สวัสดีค่ะ หลังเราห่างหายการลงกระทู้เกี่ยวกับเรื่องการเห็นนิมิตของเราไปพักใหญ่
เพราะชีวิตเราไม่ได้เป็นน้ำที่นิ่งสงบอยู่ตลอด มีขึ้น - มีลงเหมือนคนปกติทั่วไป แล้วเราก็ได้ไปประสบกับมรสุมของชีวิตลูกใหญ่ ที่ทำเอาเราเกือบจะตั้งตัวไม่ทัน
แต่เราก็ผ่านมันมาได้เพราะเรามีสติ และเราสามารถคาดเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับเราได้คร่าวๆ ถึงมันจะไม่เป็นไปตามที่เราคาดเดาไว้ทั้งหมด ทั้งด้านลบและด้านบวก
แต่เราบอกได้เลยว่า สิ่งที่เราประสบพบเจอทั้งหมดมันอยู่ในการคาดเดาของเรา 70% อีก 30% ที่เหลือเกิดจากการกระทำของคนรอบข้างที่ได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน
แต่เราก็รับได้และผ่านมันมาได้อย่างมีสติ เพราะเราไม่เคยลืมคำพูด การกระทำ และเจตคติของตัวเองที่เราได้ตัดสินใจในเรื่องใดๆก็ตามในชีวิตเรา
เราจะตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่าสิ่งที่เรากำลังคิด พูด หรืออะไรทำ เราทำไปเพื่ออะไร ทำแล้วมันจะได้อะไรและเป็นประโยชน์กับใครบ้าง
ถ้าเป็นสิ่งที่ทำแล้วเราเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ตัวเองและคนที่เราแคร์มากกว่าความลำบากของตัวเองและไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร เราก็จะทำโดยไม่มีการลังเลใดๆเลย
ซึ่งสิ่งที่ทำให้เราสามารถคาดเดาอนาคตและการกระทำของตัวเองในอนาคตได้ส่วนนึงก็มาจากการได้เห็นนิมิตเกี่ยวกับตัวเองและคนรอบข้างเรานี่แหละค่ะ
และอีกส่วนนึงก็มาจากการใช้หลักการและเหตุผลในการวิเคราะห์พิจารณาความน่าจะเป็นไปได้ และจากประสบการณ์ชีวิตในอดีตของตัวเองที่ผ่านมา
นำมาเป็นบทเรียนในการตัดสินใจเรื่องต่างๆในปัจจุบันเพื่อที่จะกำหนดทิศทางชีวิตของตัวเองในอนาคต
เราไม่ได้เชื่อ และยึดติดกับนิมิตของตัวเอง 100% ว่ามันจะเป็นจริงตามที่เราเห็น
แต่เราชอบสังเกตดูตัวเอง เพื่อจะดูว่ามันเป็นไปตามนั้นจริงหรือไม่ ในกระทู้ที่เราตั้งเราก็ไม่ได้คาดหวังให้ใครมาเชื่อหรือมาทำอะไรตามเราเพื่อให้ได้รู้ ได้เห็นนิมิตตามเรา
สิ่งที่เราได้รู้ ได้เห็นจากในนิมิต เราไม่สามารถเลือกได้ว่าเราอยากจะเห็นสิ่งนี้ แล้วเราจะได้เห็นในสิ่งที่เราอยากเห็น มันเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
มันเกิดของมันเอง แล้วเราเองก็ไม่ได้ชอบ แต่มันเป็นผลพลอยได้จากการเจริญสติในชีวิตประจำวันของเราเอง
ซึ่งถ้าใครอยากรู้ว่าเราเจริญสติแบบไหนก็ลองไปหาอ่านดูจากกระทู้ก่อนหน้านี้
การได้รู้ ได้เห็นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเรา แต่สิ่งที่ยากกว่าคือ การยอมรับความจริงและปล่อยมันผ่านไปให้ได้
เพราะบางเรื่องที่เรารู้เห็นมันเป็นเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนและสะเทือนจิตใจเป็นอย่างมาก
