สวัสดีครับ ! นี่เป็นกระทู้แรกของผม อยากจะเล่าก่อนว่า เมื่อนานมาแล้วผมมีโอกาสไปร่วมงาน บุญงานหนึ่ง ผมเจอผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวยมาก ๆ ผมจึงสอบถามเพื่อน ๆ แถวนั้น รู้จักเธอไหม เธอเป็นใคร หลังจากได้คำตอบแล้ว เพื่อนก็ได้ทิ้งท้ายต่อว่า เขาไม่มองหรอก !!! 555 + (เจ็บจี๊ด) ต่อมาตัดภาพมาถึงตอน ตอนงานเลี้ยง หลังจากที่ผมเหมือน อกหัก จากคำว่าเขาไม่มองหรอก ! ผมก็ทำสิ่งที่ไม่เคยทำคือ ไปม่วนหน้าฮ้าน (เต้นหน้าเวที)
แบบไม่สนใจโลกอีกต่อไป หลังจากนั้น . . . เธอคนนั้น ก็ได้ออกมา เต้นกับเพื่อนของเธอ ด้วยเช่นกัน (เต้นแบบน่ารัก ๆ เบา ๆ) ผมจึง . . . จำสิ่งที่เคยร่ำเรียนมา ยกมือขึ้นทั้งสองข้าง ทำท่าตั้งวงนาฏศิลป์ แล้วก็รำแบบ อ่อนช้อย ไปหาเธออออ เธอก็ยิ้มหัวเราะ ให้ ทำให้ผมใจเต้นแรงมาก รำหนักกว่าเดิมอีกเพราะเขิล โถว่ คุณพระ !! กลายเป็นที่ขำกันของคนในงานกันเลยทีเดียว
หลังจากนั้น ... พองานจบก็ได้มาร่วมวงในโต๊ะเดียวกัน เพราะเขารู้จักกับเพื่อนของผม ผมซึ้งไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงได้พูดออกไป พี่ครับ ผมชอบพี่ ครับ พี่สวยมาก (จริง ๆ แล้ว เขาอายุน้อยกว่า) สายตาคนในโต๊ะ ร่วม 10 คู่หันมองมาทันที (อผมเห็นด้วยหางตา ) ผมไม่สนอะไรทั้งสิ้น เพราะคนที่ใช่ของผมอยู่ตรงหน้า แล้วผมก็ได้พูดต่อไปว่า ผมชอบก็บอกว่าชอบ ผมทำใจไว้แล้ว ผมรู้ว่า พี่เหมือนดอกฟ้า ผมเหมือน หมาวัด ดั่งภาษิต บลา ๆ แล้วเธอ ก็ได้ตอบว่า แค่คิดแบบนั้นมันก็ผิดแล้ว แล้วก็พูดอะไรสักอย่างผมจำไม่ได้ เพราะผมเขิลมากจนได้ยินอะไรไม่ค่อยชัด แล้วเราก็ได้มีโอกาสคุยโต้ตอบกันไปมาเป็นพัก ๆ ผมถามเธอว่า สเปคของเธอเป็นแบบไหน ?เธอตอบว่า ชอบคนขยัน ชอบคนเก่ง ดูแลเราได้แต่ไม่ต้องถึงกับมาเลี้ยงหรือเปย์เรา และก็ชอบคนที่ตัวสูงกว่าเธอ (ผม180+ เธอ 170) แล้วก็มีเสียงพี่ในโต๊ะหลุดพูดมาว่า อ้าวงั้น พวก ! หมดสิทธิ์ละ 555 หมายถึงคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ผมในโต๊ะ เพราะผมตัวสูงที่สุด มันก็เลยเป็นเรื่องตลก ฮากันไป
เมื่องานเลี้ยงเลิกลา ถึงเวลาขับรถกลับ ในระหว่างทาง ผมครุ่นคิดถึงเธอคนนั้นมาก ภาพของเธอทุกวินาทีที่ผมเคยเห็น มันลอยเข้ามาตลอด รอยยิ้มนั้นมันทำให้ผมฝันไปไกลมาก แล้วจู่ ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดเธอ ที่ผมบอกว่า เธอคนนั้นเหมือนดอกฟ้า ส่วนผมนั้น หมาวัด เธอพูดว่า มันผิด ผมจึงตระหนักเอาเองว่า คนเราไม่ควรดูถูกคุณค่าของตัวเอง ไม่มีใครเลิศหรูดูแพงไปกว่าใคร ทุกคนก็เป็นมนุษย์เหมือนกันทั้งนั้น การที่เราดูถูกตัวเอง แปลว่าเรารู้ว่าเรายังมีดีไม่พอ ผมไม่ขยันพอ เรายังติดใช้ชีวิตไปวัน ๆ อยู่ เมื่อผมตระหนักได้อย่างนั้น ผมจึงกลับมาทบทวนตัวเองใหม่ โดยการ เปลี่ยนแปลง ตารางเวลา เขียนสิ่งที่จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติม เช่น ทักษะภาษา อังกฤษ - จีน ที่ผม ใช้อยู่ตอนทำงาน ฝึกให้เชี่ยวชาญขึ้น ออกกำลัง และ อื่น ๆ ผมเปลี่ยนตัวเองเพราะคำพูด ของเธอคนนั้นเลยก็ว่าได้ ผมก็ได้แต่ หวังว่า โชคชะตาของผมและเธอ จะเดินเป็นเส้นเดียวกัน.
