แชร์ประสบการณ์ประมูลรถจักรยานยนต์จากสหการประมูล เหม่งจ๋าย
https://www.auct.co.th/AUCTLive-Term
1.เดินทางไปที่ลานประมูลวันเสาร์ เค้าบอกว่าจะมีรถมอไซค์เยอะ ให้ไปดูของตอนเช้า 8.30 น. จะมีรายการรถทั้งหมดที่เปิดให้ประมูลในวันนั้น เราก็เล็ง แล้วก็ไปดูที่เราสนใจ แล้วจดไว้ว่ารถอยู่ลำดับที่เท่าไหร่
2.ลงทะเบียนเพื่อประมูล วางเงินมัดจำ 5,000 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์
3.เริ่มการประมูล เจ้าหน้าที่ก็จะเข็นรถขึ้นมาทีละคัน มีคนมาประมูลที่ลาน และทางออนไลน์ ราคาขึ้นไวมากๆ ไม่รู้ว่าเป็นพวกหน้าม้ามาดันราคารึเปล่า เพราะเข้าใจว่าของที่มาประมูลคือพวกที่ผ่อนลิซซิ่งไม่ไหวกันทั้งนั้น เจ้าหน้าที่พูดเร็วมากๆๆๆ แบบหายใจทางผิวหนัง ก็เข้าใจนะ ถ้าไม่พูดเร็ว การประมูลคงจบเที่ยงคืน เพราะรถรอประมูลมีเยอะมากๆ คนไปประมูลต้องมีสติมากๆ ตั้งใจฟังดีๆ คนประมูลก็จะมีคนที่เอาไปขายต่อก็มี ซื้อใช้เองก็มี
4.ถึงคันที่เราอยากได้ เราก็ยกป้าย ราคาจะขึ้นทีละ 1,000 บาท จนสุดท้ายเค้านับ 3 2 1 เคาะ รถคันนั้นก็จะกลายเป็นของเราทันที รู้สึกตื่นเต้นมากๆ กลัวคนอื่นมายื่นแข่งกับเราหลังจากที่เรายกแล้ว ตอนแรกกะว่าจะยกเพิ่มไม่เกิน 3,000 แต่ก็จบที่เพิ่มไป 5,000บาท จากราคาเริ่มต้น
5.ดำเนินการชำระค่าใช้จ่าย นอกจากราคารถที่ประมูลได้แล้ว เรายังต้องเสียค่า vat 7% และค่าดำเนินการรถจักรยานยนต์ไม่เกิน 200 ซีซี 1,605 บาท
ถ้าเราชำระทั้งหมดในวันนั้น เราก็รับรถออกไปได้เลย แต่ถ้าบางส่วน ก็ต้องฝากรถไว้ก่อนจนกว่าเราจะชำระครบ เราก็เห็นรถที่ประมูลออกแล้ว แต่จอดทิ้งไว้เยอะเลย
6.เอกสารที่ได้รับ คือ ใบเสร็จ เอกสารโอนลอย เล่มทะเบียนเขียว ส่วนเอกสารการโอนอื่นๆ เค้าจะส่งไปรษณีย์มาให้ภายใน 2 สัปดาห์ แล้วเราถึงจะไปทำเรื่องที่ขนส่งได้
7.เงินมัดจำ 5000 บาท จะได้รับการโอนคืนในวันจันทร์
รถที่เราประมูลได้ใหม่มากๆ อุปกรณ์ครบ กลิ่นยังใหม่อยู่เลย วิ่งไปแค่ 1,000 กม. แล้วก็ผ่อนลิซซิ่งไปแค่งวดเดียว แล้วก็ค้างจ่าย 3 งวด ก็เลยโดนยึดรถ รวมๆแล้วก็เสียค่าประมูลถูกกว่าซื้อคันใหม่จากศูนย์ประมาณ 10,000 บาท
การโอนรถเป็นชื่อเรา
ไปทำเรื่องที่ขนส่งจตุจักร อาคาร 4 ระหว่างทางเข้าขนส่งมีพวกมาบอกว่าจะช่วยทำเรื่องให้ พวกม้า ขนส่งเลยตั้งป้ายเตือนเลยว่าให้ระวัง อย่าไปติดต่อเด็ดขาด
