https://www.bangkokbiznews.com/business/1130508
ก่อนหน้าการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 จะเริ่มเพียงแค่หนึ่งวัน ก็มีการประกาศข่าวว่ามีผู้ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ผู้ซื้อลิขสิทธิ์ไม่ใช่ผู้ให้บริการอย่างทรูวิชั่นส์, เอไอเอส หรือเจ้าอื่นๆ แต่กลับเป็นแบรนด์รองเท้าแตะอย่าง “แอโร่ซอฟท์” แทน
การเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ในครั้งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากแอโร่ซอฟท์เพียงเจ้าเดียว เพราะมีความร่วมมือกันของหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐที่มอบหมายให้ช่อง NBT HD2 เป็นเจ้าภาพในการถ่ายทอดสด รวมถึงทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ประสานเรื่องของการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด
มองในแง่ของเรื่องของการสร้างแบรนด์แล้ว การลงทุนครั้งนั้นทำให้แอโร่ซอฟท์มีชื่อเสียงในระดับประเทศชนิดที่ทุกคนรู้จักทันที สิ่งที่แบรนด์ได้เป็นการตอบแทนคือเรื่องของ Social impact ที่รุนแรงระดับปรากฏการณ์
การกลับมาของแอโร่ซอฟท์ในครั้งนี้อยู่ในฐานะของผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดเหมือนเดิม หรือพูดง่ายๆคือรับเป็น “เจ้าภาพ” ให้ทุกฝ่าย และเป็นที่น่าจับตามองว่าแบบนี้จะหมายถึงการที่แอโร่ซอฟท์จะเป็นคนรับจบดีลเหล่านี้แทนภาครัฐหรือไม่ในอนาคต
โดยผู้ที่ไม่ได้เป็นลูกค้าเดิมจะมีค่าใช้จ่ายในการสมัครรับชม
ยูโร 2024 ทัวร์นาเมนต์ระดับโลกรายการนี้เพียงแค่ 249 บาทเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นสนนราคาที่ไม่ได้มากมายอะไร
ถึงอย่างนั้นในยุคเงินทองฝืดเคืองแบบนี้ ไม่นับคนที่ไม่สะดวกจะรับชมผ่านช่องทางของ
ทรูวิชั่นส์ก็มีจำนวนไม่น้อย จึงมีเสียงสะท้อนอีกฝั่งออกมาพอสมควร
หนึ่งในเสียงสะท้อนที่น่าสนใจที่มากกว่าแค่ถามว่าดูผ่านฟรีทีวีได้ไหม? คือคนที่ออกมาบอกว่า “คิดถึง
แอโร่ซอฟท์เนาะ
แล้วจู่ๆก็เพจสถานีโทรทัศน์ NBT2 HD ได้โพสต์ข้อความปริศนาว่า
“เชียร์ยูโร...แอโร่ซอฟท์” สร้างความแตกตื่นไปทั่ว ก่อนจะมีการแจ้งหมายข่าวว่าจะมีการแถลงข่าวใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาลเกี่ยวกับการ
ถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2024 ให้ชาวไทยทุกคนได้ชมผ่านช่องทางฟรีทีวี
ก่อนที่จะปรากฏภาพของโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการบริษัทซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ที่ยืนถ่ายภาพร่วมกับนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ในการแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นอันยืนยันว่าคนไทยทั่วประเทศสามารถชมรายการ
ฟุตบอลยูโร 2024 นี้ได้ทางฟรีทีวี
คำถามที่น่าสนใจคือทำไมแอโรซอฟต์จึงกลับมารับบท “อัศวินม้าขาว” อีกครั้ง?
