สวัสดีค่ะ เราสูญเสียคุณตาไปเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม เป็นการสูญเสียแบบกะทันหันหมอวินิจฉัยว่าคุณตาหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ก่อนหน้านี้คุณตาสุขภาพโดยรวมแข็งแรงมาตลอด ไม่มีโรคประจำตัว (ไม่ยอมไปหาหมอ/ตรวจสุขภาพเลย อาจจะมีโรคแต่ไม่แสดงอาการ) ก่อนที่คุณตาจะเสีย 2-3 วันมีอาการเบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย แต่ก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาลจนวันเกิดเหตุคือหายใจไม่สะดวกแล้วเลยยอมไปโรงพยาบาลแต่ไปไม่ถึงก็เสียชีวิตก่อนที่จะไปถึงโรงพยาบาล ตอนนั้นเราอยู่ต่างจังหวัดพอได้รับโทรศัพท์จากที่บ้านคือหัวใจแตกสลาย พูดไม่ออก สมองตื้อไปหมด ได้แต่หลอกตัวเองว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเดี๋ยวปั๊มหัวใจก็กลับมา ตอนนั้นได้แต่สวดมนต์ภาวนา บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ขณะขับรถกลับบ้านก็ได้ภาวนาว่าจะมีปาฏิหาริย์คนตายแล้วฟื้น จนมาถึงบ้านเห็นญาติเต็มไปหมด เห็นโลงศพตอนนั้นคือนั่งร้องไห้อย่างเดียวทำอะไรไม่ถูก ตลอดเวลาจัดงานเราเอาแต่โทษตัวเองว่าถ้าเราอยู่บ้านทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกติดค้างที่ว่าเราไม่ได้ทำหน้าที่หลานเลย ทั้งที่เรามีแพลนจะกลับบ้านตั้งหลายวันแล้วแต่ก็เลื่อนไปเรื่อยๆจนกลับมาไม่ทัน ก่อนหน้านี้เราเพิ่งเรียนจบกลับมาอยู่บ้านระหว่างรองานได้อยู่เจอหน้าคุณตาทุกวันแต่แทบไม่ได้คุยกันเลย ต่างคนต่างทำกิจวัตรของตนเองได้คุยกันนิดหน่อย บวกกับเราเป็นคนขี้อายรักแต่ไม่กล้าแสดงออก เราทั้งเสียดายและเสียใจ เราโตมากับคุณตาท่านพูดเสมอว่าจะอยู่รอเราจบปริญญาเอก พอเราจบตรีแล้วท่านก็ถามตลอดว่าจะทำงานหรือต่อโทเลย ท่านคาดหวังกับเรามากๆ แต่ท่านอยู่ไม่ถึงวันที่เรารับปริญญาตรีด้วยซ้ำ หลังจากวันเผาเราก็พยายามทำใจ ออกไปหาเพื่อนบ้างอะไรบ้างเพื่อให้เศร้าน้อยลงแต่มันไม่เป็นเช่นนั้นเลย ยิ่งออกไปข้างนอกยิ่งเศร้าเพราะปกติกลับบ้านจะเจอคุณตาตลอด ในช่วง 1 เดือนน้ำหนักเราลดไปประมาณ 5 กิโลเพราะกินอะไรไม่ลงเลย หลังจากนี้เรามีสอบหลายสนามแต่ก็ไม่มีแก่ใจจะอ่านหนังสือหรือทำอะไรเลย เราร้องไห้ทุกวัน เมื่อก่อนเวลาเห็นเพื่อนๆในโซเชียลบอกว่ารักและคิดถึงใครทุกวันเราไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้เหรอพอมาเจอกับตัวเองตอนนี้รู้ซึ้งทุกอารมณ์ความรู้สึกแล้ว เราพยายามมองว่าเป็นสัจธรรมของชีวิตแต่มันก็มีความคิดนึงแว๊บมาว่า "ทำไมต้องเป็นคุณตาของเรา/ทำไมคุณตาไปเร็วจังเลย" ช่วงนี้เราได้ยินเพลงเศร้าไม่ได้เลย ตอนนี้ทำได้แค่ทำบุญอุทิศให้ท่าน