ให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนไปด้วย ซัก 4-5 ชุด เพราะต้องใช้ประกอบการยื่น เงินสดสำหรับจ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ
เนื่องจากรถที่เราประมูลได้ไม่ใช่ทะเบียนกรุงเทพ ก็เลยต้องทำเรื่องย้ายทะเบียนมาที่กรุงเทพก่อน แล้วต้องรออีก 7 วัน ถึงมาทำเรื่องโอนเป็นชื่อเราได้
ก็เลยทำเรื่องย้าย แล้วก็ตรวจสภาพเอาไว้ก่อน พอครบ 7 วัน เราก็ถอดแต่ป้ายทะเบียนไม่ต้องเอารถมาแล้ว พร้อมเล่มทะเบียนเขียว มาทำเรื่องโอนจากชื่อลิซซิ่งมาเป็นชื่อเรา แถมยังโดนปรับด้วยเนื่องจาก กว่าจะได้เอกสารเพื่อมาทำเรื่องโอน ก็เกิน 15 วันทำการนับจากวันซื้อ ก็เลยต้องเสียค่าปรับ 200 บาท เพราะมายื่นเรื่องช้า เจ้าหน้าที่บอกว่า คนที่ประมูลรถจะโดนปรับแบบนี้กันหมด ยิ่งถ้าใครประมูลได้คันที่ทะเบียนหาย ก็จะโดนปรับเรื่องทะเบียนหายก่อนอีก ทำเรื่องโอนใช้เวลาประมาณครึ่งวันก็เสร็จ (แต่ต้องไป2รอบ เพราะทะเบียนต่างจังหวัด ย้ายมาออกทะเบียนใหม่กรุงเทพ) ก็จะได้ป้ายทะเบียนเลขใหม่ (ถ้าใครอยากได้เลขทะเบียนสวยๆ ก็จองออนไลน์ก่อนได้
https://reserve.dlt.go.th/mc/ )
แชร์ประสบการณ์ประมูลรถจักรยานยนต์จากสหการประมูล เหม่งจ๋าย
https://www.auct.co.th/AUCTLive-Term
1.เดินทางไปที่ลานประมูลวันเสาร์ เค้าบอกว่าจะมีรถมอไซค์เยอะ ให้ไปดูของตอนเช้า 8.30 น. จะมีรายการรถทั้งหมดที่เปิดให้ประมูลในวันนั้น เราก็เล็ง แล้วก็ไปดูที่เราสนใจ แล้วจดไว้ว่ารถอยู่ลำดับที่เท่าไหร่
2.ลงทะเบียนเพื่อประมูล วางเงินมัดจำ 5,000 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์
3.เริ่มการประมูล เจ้าหน้าที่ก็จะเข็นรถขึ้นมาทีละคัน มีคนมาประมูลที่ลาน และทางออนไลน์ ราคาขึ้นไวมากๆ ไม่รู้ว่าเป็นพวกหน้าม้ามาดันราคารึเปล่า เพราะเข้าใจว่าของที่มาประมูลคือพวกที่ผ่อนลิซซิ่งไม่ไหวกันทั้งนั้น เจ้าหน้าที่พูดเร็วมากๆๆๆ แบบหายใจทางผิวหนัง ก็เข้าใจนะ ถ้าไม่พูดเร็ว การประมูลคงจบเที่ยงคืน เพราะรถรอประมูลมีเยอะมากๆ คนไปประมูลต้องมีสติมากๆ ตั้งใจฟังดีๆ คนประมูลก็จะมีคนที่เอาไปขายต่อก็มี ซื้อใช้เองก็มี
4.ถึงคันที่เราอยากได้ เราก็ยกป้าย ราคาจะขึ้นทีละ 1,000 บาท จนสุดท้ายเค้านับ 3 2 1 เคาะ รถคันนั้นก็จะกลายเป็นของเราทันที รู้สึกตื่นเต้นมากๆ กลัวคนอื่นมายื่นแข่งกับเราหลังจากที่เรายกแล้ว ตอนแรกกะว่าจะยกเพิ่มไม่เกิน 3,000 แต่ก็จบที่เพิ่มไป 5,000บาท จากราคาเริ่มต้น