การกลับมาอีกครั้งของแอโร่ซอฟท์
สำหรับข่าวการซื้อ
ลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร 2024 ของแอโร่ซอฟท์ในครั้งนี้อาจไม่ได้สร้างความฮือฮาได้เหมือนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพราะสถานการณ์ยังไม่ได้สุกงอมในระดับนั้น และทรูวิชั่นส์ก็เพิ่งประกาศข่าวการคว้าลิขสิทธิ์ไปก่อนแล้ว
แต่ภาพของโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ยืนถ่ายภาพหมู่ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานก็นับว่าเป็นภาพที่สร้าง Impact ได้ไม่น้อยเช่นกัน
การกลับมาของแอโร่ซอฟท์ในครั้งนี้อยู่ในฐานะของผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดเหมือนเดิม หรือพูดง่ายๆคือรับเป็น “เจ้าภาพ” ให้ทุกฝ่าย และเป็นที่น่าจับตามองว่าแบบนี้จะหมายถึงการที่แอโร่ซอฟท์จะเป็นคนรับจบดีลเหล่านี้แทนภาครัฐหรือไม่ในอนาคต
เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยมีปัญหาเรื่องของลิขสิทธิ์รายการกีฬาดังหลายครั้ง โดยเฉพาะหลังมีกฎ Must have และ Must carry ที่ภาครัฐต้องเข้ามาแทรกแซงในนาทีสุดท้ายเกือบตลอด ซึ่งมีการวิพากษ์ในเรื่องของงบประมาณที่นำมาใช้จ่ายที่ไม่น้อย
แต่เมื่อมีเอกชนอย่างแอโร่ซอฟท์มาเป็นเจ้าภาพแทน ทำให้รัฐบาลไม่ต้องออกหน้าเองทำให้นายกรัฐมนตรีสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า “รัฐบาลไม่ต้องใช้งบประมาณเลย” เป็นการลดเสียงวิจารณ์ลงไปได้มาก
อีกทั้งสิ่งที่แตกต่างจากคราวก่อนคือครั้งนี้แอโรซอฟท์ไม่ได้เดินอย่างเดียวดายแล้ว เพราะมีเอกชนเข้ามาร่วมเป็นผู้สนับสนุนด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเจ้าใหญ่ที่ทำ Sport marketing อยู่แล้ว ที่หากไม่ลำบากเกินไปก็พร้อมที่จะคืนกำไรสู่สังคมในทางอ้อม
ส่วนเรื่องของสิ่งตอบแทนจากการลงทุนและลงขันในครั้งนี้จะมีหรือไม่และเป็นอะไรนั้น สุดที่จะคาดเดา
สำหรับเรื่องของ
ค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2024 ครั้งนี้ไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ทั้งประธานกรรมการแห่งซัมมิทฟุตแวร์ และนายกรัฐมนตรีไม่ปริปากแง้มพรายให้รู้แม้แต่นิดเดียว
เศรษฐา ทวีสิน บอกเพียงว่าครั้งนี้ไม่อยากเรียกว่าเป็นการ “คืนความสุขให้ประชาชน” แต่อยากใช้คำว่า “เพิ่มความสุขให้ประชาชน” แทน
และความสุขอาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่อาจเกิดขึ้น เพราะผลกระทบทางเศรษฐกิจในภาพรวมถูกมองว่าไม่น่าจะมีผลอะไรมากมายนัก ไม่มีผลต่อการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ที่จะได้คึกคักกันบ้างน่าจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อยอย่างร้านอาหารหรือผับบาร์ที่เปิดให้ชมฟุตบอลมากกว่า
แต่ถ้าไม่คิดอะไรกันมากก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับแฟนฟุตบอลชาวไทยที่จะได้มีช่องทางในการติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลดีๆในระดับโลกอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง เช่นกันกับการลุ้นเพลงประจำรายการว่าจะเป็นฝีมือการแต่งของ พลพล คนเดิมหรือไม่