ดูรูป/วิดีโอของท่าน คุยกับรูปท่าน และพยายามคิดว่าที่ผ่านมาเราก็ทำดีกับท่านมาตลอด ไม่เคยสร้างเรื่องทุกข์ใจให้ ซื้อขนม/ของที่ท่านชอบมาฝากทุกครั้ง แต่เราเสียใจที่ไม่เคยบอกรัก ไม่เคยกอดหอมเพราะเขินอาย มาวันนี้เราเสียดายโอกาสนั้นที่สุดแล้วยังไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันในวาระสุดท้าย ช่วงที่เราอยู่ต่างจังหวัดก็ไม่เคยโทรคุยกันเลยเพราะไอ้ความเขินบ้าๆนี่แหละ เพราะมัวแต่คิดว่าเดี๋ยวกลับบ้านไปก็เจอ หลังจากเสียคุณตาเราพยายามเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อพ่อแม่ แต่ก็ยังไม่กล้ากอดหอมหรือบอกรักอยู่ดี
ผ่านมาเดือนกว่าแล้วไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงและไม่ร้องไห้ เรายังมองเห็นภาพคุณตาหน้าทีวี หน้าบ้าน โต๊ะกินข้าว ห้องน้ำ ห้องนอนอยู่ คิดแล้วก็ใจหายจากคนที่เคยเจอกัน เคยได้ยินเสียงแล้ววันหนึ่งจะเหลือแค่กระดูกในโกฏเล็กๆ เราเคยคิดว่าเวลาจะทำให้เราดีขึ้นแต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไรยิ่งคิดถึงมากขึ้น ยิ่งว้าเหว่ เวลาที่เราอยู่กับปัจจุบันมันก็ไม่ค่อยเศร้าแต่พอคิดถึงอดีต/อนาคตทีไรเราร้องไห้ฟูมฟายทุกครั้ง เราพยายามอยู่กับปัจจุบันพยายามไม่คิดแต่ห้ามความคิดไม่ได้เลย เพื่อนๆในพันทิปรับมือกับความสูญเสียกันยังไงเหรอคะ เสียใจ/ร้องไห้นานแค่ไหนถึงกลับไปใข้ชีวิตปกติได้ เรามีหลายสิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้ถ้ายังไม่มูฟออนจากเรื่องนี้เราก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะไปต่อทางไหนเลย
รับมือกับการสูญเสียคนในครอบครัวกันยังไงบ้างคะ จะ 2 เดือนแล้วเรายังร้องไห้ทุกวัน
ผ่านมาเดือนกว่าแล้วไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงและไม่ร้องไห้ เรายังมองเห็นภาพคุณตาหน้าทีวี หน้าบ้าน โต๊ะกินข้าว ห้องน้ำ ห้องนอนอยู่ คิดแล้วก็ใจหายจากคนที่เคยเจอกัน เคยได้ยินเสียงแล้ววันหนึ่งจะเหลือแค่กระดูกในโกฏเล็กๆ เราเคยคิดว่าเวลาจะทำให้เราดีขึ้นแต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไรยิ่งคิดถึงมากขึ้น ยิ่งว้าเหว่ เวลาที่เราอยู่กับปัจจุบันมันก็ไม่ค่อยเศร้าแต่พอคิดถึงอดีต/อนาคตทีไรเราร้องไห้ฟูมฟายทุกครั้ง เราพยายามอยู่กับปัจจุบันพยายามไม่คิดแต่ห้ามความคิดไม่ได้เลย เพื่อนๆในพันทิปรับมือกับความสูญเสียกันยังไงเหรอคะ เสียใจ/ร้องไห้นานแค่ไหนถึงกลับไปใข้ชีวิตปกติได้ เรามีหลายสิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้ถ้ายังไม่มูฟออนจากเรื่องนี้เราก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะไปต่อทางไหนเลย