5.ดำเนินการชำระค่าใช้จ่าย นอกจากราคารถที่ประมูลได้แล้ว เรายังต้องเสียค่า vat 7% และค่าดำเนินการรถจักรยานยนต์ไม่เกิน 200 ซีซี 1,605 บาท
ถ้าเราชำระทั้งหมดในวันนั้น เราก็รับรถออกไปได้เลย แต่ถ้าบางส่วน ก็ต้องฝากรถไว้ก่อนจนกว่าเราจะชำระครบ เราก็เห็นรถที่ประมูลออกแล้ว แต่จอดทิ้งไว้เยอะเลย
6.เอกสารที่ได้รับ คือ ใบเสร็จ เอกสารโอนลอย เล่มทะเบียนเขียว ส่วนเอกสารการโอนอื่นๆ เค้าจะส่งไปรษณีย์มาให้ภายใน 2 สัปดาห์ แล้วเราถึงจะไปทำเรื่องที่ขนส่งได้
7.เงินมัดจำ 5000 บาท จะได้รับการโอนคืนในวันจันทร์
รถที่เราประมูลได้ใหม่มากๆ อุปกรณ์ครบ กลิ่นยังใหม่อยู่เลย วิ่งไปแค่ 1,000 กม. แล้วก็ผ่อนลิซซิ่งไปแค่งวดเดียว แล้วก็ค้างจ่าย 3 งวด ก็เลยโดนยึดรถ รวมๆแล้วก็เสียค่าประมูลถูกกว่าซื้อคันใหม่จากศูนย์ประมาณ 10,000 บาท
การโอนรถเป็นชื่อเรา
ไปทำเรื่องที่ขนส่งจตุจักร อาคาร 4 ระหว่างทางเข้าขนส่งมีพวกมาบอกว่าจะช่วยทำเรื่องให้ พวกม้า ขนส่งเลยตั้งป้ายเตือนเลยว่าให้ระวัง อย่าไปติดต่อเด็ดขาด
ให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนไปด้วย ซัก 4-5 ชุด เพราะต้องใช้ประกอบการยื่น เงินสดสำหรับจ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ
เนื่องจากรถที่เราประมูลได้ไม่ใช่ทะเบียนกรุงเทพ ก็เลยต้องทำเรื่องย้ายทะเบียนมาที่กรุงเทพก่อน แล้วต้องรออีก 7 วัน ถึงมาทำเรื่องโอนเป็นชื่อเราได้
ก็เลยทำเรื่องย้าย แล้วก็ตรวจสภาพเอาไว้ก่อน พอครบ 7 วัน เราก็ถอดแต่ป้ายทะเบียนไม่ต้องเอารถมาแล้ว พร้อมเล่มทะเบียนเขียว มาทำเรื่องโอนจากชื่อลิซซิ่งมาเป็นชื่อเรา แถมยังโดนปรับด้วยเนื่องจาก กว่าจะได้เอกสารเพื่อมาทำเรื่องโอน ก็เกิน 15 วันทำการนับจากวันซื้อ ก็เลยต้องเสียค่าปรับ 200 บาท เพราะมายื่นเรื่องช้า เจ้าหน้าที่บอกว่า คนที่ประมูลรถจะโดนปรับแบบนี้กันหมด ยิ่งถ้าใครประมูลได้คันที่ทะเบียนหาย ก็จะโดนปรับเรื่องทะเบียนหายก่อนอีก ทำเรื่องโอนใช้เวลาประมาณครึ่งวันก็เสร็จ (แต่ต้องไป2รอบ เพราะทะเบียนต่างจังหวัด ย้ายมาออกทะเบียนใหม่กรุงเทพ) ก็จะได้ป้ายทะเบียนเลขใหม่ (ถ้าใครอยากได้เลขทะเบียนสวยๆ ก็จองออนไลน์ก่อนได้ https://reserve.dlt.go.th/mc/ )