ถ้าเรายังฝึกจิตได้ไม่แข็งพอ เราอาจจะยึดติด เป็นทุกข์ เพราะจมปรักอยู่กับนิมิตอดีต ที่เราได้รู้ได้เห็นมา
อย่างเช่นนิมิตที่เราได้เห็นเหตุการณ์ในอดีตที่เราจะเล่าในกระทู้นี้
ซึ่งอย่างที่เราเคยบอกไป นิมิตส่วนใหญ่ที่เราเห็นจะเป็นความฝันเพราะเราไม่ได้นั่งสมาธิ แต่เราจะฝึกจิตให้อยู่กับปัจจุบันขณะ แม้แต่ในเวลาจะนอน
ซึ่งนิมิตส่วนใหญ่ที่เราเห็นจะเกิดขึ้นในวันโกน วันพระ เราจะไม่ค่อยฝันเรื่อยเปื่อย
นิมิตฝันที่เราเห็นส่วนใหญ่ จะบอกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เป็นความสัมพันธ์กับตัวเราและคนใกล้ตัวในอดีตที่รู้จักและมีความสัมพันธ์กันในปัจจุบันเช่นกัน และเป็นนิมิตที่บอกแก่เราว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในอนาคต
ทำให้เราสามารถคาดเดา และเตรียมตัวรับมือกับสิ่งเหล่านั้นอย่างมีสติได้เสมอ ไม่ว่าเราจะอยากให้มันเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม
ซึ่งนิมิตเรื่องที่เราจะเล่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับลูกสาวคนโตของเราเอง ที่ตอนนี้อยู่ในความดูแลของเราอย่างถาวร 100% หลังจากมีคดีความสู้รบตบมือกับพ่อของเขา
ส่วนลูกสาวคนเล็กเราต้องเสียสิทธิ์ให้พ่อเขา 100% เช่นกันเพราะความไร้เดียงสาของเด็กที่เลือกอยู่กับพ่อ เพราะเขาต้องการพ่อ
แต่สุดท้ายพ่อเขาก็ทิ้งให้ปู่ย่าดูแลเช่นเดิม มันเป็นกรรมของเขา เราทำอะไรไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้เราก็ได้รู้ ได้เห็นมาก่อน
ว่าจะเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้นกับลูกคนโตเราในอนาคตอันใกล้ จากในนิมิตเราเช่นกัน เดี๋ยวเราค่อยเล่าในกระทู้ถัดไปค่ะ
เราฝันเห็นนิมิตเหตุการณ์ที่เรากับลูกและแฟนเราคนปัจจุบันอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวแบบปัจจุบันนี้
แต่หน้าตาของพวกเราต่างออกไป ทั้งสถานที่ ที่อยู่อาศัย เราแค่จำได้หมายรู้ว่าเป็นเรา และคนอื่นๆที่เรารู้จักและเป็นญาติกันในปัจจุบัน
แล้วอยู่มาวันนึงลูกเราออกไปเล่นข้างนอกปกติ เราที่อยู่ในบ้านในฝันนั้นกำลังนอนหลับหรือนอนกลางวันอยู่
แล้วจู่ๆสายสร้อยหรือสายอะไรสักอย่างที่แขวนอยู่ใกล้ๆด้านหน้าเรามันก็เริ่มเหวี่ยงไปมาเองโดยที่ไม่มีลมพัด
จากมันเหวี่ยงเล็กน้อยแค่มีเสียงเหมือนจะปลุกให้เราตื่น มันก็เปลี่ยนเป็นเหวี่ยงเร็วขึ้นๆ ๆๆเรื่อยๆจนกระทั่งมันตกลงมา
จังหวะที่เราก้มเก็บเราก็เห็นลูกสาวเรายืนอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
พอเรามองขึ้นไปก็เห็นว่าเขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเลย
เราจึงถามว่าไปไหนมา ทำไมถึงกลับมาในสภาพอย่างนี้น่าเกลียด น่าชัง เช่นนี้ เขาก็ไม่ตอบ เราจึงเค้นถามอีก
