อยากสอบถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพราะเป็นสิ่งที่ตัวเองพบเจอมาแล้ว คือ พ่อ จขกท. ท่านอายุเยอะ 70 กว่าแล้ว ป่วยหนักเข้า ICU และพักรักษาตัวนานหลายเดือน ต้องผ่านการฟื้นฟู+กายภาพ รวมทั้งสภาพร่างกายที่อายุมากขึ้น ทรุดโทรมไปตามวัยและเวลา ที่นี้ก่อนที่พ่อจะป่วยเคยไปกดเงินสดของบัตรเครดิตเจ้าหนึ่งไว้และทำการจ่ายแบบผ่อนตามงวดเดือน พอมาเกิดโรคร้ายที่ต้องเข้า ICU พักรักษาตัวใน รพ. นาน จึงทำให้การจ่ายเงินในบัตรเครดิตหายไป จนกระทั่งครอบครัว แม่ได้มาเห็นใบแจ้งยอดหนี้ของพ่อ จึงมาจัดการจ่ายเงินต่อ แต่ดอกเบี้ยจากการจ่ายเงินล่าช้าเกิดขึ้น รวมทั้งค่าทวงติดตามอะไรอีกตามมา ซึ่งคนโทรศัพท์มา(ตัวแทนจากธนาคาร)จะทราบได้หรือไม่ได้ก็ไม่รู้ ว่าพ่อของ จขกท. ไม่ปกติแล้ว (หมายถึง ระบบทางความคิด ทุกวันนี้จำเส้นทาง วันเดือนปีปัจจุบันไม่ได้ พูดไปเรื่อย แบบข้อมูลผิด เป็นต้น) เพราะมีภาวะสมองเสื่อมระยะเริ่มต้นด้วยค่ะ มีใบรับรองแพทย์ระบุอาการ ผลพวงจากโรคร้ายที่พ่อป่วยค่ะ 

ทั้งนี้ พ่อยังโชคดีที่มีครอบครัวจัดการจ่ายหนี้สินบัตรเครดิตให้แทน แต่ก็ลำบากเวลา จขกท. จะโทรศัพท์สอบถามยอดเงินหรือยอดค่าใช้จ่ายที่ตัดผ่านบัตรเครดิตพ่อ บางอย่างเป็นข้อมูลรายการแปลก ๆ ครั้นเราจะไปตรวจสอบ ต้องให้เจ้าของบัตรยืนยันผ่านเสียงและข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งพ่อมักตอบพลาดในบางข้อ เพราะพ่อเริ่มจำได้ไม่หมด ที่จำได้ คือ ชื่อตัวเอง วันเดือนปีเกิด ยังอ่านเขียนได้ เคยให้พ่อคิดเลขตาม พ่อยังคำนวณเลขในใจได้ จากที่ จขกท. ทดสอบให้พ่อคิดเลขเร็ว เพียงแต่บางอย่างพ่อเริ่มลืม เช่น ไม่รู้ว่าช่องทางในการจัดส่ง หักจ่ายเงินแบบไหน หรือใช้อีเมลอะไร เป็นต้น พอเราจะตอบแทน เจ้าหน้าที่ Call  Center ไม่ยอม แจ้งว่าต้องเป็นเจ้าของบัตรเท่านั้น เคยสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าถ้าลูกจะมาทำธุรกรรมของพ่อแทนได้ไหม คำตอบ ได้ แต่ต้องมีจดหมายรับรองจากแพทย์ว่าเราเป็นผู้อภิบาล นั้นหมายความว่า จะให้ศาลสั่งให้พ่อเป็นบุคคลไร้ความสามารถ ซึ่งไม่สามารถทำได้ ณ เวลานี้ ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ด้าน    