หรือจะขุดเพลงเก่ามาแปลงเนื้อใหม่ให้เป็น “เชียร์ยูโร Aerosoft 2024” ต้องรอติดตามกัน
เชียร์ยูโร แอโร่ซอฟท์ การกลับมาอีกครั้งของอัศวินม้าขาวชาวไทยใน 'ยูโร 2024'
ก่อนหน้าการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 จะเริ่มเพียงแค่หนึ่งวัน ก็มีการประกาศข่าวว่ามีผู้ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ผู้ซื้อลิขสิทธิ์ไม่ใช่ผู้ให้บริการอย่างทรูวิชั่นส์, เอไอเอส หรือเจ้าอื่นๆ แต่กลับเป็นแบรนด์รองเท้าแตะอย่าง “แอโร่ซอฟท์” แทน
การเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ในครั้งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากแอโร่ซอฟท์เพียงเจ้าเดียว เพราะมีความร่วมมือกันของหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐที่มอบหมายให้ช่อง NBT HD2 เป็นเจ้าภาพในการถ่ายทอดสด รวมถึงทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ประสานเรื่องของการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด
มองในแง่ของเรื่องของการสร้างแบรนด์แล้ว การลงทุนครั้งนั้นทำให้แอโร่ซอฟท์มีชื่อเสียงในระดับประเทศชนิดที่ทุกคนรู้จักทันที สิ่งที่แบรนด์ได้เป็นการตอบแทนคือเรื่องของ Social impact ที่รุนแรงระดับปรากฏการณ์
การกลับมาของแอโร่ซอฟท์ในครั้งนี้อยู่ในฐานะของผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดเหมือนเดิม หรือพูดง่ายๆคือรับเป็น “เจ้าภาพ” ให้ทุกฝ่าย และเป็นที่น่าจับตามองว่าแบบนี้จะหมายถึงการที่แอโร่ซอฟท์จะเป็นคนรับจบดีลเหล่านี้แทนภาครัฐหรือไม่ในอนาคต
โดยผู้ที่ไม่ได้เป็นลูกค้าเดิมจะมีค่าใช้จ่ายในการสมัครรับชม ยูโร 2024 ทัวร์นาเมนต์ระดับโลกรายการนี้เพียงแค่ 249 บาทเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นสนนราคาที่ไม่ได้มากมายอะไร
ถึงอย่างนั้นในยุคเงินทองฝืดเคืองแบบนี้ ไม่นับคนที่ไม่สะดวกจะรับชมผ่านช่องทางของทรูวิชั่นส์ก็มีจำนวนไม่น้อย จึงมีเสียงสะท้อนอีกฝั่งออกมาพอสมควร
หนึ่งในเสียงสะท้อนที่น่าสนใจที่มากกว่าแค่ถามว่าดูผ่านฟรีทีวีได้ไหม? คือคนที่ออกมาบอกว่า “คิดถึงแอโร่ซอฟท์เนาะ
แล้วจู่ๆก็เพจสถานีโทรทัศน์ NBT2 HD ได้โพสต์ข้อความปริศนาว่า “เชียร์ยูโร...แอโร่ซอฟท์” สร้างความแตกตื่นไปทั่ว ก่อนจะมีการแจ้งหมายข่าวว่าจะมีการแถลงข่าวใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาลเกี่ยวกับการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2024 ให้ชาวไทยทุกคนได้ชมผ่านช่องทางฟรีทีวี
ก่อนที่จะปรากฏภาพของโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการบริษัทซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ที่ยืนถ่ายภาพร่วมกับนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ในการแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นอันยืนยันว่าคนไทยทั่วประเทศสามารถชมรายการ ฟุตบอลยูโร 2024 นี้ได้ทางฟรีทีวี
คำถามที่น่าสนใจคือทำไมแอโรซอฟต์จึงกลับมารับบท “อัศวินม้าขาว” อีกครั้ง?