เราถามเขาว่าใครทำกับเขาแบบนี้ ให้บอกเรา เราจะจดชื่อมัน จดรายละเอียดที่มันทำร้ายลูกเรา เพื่อไปแจ้งความกับตำรวจแล้วก็จะพาเขาไปโรงพยาบาล
สภาพลูกสาวเราที่เราเห็นในฝันตอนนั้นคือ เธอยังเด็กอายุประมาณ 9-10 ขวบเหมือนในปัจจุบันนี้แหละคะ
เธอไม่ใส่เสื้อผ้าอะไรเลย ตรงน่องและขาด้านหลังทั้งสองข้างมีรอยแดงช้ำเลือดขึ้นไปทั้งสองขา สะโพกด้านซ้ายบุบ ยุบลงไป ทางด้ายขวามีรอยมือกดทับ เป็นรอยมือแดงช้ำเช่นกัน
ตาแดงก่ำ มีน้ำตาและเลือดตกค้างในดวงตา หน้าจมูกยุบลงด้านในมีเลือดออกแต่แห้งกรัง
ในฝันเราพยายามหากระดาษ ปากกาเพื่อมาจดชื่อและรายละเอียดจากการสอบถามจากลูกเรา
เราจึงบอกให้เขารอเราอยู่ที่บ้าน เราจะออกไปหาสมุดปากกาจากบ้านใกล้ๆ
เมื่อเราไปที่บ้านใกล้ๆเพื่อไปขอยืมสมุดปากกา พวกเขาก็ชวนคุยโน่น นั่น นี่ ถ่วงเวลาเราที่จะกลับบ้านจนเราเกือบลืมลูก
ซึ่งคนที่เราเห็นในฝันนี้ ก็ล้วนเป็นญาติและเป็นคนที่เรารู้จักในปัจจุบันทั้งนั้น
พอเรานึกได้ก็หยิบกระดาษและปากกาเดินกลับบ้านไป
แล้วก็มีคนอื่นๆอาสาเดินมาบ้านกับเราด้วย แต่พอเราไปถึงบ้านกลับไม่เจอลูกสาวเราแล้ว
เรากลับเจอผู้ชายแปลกหน้าขับรถยนต์มารอเราอยู่ที่บ้านแทน
เขามาถามหาลูกสาวเรา แล้วเราก็ถามเขาว่าเขาเป็นใคร รู้จักลูกเราได้ยังไง
เขาก็เล่าให้ฟังว่าลูกสาวเราชอบไปเที่ยวกับเขา และไปกับเขาหลายครั้ง ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อน
เราก็ถามชื่อเขา พอเขาบอชื่อเรามา เราก็รู้ทันทีเลยว่า เขาคือคนที่ทำลูกเรา แล้วยังมีหน้ามาถามหาลูกเราอีก
เราจึงทะเลาะกับเขา ไล่เขาออกไปนอกบ้านแล้วก็ขู่จะแจ้งความ แล้วให้แฟนเราไปฆ่าเขา โดยมีคนอื่นๆมาคอยห้ามแล้วขวางเราไว้
พอเราออกมานอกบ้าน ปรากฏว่ามีรถยนต์มาจอดรออยู่เยอะมาก เหมือนจะเป็นมาเฟีย เป็นนักเลงกันทั้งสองฝ่าย แต่ละคนอาวุธครบมือทังนั้น
แล้วเราก็เห็นแฟนเราเดินมาลากมือเราให้ไปหลบที่ใกล้ๆพักพวกเขา เราก็บอกเขาว่า ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันทำลูกเรา ให้ไปฆ่ามัน แล้วช่วยตามหาลูกเรา เพราะเราไม่เจอลูกแล้ว
แล้วเขาก็ส่ายหัว คือ เขาเจอลูกเราเสียชีวิตแล้วในน้ำ ก่อนจะมาหาเรา เพราะคิดว่าไอ้คนที่ทำลูกเรามันต้องกลับมาจะทำร้ายเราแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
หลังจากนั้นเราก็ตื่นทบทวนเหตุการณ์ในฝัน และนั่งทำใจกับเหตุการณ์ที่ได้เห็นในนั้นอยู่พักใหญ่ กว่าจะปล่อยผ่านมันไปได้
และคิดเสียว่ามันผ่านไปแล้ว มันเป็นแค่อดีตของลูกเรา ไปยึดติดอะไรกับมันไม่ได้ เพราะเราไม่รู้กรรมของคนอื่น ว่าเขาไปทำอะไรกับใครมาบ้างในก่อนหน้านี้
ที่ทำให้เขาต้องมารับผลกรรมเช่นนั้นในอดีต ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดมาเป็นลูกเราก็ตามที
