EP4: เที่ยวสปป.ลาว ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว...ถึงวังเวียงแล้วจ้า

หลังจากที่โดนปล้นที่ตม.สถานีรถไฟลาวจีน พกพาอารมณ์อังพุ่งพล่านมาถึงวังเวียงก็ยังไม่สงบ แต่ทุเลาลงเมื่อนั่งแช่น้ำเย็นๆ ที่แม่น้ำซอง จากนี้เป็นตอนที่เราลงจากรถไฟ แบกใจอันบอบช้ำมาถึงจนได้

หลังจากลงรถที่สถานีวังเวียง เรากับลูกก็ต้องกดเงินเพิ่มจากตู้เอทีเอ็มด้านหน้าสถานี เป็นจำนวน ล้านห้าแสนกีบ แล้วก็มีค่าธรรมเนียม 75 บาท แล้วเช่นเคย คือ ดูชาวบ้านว่าเขาขึ้นรถกันยังไง แล้วก็เดินถามว่าจะไปโรงแรม River View เท่าไหร่ แบบไม่เหมานะ ผู้ให้บริการก็ชี้มือไปที่มินิบัส บอกให้ขึ้นคันนั้นไป หลังจากขึ้นมินิบัสเราก็มองหาคนไทย หรือ คนลาว ที่พอจะถามราคาได้ว่าราคาเท่าไหร่ จริงๆ ก่อนขึ้นก็ถามว่าตกหัวละเท่าไหร่ เขาให้ราคามาที่ 30K กีบพอถามคนบนรถก็ได้ราคาเดียวกันก็สบายใจ

ในวันแรกของวังเวียงเราแม่ลูกก็ไม่ได้ทำอะไรกันมากเพราะกว่าจะมาถึงก็บ่ายเย็นแล้วเราเลยข้ามสะพานไม้ไผ่ไปนั่งกินอะไรกันริมน้ำเราสั่งไก่ย่างหมูทอดแล้วก็ข้าวเหนียวมาทานสำหรับหมูทอดถือว่าอร่อยนะคะแต่ลูกก็ไม่ค่อยทานพยายามทานไก่ย่างมากกว่าแต่ไก่ย่างคือมันตัวเล็กมากเนื้อก็น้อยเราเลยสรุปว่าไก่บ้านเค้าคงตัวเล็กแหละไม่เหมือนไก่บ้านเรา



เราลงเล่นน้ำที่แม่น้ำซองเล็กน้อยแนะนำรองเท้าที่ใช้เป็นรองเท้าแตะแบบรัดข้อเท้าเหมาะกับกับเล่นน้ำตกเดินบนหินในน้ำสบายราคาก็ไม่ได้แพงมากถือว่าคู่เดียวสบายไม่ต้องแบกเยอะพังก็ไม่เสียดาย

จากนั้นหมดวันเราก็อาบน้ำแล้วออกไปหาอะไรกินตอนกลางคืนกัน คืนนี้ก็เอาใจลูกหน่อย เพราะวันนี้แม่อารมณ์เสียเป็นชั่วโมง เลยหาร้านพิซซ่าให้เขาได้ทานเป็นการปลอบใจ เราสุ่มร้านพิซซ่าที่มีเตาฟืนอยู่ด้านหน้า เพราะเดาว่าอร่อย และร้านนี้พิซซ่าเขาอร่อยจริงค่ะ ชื่อร้าน Green Restaurant (เราไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ เพราะมันร้อนมากจนไม่มีอารมณ์จะถ่ายรูปอะไรจริงๆ นั่งเฉยๆ เหงื่อก็ไหลเป็นน้ำตกเลย) เราสั่งพิซซ่าแฮม กับ Garden Salad อร่อยทั้งคู่ค่ะ พออร่อยก็หายร้อนไปเลย ค่าอาหารน่าจะตกประมาณ 200K กีบกว่าๆ น่าจะได้นะคะ ราคาก็พอๆ กับที่ไทยล่ะค่ะ รูปยืมมาจาก Google ค่ะ หรืออลองไปค้นหาได้ Green Restaurant Vang Vieng

 

เราได้สอบถามเรื่องทัวร์เอาไว้ตอนหัวค่ำว่าอยากไป พายเรือ, Blue Lagoon แล้วก็ไปขึ้น Hot Air balloon จะต้องเสียเงินเท่าไหร่ เรื่องราคาสรุปไว้ตอนท้าย เค้านัดเราไว้ตอน 9 โมงเช้า เรื่องเงินเดี๋ยวตอนเช้าค่อยว่ากันอีกที

ก่อนกลับโรงแรมแวะซื้อน้ำเปล่า ราคาก็ประมาณ 10K กีบค่ะ ประมาณ 17 บาทไทย (สำหรับพวกราคาน้ำเปล่า จากที่ลองสังเกตุดีๆ แล้วร้านที่เป็นอารมณ์แบบมินิมาร์ทจะราคาประมาณ 10K กีบค่ะ ถ้าเป็นร้านแบบทั่วไปบางเจ้าแอบขายที่ 15K กีบค่ะ) แล้วเข้านอน ที่พักที่ River View นี้บอกตรงๆ ว่าไม่ตรงปกเลยค่ะ มันเยินไว้กว่าที่คิดมาก ในราคาตกคืนละ 800 บาท รวมสี่คืนบวกภาษีก็ตกประมาณ 4 พันกว่าบาท ซึ่งบอกตรงๆ ว่าไม่ค่อยประทับใจกับกลิ่นท่อในห้องน้ำที่มันลอยเหม็นขึ้นมา แต่สำหรับราคา Laundry ที่ River View ตกกิโลกรัมละ 25K ถือว่าราคาใช้ได้ค่ะ ส่งซักเช้า ได้ตอนเย็น ก็ถือว่าได้อยู่ ชอบที่มีเสื้อผ้าสะอาดใส่ ถามว่านอนสบายไหม ก็ไม่แย่มากค่ะ แอร์ก็เย็นตามอัตภาพค่ะ