การกลับมาอีกครั้งของแอโร่ซอฟท์
สำหรับข่าวการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร 2024 ของแอโร่ซอฟท์ในครั้งนี้อาจไม่ได้สร้างความฮือฮาได้เหมือนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพราะสถานการณ์ยังไม่ได้สุกงอมในระดับนั้น และทรูวิชั่นส์ก็เพิ่งประกาศข่าวการคว้าลิขสิทธิ์ไปก่อนแล้ว
แต่ภาพของโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ยืนถ่ายภาพหมู่ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานก็นับว่าเป็นภาพที่สร้าง Impact ได้ไม่น้อยเช่นกัน
การกลับมาของแอโร่ซอฟท์ในครั้งนี้อยู่ในฐานะของผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดเหมือนเดิม หรือพูดง่ายๆคือรับเป็น “เจ้าภาพ” ให้ทุกฝ่าย และเป็นที่น่าจับตามองว่าแบบนี้จะหมายถึงการที่แอโร่ซอฟท์จะเป็นคนรับจบดีลเหล่านี้แทนภาครัฐหรือไม่ในอนาคต
เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยมีปัญหาเรื่องของลิขสิทธิ์รายการกีฬาดังหลายครั้ง โดยเฉพาะหลังมีกฎ Must have และ Must carry ที่ภาครัฐต้องเข้ามาแทรกแซงในนาทีสุดท้ายเกือบตลอด ซึ่งมีการวิพากษ์ในเรื่องของงบประมาณที่นำมาใช้จ่ายที่ไม่น้อย
แต่เมื่อมีเอกชนอย่างแอโร่ซอฟท์มาเป็นเจ้าภาพแทน ทำให้รัฐบาลไม่ต้องออกหน้าเองทำให้นายกรัฐมนตรีสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า “รัฐบาลไม่ต้องใช้งบประมาณเลย” เป็นการลดเสียงวิจารณ์ลงไปได้มาก
อีกทั้งสิ่งที่แตกต่างจากคราวก่อนคือครั้งนี้แอโรซอฟท์ไม่ได้เดินอย่างเดียวดายแล้ว เพราะมีเอกชนเข้ามาร่วมเป็นผู้สนับสนุนด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเจ้าใหญ่ที่ทำ Sport marketing อยู่แล้ว ที่หากไม่ลำบากเกินไปก็พร้อมที่จะคืนกำไรสู่สังคมในทางอ้อม
ส่วนเรื่องของสิ่งตอบแทนจากการลงทุนและลงขันในครั้งนี้จะมีหรือไม่และเป็นอะไรนั้น สุดที่จะคาดเดา
สำหรับเรื่องของค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2024 ครั้งนี้ไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ทั้งประธานกรรมการแห่งซัมมิทฟุตแวร์ และนายกรัฐมนตรีไม่ปริปากแง้มพรายให้รู้แม้แต่นิดเดียว
เศรษฐา ทวีสิน บอกเพียงว่าครั้งนี้ไม่อยากเรียกว่าเป็นการ “คืนความสุขให้ประชาชน” แต่อยากใช้คำว่า “เพิ่มความสุขให้ประชาชน” แทน
และความสุขอาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่อาจเกิดขึ้น เพราะผลกระทบทางเศรษฐกิจในภาพรวมถูกมองว่าไม่น่าจะมีผลอะไรมากมายนัก ไม่มีผลต่อการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ที่จะได้คึกคักกันบ้างน่าจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อยอย่างร้านอาหารหรือผับบาร์ที่เปิดให้ชมฟุตบอลมากกว่า
แต่ถ้าไม่คิดอะไรกันมากก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับแฟนฟุตบอลชาวไทยที่จะได้มีช่องทางในการติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลดีๆในระดับโลกอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง เช่นกันกับการลุ้นเพลงประจำรายการว่าจะเป็นฝีมือการแต่งของ พลพล คนเดิมหรือไม่
หรือจะขุดเพลงเก่ามาแปลงเนื้อใหม่ให้เป็น “เชียร์ยูโร Aerosoft 2024” ต้องรอติดตามกัน