#ถ้าเราแท็กผิดต้องขออภัยด้วยค่ะ
เห็นนิมิต เห็นอดีต เห็นอนาคต เห็นกฎแห่งกรรม 39
เพราะชีวิตเราไม่ได้เป็นน้ำที่นิ่งสงบอยู่ตลอด มีขึ้น - มีลงเหมือนคนปกติทั่วไป แล้วเราก็ได้ไปประสบกับมรสุมของชีวิตลูกใหญ่ ที่ทำเอาเราเกือบจะตั้งตัวไม่ทัน
แต่เราก็ผ่านมันมาได้เพราะเรามีสติ และเราสามารถคาดเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับเราได้คร่าวๆ ถึงมันจะไม่เป็นไปตามที่เราคาดเดาไว้ทั้งหมด ทั้งด้านลบและด้านบวก
แต่เราบอกได้เลยว่า สิ่งที่เราประสบพบเจอทั้งหมดมันอยู่ในการคาดเดาของเรา 70% อีก 30% ที่เหลือเกิดจากการกระทำของคนรอบข้างที่ได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน
แต่เราก็รับได้และผ่านมันมาได้อย่างมีสติ เพราะเราไม่เคยลืมคำพูด การกระทำ และเจตคติของตัวเองที่เราได้ตัดสินใจในเรื่องใดๆก็ตามในชีวิตเรา
เราจะตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่าสิ่งที่เรากำลังคิด พูด หรืออะไรทำ เราทำไปเพื่ออะไร ทำแล้วมันจะได้อะไรและเป็นประโยชน์กับใครบ้าง
ถ้าเป็นสิ่งที่ทำแล้วเราเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ตัวเองและคนที่เราแคร์มากกว่าความลำบากของตัวเองและไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร เราก็จะทำโดยไม่มีการลังเลใดๆเลย
ซึ่งสิ่งที่ทำให้เราสามารถคาดเดาอนาคตและการกระทำของตัวเองในอนาคตได้ส่วนนึงก็มาจากการได้เห็นนิมิตเกี่ยวกับตัวเองและคนรอบข้างเรานี่แหละค่ะ
และอีกส่วนนึงก็มาจากการใช้หลักการและเหตุผลในการวิเคราะห์พิจารณาความน่าจะเป็นไปได้ และจากประสบการณ์ชีวิตในอดีตของตัวเองที่ผ่านมา
นำมาเป็นบทเรียนในการตัดสินใจเรื่องต่างๆในปัจจุบันเพื่อที่จะกำหนดทิศทางชีวิตของตัวเองในอนาคต
เราไม่ได้เชื่อ และยึดติดกับนิมิตของตัวเอง 100% ว่ามันจะเป็นจริงตามที่เราเห็น
แต่เราชอบสังเกตดูตัวเอง เพื่อจะดูว่ามันเป็นไปตามนั้นจริงหรือไม่ ในกระทู้ที่เราตั้งเราก็ไม่ได้คาดหวังให้ใครมาเชื่อหรือมาทำอะไรตามเราเพื่อให้ได้รู้ ได้เห็นนิมิตตามเรา
สิ่งที่เราได้รู้ ได้เห็นจากในนิมิต เราไม่สามารถเลือกได้ว่าเราอยากจะเห็นสิ่งนี้ แล้วเราจะได้เห็นในสิ่งที่เราอยากเห็น มันเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
มันเกิดของมันเอง แล้วเราเองก็ไม่ได้ชอบ แต่มันเป็นผลพลอยได้จากการเจริญสติในชีวิตประจำวันของเราเอง
ซึ่งถ้าใครอยากรู้ว่าเราเจริญสติแบบไหนก็ลองไปหาอ่านดูจากกระทู้ก่อนหน้านี้
การได้รู้ ได้เห็นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเรา แต่สิ่งที่ยากกว่าคือ การยอมรับความจริงและปล่อยมันผ่านไปให้ได้
เพราะบางเรื่องที่เรารู้เห็นมันเป็นเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนและสะเทือนจิตใจเป็นอย่างมาก