จากที่ผมได้เล่ามาทั้งหมด เพื่อน ๆ คิดว่า สิ่งที่ตัวเราเอง เอาตัวเองไปเปรียบ กับบางสิ่ง มันเป็นการลดคุณค่าในตัวเองหรือไม่ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ลองกลับมาทำทวนตัวเองกันดู นะครับ
ขอบคุณที่อดทนดอ่านเรื่องราวของผมจนจบ ขอบคุณมาก ครับ
ไม่ควรลดคุณค่าของตัวเอง
แบบไม่สนใจโลกอีกต่อไป หลังจากนั้น . . . เธอคนนั้น ก็ได้ออกมา เต้นกับเพื่อนของเธอ ด้วยเช่นกัน (เต้นแบบน่ารัก ๆ เบา ๆ) ผมจึง . . . จำสิ่งที่เคยร่ำเรียนมา ยกมือขึ้นทั้งสองข้าง ทำท่าตั้งวงนาฏศิลป์ แล้วก็รำแบบ อ่อนช้อย ไปหาเธออออ เธอก็ยิ้มหัวเราะ ให้ ทำให้ผมใจเต้นแรงมาก รำหนักกว่าเดิมอีกเพราะเขิล โถว่ คุณพระ !! กลายเป็นที่ขำกันของคนในงานกันเลยทีเดียว
หลังจากนั้น ... พองานจบก็ได้มาร่วมวงในโต๊ะเดียวกัน เพราะเขารู้จักกับเพื่อนของผม ผมซึ้งไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงได้พูดออกไป พี่ครับ ผมชอบพี่ ครับ พี่สวยมาก (จริง ๆ แล้ว เขาอายุน้อยกว่า) สายตาคนในโต๊ะ ร่วม 10 คู่หันมองมาทันที (อผมเห็นด้วยหางตา ) ผมไม่สนอะไรทั้งสิ้น เพราะคนที่ใช่ของผมอยู่ตรงหน้า แล้วผมก็ได้พูดต่อไปว่า ผมชอบก็บอกว่าชอบ ผมทำใจไว้แล้ว ผมรู้ว่า พี่เหมือนดอกฟ้า ผมเหมือน หมาวัด ดั่งภาษิต บลา ๆ แล้วเธอ ก็ได้ตอบว่า แค่คิดแบบนั้นมันก็ผิดแล้ว แล้วก็พูดอะไรสักอย่างผมจำไม่ได้ เพราะผมเขิลมากจนได้ยินอะไรไม่ค่อยชัด แล้วเราก็ได้มีโอกาสคุยโต้ตอบกันไปมาเป็นพัก ๆ ผมถามเธอว่า สเปคของเธอเป็นแบบไหน ?เธอตอบว่า ชอบคนขยัน ชอบคนเก่ง ดูแลเราได้แต่ไม่ต้องถึงกับมาเลี้ยงหรือเปย์เรา และก็ชอบคนที่ตัวสูงกว่าเธอ (ผม180+ เธอ 170) แล้วก็มีเสียงพี่ในโต๊ะหลุดพูดมาว่า อ้าวงั้น พวก ! หมดสิทธิ์ละ 555 หมายถึงคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ผมในโต๊ะ เพราะผมตัวสูงที่สุด มันก็เลยเป็นเรื่องตลก ฮากันไป
เมื่องานเลี้ยงเลิกลา ถึงเวลาขับรถกลับ ในระหว่างทาง ผมครุ่นคิดถึงเธอคนนั้นมาก ภาพของเธอทุกวินาทีที่ผมเคยเห็น มันลอยเข้ามาตลอด รอยยิ้มนั้นมันทำให้ผมฝันไปไกลมาก แล้วจู่ ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดเธอ ที่ผมบอกว่า เธอคนนั้นเหมือนดอกฟ้า ส่วนผมนั้น หมาวัด เธอพูดว่า มันผิด ผมจึงตระหนักเอาเองว่า คนเราไม่ควรดูถูกคุณค่าของตัวเอง ไม่มีใครเลิศหรูดูแพงไปกว่าใคร ทุกคนก็เป็นมนุษย์เหมือนกันทั้งนั้น การที่เราดูถูกตัวเอง แปลว่าเรารู้ว่าเรายังมีดีไม่พอ ผมไม่ขยันพอ เรายังติดใช้ชีวิตไปวัน ๆ อยู่ เมื่อผมตระหนักได้อย่างนั้น ผมจึงกลับมาทบทวนตัวเองใหม่ โดยการ เปลี่ยนแปลง ตารางเวลา เขียนสิ่งที่จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติม เช่น ทักษะภาษา อังกฤษ - จีน ที่ผม ใช้อยู่ตอนทำงาน ฝึกให้เชี่ยวชาญขึ้น ออกกำลัง และ อื่น ๆ ผมเปลี่ยนตัวเองเพราะคำพูด ของเธอคนนั้นเลยก็ว่าได้ ผมก็ได้แต่ หวังว่า โชคชะตาของผมและเธอ จะเดินเป็นเส้นเดียวกัน.
จากที่ผมได้เล่ามาทั้งหมด เพื่อน ๆ คิดว่า สิ่งที่ตัวเราเอง เอาตัวเองไปเปรียบ กับบางสิ่ง มันเป็นการลดคุณค่าในตัวเองหรือไม่ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ลองกลับมาทำทวนตัวเองกันดู นะครับ
ขอบคุณที่อดทนดอ่านเรื่องราวของผมจนจบ ขอบคุณมาก ครับ