เลยมานั่งนึกกรณีของตัวเอง ซึ่งอยากให้ธนาคารและผู้เกี่ยวข้องได้พิจารณาในอนาคต ว่าควรอนุโลมให้ผู้แทน เพื่อน หรือญาติสามารถเข้าถึงข้อมูลยอดหนี้คงค้างของคนอื่นได้ ยกเว้น เงินฝาก หุ้น กองทุน อันนี้อาจให้ติด PDPA เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ หากทำได้ในอนาคต จะทำให้เจ้าของบัตรไม่ต้องเสียค่าดอกเบี้ยจากการจ่ายล่าช้า โดยที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจจะก่อ เหตุผลเพราะป่วย ร่างกาย จิตใจ รวมทั้งสมองอาจได้รับผลกระทบ จนเกิดภาวะลืมและไม่สามารถดำเนินการเองได้ชั่วขณะค่ะ อย่างกรณีพ่อจำ Password ธนาคารใน Mobile Banking ไม่ได้แล้ว เคย Reset Password ใหม่ ก็ลืมหมด จนระบบล็อกไม่สามารถเข้า Application นั้นได้แล้วค่ะ (บางค่ายธนาคารจะไม่ยอมให้ตั้ง Password ซ้ำของเดิมเลยเป็นสาเหตุหนึ่งที่พ่อจำไม่ได้ คือ พ่อจำได้แต่ Password ชุดเดิมค่ะ) 

นี่นั่งคิดเลยค่ะ ว่า หากเข้าสู่วัยผู้สูงอายุและอยู่คัวคนเดียวเต็มตัว แล้ววันหนึ่ง จขกท. ต้องเข้า รพ. รักษาหลายเดือนหรืออยู่ในภาวะไม่สามารถจัดการจ่ายเงินบัตรเครดิตได้ตรงเวลาเหมือนเคย ธนาคารควรมีมาตรการลดหย่อนดอกเบี้ยให้ชำระตามจริง ไม่เรียกเก็บ หากมีข้อพิสูจน์ได้ว่าเจ้าของบัตรเครดิตนั้นป่วยและได้เข้ารับการรักษานอนที่ รพ. จริง ตอนนี้มีความรู้สึกว่าธนาคารเอาเปรียบ เราจ่ายเงินตรงเวลามาตลอดและเต็มจำนวนตามยอด หากวันหนึ่งเราผ่อนสินค้า เกิดล้มป่วย ผู้แทน เพื่อน จะช่วย ก็ไม่สามารถทำได้เลย เพราะทุกวันนี้จะ Call Center ก็ติดกฎหมาย PDPA ต้องให้เจ้าของบัตรมายืนยันผ่านเสียง เราเข้าใจได้นะคะ ว่าสมัยนี้มีพวกมิจฉาชีพ แก๊งต้มตุ๋นกันเยอะ แต่เราไม่ได้สอบถามยอดเงินบัญชีเงินฝากคงเหลือ จะสอบถามยอดจ่ายเงินในบัตรเครดิตหรือโอนค่าหนี้ให้ผู้แทนดำเนินการแทน ไม่ได้เลยค่ะ นอกจากแจ้งเลขที่บัตรเครดิตให้ผู้แทนไปจ่ายได้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ายอดเงินเท่าไร ต้องดูในใบแจ้งหนี้หรือถามคนป่วยเอา หากจะโทรศัพท์ถาม Call Center ก็ติด PDPA อีก และหากเจ้าของเกิดป่วยไม่ได้สติสัมปชัญญะหลายเดือน อย่างนี้ไม่ต้องเสียค่าดอกเบี้ยเยอะหรือคะ 

จึงอยากให้ธนาคารต่าง ๆ เริ่มเห็นข้อสำคัญทางด้านนี้และมีวิธีช่วยเหลือคนที่ป่วยให้บุคคลอื่นสามารถดำเนินการแทนได้ ขอไม่เอาให้ศาลสั่งเป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือต้องมีใบรับรองแพทย์การเป็นผู้อภิบาลนะคะ เพราะแพทย์เองก็คงไม่อยากลงนามรับรอง นอกจากผู้ป่วยมีธุรกรรมเยอะ จัดการเองต่อไปไม่ได้ เลยให้ศาลสั่งค่ะ   

หมายเหตุ ของกรณีพ่อ จขกท. ยังโชคดีที่ครอบครัวเห็นจดหมายที่ธนาคารส่งมา แต่ก็มาพบหลังจากพ่อป่วย 2 เดือนกว่า ถ้าเป็น จขกท. Paperless 100% แล้วค่ะ จะรู้ต้องเปิด Application หรือทราบยอดผ่านการแจ้งทางอีเมล ญาติหรือเพื่อนคงหมดสิทธิในการรับรู้ยอดหนี้ของเราและเราคงต้องเสียค่าดอกเบี้ยจากการจ่ายล่าช้าสะสมแน่ หากล้มป่วยจนไม่สามารถดำเนินการได้เองหรือป่วยแบบไร้สติอยู่นานหลายเดือน