ถ้าเรายังฝึกจิตได้ไม่แข็งพอ เราอาจจะยึดติด เป็นทุกข์ เพราะจมปรักอยู่กับนิมิตอดีต ที่เราได้รู้ได้เห็นมา
อย่างเช่นนิมิตที่เราได้เห็นเหตุการณ์ในอดีตที่เราจะเล่าในกระทู้นี้
ซึ่งอย่างที่เราเคยบอกไป นิมิตส่วนใหญ่ที่เราเห็นจะเป็นความฝันเพราะเราไม่ได้นั่งสมาธิ แต่เราจะฝึกจิตให้อยู่กับปัจจุบันขณะ แม้แต่ในเวลาจะนอน
ซึ่งนิมิตส่วนใหญ่ที่เราเห็นจะเกิดขึ้นในวันโกน วันพระ เราจะไม่ค่อยฝันเรื่อยเปื่อย
นิมิตฝันที่เราเห็นส่วนใหญ่ จะบอกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เป็นความสัมพันธ์กับตัวเราและคนใกล้ตัวในอดีตที่รู้จักและมีความสัมพันธ์กันในปัจจุบันเช่นกัน และเป็นนิมิตที่บอกแก่เราว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในอนาคต
ทำให้เราสามารถคาดเดา และเตรียมตัวรับมือกับสิ่งเหล่านั้นอย่างมีสติได้เสมอ ไม่ว่าเราจะอยากให้มันเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม
ซึ่งนิมิตเรื่องที่เราจะเล่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับลูกสาวคนโตของเราเอง ที่ตอนนี้อยู่ในความดูแลของเราอย่างถาวร 100% หลังจากมีคดีความสู้รบตบมือกับพ่อของเขา
ส่วนลูกสาวคนเล็กเราต้องเสียสิทธิ์ให้พ่อเขา 100% เช่นกันเพราะความไร้เดียงสาของเด็กที่เลือกอยู่กับพ่อ เพราะเขาต้องการพ่อ
แต่สุดท้ายพ่อเขาก็ทิ้งให้ปู่ย่าดูแลเช่นเดิม มันเป็นกรรมของเขา เราทำอะไรไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้เราก็ได้รู้ ได้เห็นมาก่อน
ว่าจะเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้นกับลูกคนโตเราในอนาคตอันใกล้ จากในนิมิตเราเช่นกัน เดี๋ยวเราค่อยเล่าในกระทู้ถัดไปค่ะ
เราฝันเห็นนิมิตเหตุการณ์ที่เรากับลูกและแฟนเราคนปัจจุบันอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวแบบปัจจุบันนี้
แต่หน้าตาของพวกเราต่างออกไป ทั้งสถานที่ ที่อยู่อาศัย เราแค่จำได้หมายรู้ว่าเป็นเรา และคนอื่นๆที่เรารู้จักและเป็นญาติกันในปัจจุบัน
แล้วอยู่มาวันนึงลูกเราออกไปเล่นข้างนอกปกติ เราที่อยู่ในบ้านในฝันนั้นกำลังนอนหลับหรือนอนกลางวันอยู่
แล้วจู่ๆสายสร้อยหรือสายอะไรสักอย่างที่แขวนอยู่ใกล้ๆด้านหน้าเรามันก็เริ่มเหวี่ยงไปมาเองโดยที่ไม่มีลมพัด
จากมันเหวี่ยงเล็กน้อยแค่มีเสียงเหมือนจะปลุกให้เราตื่น มันก็เปลี่ยนเป็นเหวี่ยงเร็วขึ้นๆ ๆๆเรื่อยๆจนกระทั่งมันตกลงมา
จังหวะที่เราก้มเก็บเราก็เห็นลูกสาวเรายืนอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
พอเรามองขึ้นไปก็เห็นว่าเขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเลย
เราจึงถามว่าไปไหนมา ทำไมถึงกลับมาในสภาพอย่างนี้น่าเกลียด น่าชัง เช่นนี้ เขาก็ไม่ตอบ เราจึงเค้นถามอีก
