ส่วนตนเองมีหน้าที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายน้อยที่สุด ได้ผลประโยชน์กับประเทศชาติมากที่สุด และจะเรียกพิจารณาเรื่องนี้ หากผลออกมาเป็นอย่างไร ก็จะเสนอว่ายังไม่ประกาศว่าใครได้การประมูล
นายภูมิธรรม กล่าวว่า อาจจะมีฮั้วก็ได้ ซึ่งตนเองไม่แน่ใจ และถ้าตรวจสอบว่ามีการฮั้วประมูลก็ต้องผิดกันทั้งหมด ทั้งผู้ฮั้ว และถูกฮั้ว ซึ่งจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเต็มที่ แต่เวลานี้สิ่งที่ต้องการอย่างเดียวคือต้องการให้ข้าวได้ระบาย และให้เห็นว่าข้าวดีจริงอย่างที่เราไปพิสูจน์ เพราะฉะนั้นถ้ามีกระบวนการอะไรที่ทำให้ข้าวมีปัญหา หรือคิดว่าไม่ดี ก็ต้องตรวจสอบอย่างเต็มที่
“สิ่งที่อยู่ในใจผม ผมอยากให้ข้าวได้ระบายเต็มที่ ถ้าหากองค์กรที่มาประมูล แล้วมีความเป็นไปได้ยาก ผมก็จะขออำนาจในการตรวจสอบพิจารณา” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม ระบุว่า เรื่องที่ประชาชนกังวลว่าการประมูลข้าวครั้งนี้ อาจจะมีการนำข้าวมาปนกับข้าวปัจจุบัน คิดว่าคนเดียวก็กังวลได้ แต่ถ้าดูตามกระบวนการ ต้องยอมรับว่า ข้าวนี้ได้พิสูจน์แล้วจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเอกชน รวมถึงการที่มีคนมาประมูล และเมื่อประมูลแล้ว ผู้ประมูลยังต้องเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงคุณภาพข้าว ซึ่งต้องมีองค์การอาหารและยา (อย.) และอีกหลายหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ และหากการส่งออก หรือนำออกมาขาย ก็ต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบ ดังนั้น อย่ากังวลเรื่องนี้เลย ซึ่งความกังวลนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เคยบอกว่ามีความพยายามที่จะด้อยค่าราคาข้าว และทำให้การกระจายข้าวในครั้งนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดี อยากให้เห็นแก่ประเทศชาติบ้าง