เราถามเขาว่าใครทำกับเขาแบบนี้ ให้บอกเรา เราจะจดชื่อมัน จดรายละเอียดที่มันทำร้ายลูกเรา เพื่อไปแจ้งความกับตำรวจแล้วก็จะพาเขาไปโรงพยาบาล
สภาพลูกสาวเราที่เราเห็นในฝันตอนนั้นคือ เธอยังเด็กอายุประมาณ 9-10 ขวบเหมือนในปัจจุบันนี้แหละคะ
เธอไม่ใส่เสื้อผ้าอะไรเลย ตรงน่องและขาด้านหลังทั้งสองข้างมีรอยแดงช้ำเลือดขึ้นไปทั้งสองขา สะโพกด้านซ้ายบุบ ยุบลงไป ทางด้ายขวามีรอยมือกดทับ เป็นรอยมือแดงช้ำเช่นกัน
ตาแดงก่ำ มีน้ำตาและเลือดตกค้างในดวงตา หน้าจมูกยุบลงด้านในมีเลือดออกแต่แห้งกรัง
ในฝันเราพยายามหากระดาษ ปากกาเพื่อมาจดชื่อและรายละเอียดจากการสอบถามจากลูกเรา
เราจึงบอกให้เขารอเราอยู่ที่บ้าน เราจะออกไปหาสมุดปากกาจากบ้านใกล้ๆ
เมื่อเราไปที่บ้านใกล้ๆเพื่อไปขอยืมสมุดปากกา พวกเขาก็ชวนคุยโน่น นั่น นี่ ถ่วงเวลาเราที่จะกลับบ้านจนเราเกือบลืมลูก
ซึ่งคนที่เราเห็นในฝันนี้ ก็ล้วนเป็นญาติและเป็นคนที่เรารู้จักในปัจจุบันทั้งนั้น
พอเรานึกได้ก็หยิบกระดาษและปากกาเดินกลับบ้านไป
แล้วก็มีคนอื่นๆอาสาเดินมาบ้านกับเราด้วย แต่พอเราไปถึงบ้านกลับไม่เจอลูกสาวเราแล้ว
เรากลับเจอผู้ชายแปลกหน้าขับรถยนต์มารอเราอยู่ที่บ้านแทน
เขามาถามหาลูกสาวเรา แล้วเราก็ถามเขาว่าเขาเป็นใคร รู้จักลูกเราได้ยังไง
เขาก็เล่าให้ฟังว่าลูกสาวเราชอบไปเที่ยวกับเขา และไปกับเขาหลายครั้ง ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อน
เราก็ถามชื่อเขา พอเขาบอชื่อเรามา เราก็รู้ทันทีเลยว่า เขาคือคนที่ทำลูกเรา แล้วยังมีหน้ามาถามหาลูกเราอีก
เราจึงทะเลาะกับเขา ไล่เขาออกไปนอกบ้านแล้วก็ขู่จะแจ้งความ แล้วให้แฟนเราไปฆ่าเขา โดยมีคนอื่นๆมาคอยห้ามแล้วขวางเราไว้
พอเราออกมานอกบ้าน ปรากฏว่ามีรถยนต์มาจอดรออยู่เยอะมาก เหมือนจะเป็นมาเฟีย เป็นนักเลงกันทั้งสองฝ่าย แต่ละคนอาวุธครบมือทังนั้น
แล้วเราก็เห็นแฟนเราเดินมาลากมือเราให้ไปหลบที่ใกล้ๆพักพวกเขา เราก็บอกเขาว่า ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันทำลูกเรา ให้ไปฆ่ามัน แล้วช่วยตามหาลูกเรา เพราะเราไม่เจอลูกแล้ว
แล้วเขาก็ส่ายหัว คือ เขาเจอลูกเราเสียชีวิตแล้วในน้ำ ก่อนจะมาหาเรา เพราะคิดว่าไอ้คนที่ทำลูกเรามันต้องกลับมาจะทำร้ายเราแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
หลังจากนั้นเราก็ตื่นทบทวนเหตุการณ์ในฝัน และนั่งทำใจกับเหตุการณ์ที่ได้เห็นในนั้นอยู่พักใหญ่ กว่าจะปล่อยผ่านมันไปได้
และคิดเสียว่ามันผ่านไปแล้ว มันเป็นแค่อดีตของลูกเรา ไปยึดติดอะไรกับมันไม่ได้ เพราะเราไม่รู้กรรมของคนอื่น ว่าเขาไปทำอะไรกับใครมาบ้างในก่อนหน้านี้
ที่ทำให้เขาต้องมารับผลกรรมเช่นนั้นในอดีต ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดมาเป็นลูกเราก็ตามที
#ถ้าเราแท็กผิดต้องขออภัยด้วยค่ะ