สรุปวันที่สองเราตื่นกันมาสายมาก กว่าจะอาบน้ำ กินกาแฟ อะไรกันเสร็จก็ปาเข้าไป 11 โมง รวมเดินออกมากินข้าวร้านปากซอยด้วย ก็เกือบเที่ยง เลยต้องเหมาทัวร์ไป Blue Lagoon, พายเรือ, เปลี่ยนจากขึ้น Hot Air Balloon เป็นดูเฉยๆ เพราะเขาเรียกราคาเราอยู่ที่ 3,800 บาท ถือว่าแพงไว้กว่าที่คิดมากเลยทีเดียว

ที่ Blue Lagoon เรามีเวลาจากเที่ยงจนถึงบ่ายสอง คนแน่นขนัดมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นจุดหลักที่คนเดินเข้าไปเช่าเสื้อชูชีพ หรือร้านที่ลึกเข้าไป กับร้านด้านหน้า คือแทบไม่มีที่นั่ง เราเลยเลือกเดินอ้อมไปอีกด้านที่ไม่มีคน เห็นมีกระต๊อบเล็กๆ ว่างหลายหลัง เลยไปนั่งตรงนั้นแหละน่าจะดีที่สุด พอได้ที่เสร็จแล้วก็สั่งไก่ย่าง ซึ่งถ้าเพื่อนๆ จำได้ว่าไก่ย่างที่เจอตัวแรกที่วังเวียงคือตัวเล็กมาก รอบนี้เราเลยสั่ง 1 ตัวจะได้กินกันอิ่ม พร้อมข้าวเหนียวคนละห่อ สรุปว่าไก่ย่างที่นี่ตัวใหญ่ปกติ เนื้อก็เยอะ เราเลยสรุปได้ว่า ร้านนั้นน่าจะย่างไก่มาตั้งแต่เข้า ย่างจนตัวมันแห้ง ส่วนร้านนี้เขาเพิ่งย่าง โห...อร่อยมาก บริการก็ดี คุยกะคุณป้าเจ้าของ แกฝากไว้ว่าให้แนะนำเพื่อนๆ มาเที่ยวด้วยนะ



แรกๆ ลูกก็ไม่กล้าลงน้ำนะคะ เค้าก็คงกลัว เราก็เลยพาลง ไปเล่นกับเขาอยู่พักนึง จากนั้น นางก็แช่น้ำยาวๆ ไปเลยเป็น ชม. ลอยคอไปลอยคอมาน้ำที่นี่เย็นมากเหมือนน้ำใส่น้ำแข็งจะลงไปต้องทำใจนะมันเย็นจริงๆ



พอเราขึ้นมาจากน้ำเริ่มสักเบียร์ Laos Dark โอ้...กินสบาย ดูลูกเล่นน้ำไป กินเบียร์ไป เวลาผ่านไปเร็วมาก จนจะบ่ายสอง เราก็เตรียมตัวกลับ เพื่อไปพายเรือต่อ

ทริปพายเรืองเป็นอีกทริปที่ถือว่าวัดใจแม่ลูกมาก ว่าใครจะเป็นผู้นำ ใครจะเป็นผู้ตาม เขียนแบบนี้ไม่ได้แปลว่าไปกันคนละลำนะคะ เราไปลำเดียวกันและมีไกด์คอยพายประกบกับแขกอีกคนด้วย อยากขอโทษเลยว่ารอบพายเรือนี้ เราไม่ได้ถ่ายรูปเลยค่ะ เพราะเราตั้งหน้าตั้งตาพาย และตั้งหน้าตั้งตาดกเบียร์ (เราขอกระติกน้ำแข็งจากร้านทัวร์พร้อมกับซื้อเบียร์ประมาณ 4 กระป๋องไว้กินตอนพายเพราะกะให้ลูกพายส่วนเราคัดท้ายไปเรื่อยๆเพื่อนๆไม่ต้องห่วงว่าเมาแล้วพายนะคะเราก็ค่อยๆจิบไปเบาๆเรื่อยๆ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

การพายเรือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่วัดเรื่องความสามัคคีได้ดีเลยทีเดียว ผู้พายจะต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง เลือกร่องน้ำที่ถูกต้อง หลังจากที่ประจำที่แล้วเราถามลูกชายเราว่า “ใครจะเป็นกัปตัน” ลูกชายเราตอบแบบมั่นใจเลยว่า “ผมจะเป็นกัปตัน” เราเลยบอกไปเลยได้เลยถูก ลูกนำทางไปพายไปนะ แม่จะคัดท้ายตามคำสั่งลูก เมื่อเราแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ก็ให้ลูกพายไป (เค้าก็พายไม่เป็นหรอก แต่เราก็ให้เกียรติความเป็นผู้นำกับเค้า) สำหรับแม่แล้วคือความชิวที่จะได้จิบเบียร์ไปเรื่อยๆชมวิวข้างทาง

เริ่มพายไปพายมา ลูกชายเราเริ่มไม่พายแล้ว เน้นเอามือราน้ำ เท้าราน้ำ เล่นน้ำบ้าง...เอ้างานเข้าลูกเรืออะสิ เบียร์ก็ไม่ได้จิบ พายก็ต้องพาย สรุป กัปตันที่รักของเราชมวิว และลูกเรือก็พายไป ได้แต่มองเบียร์ในกระติก รูปก็ไม่ได้ถ่าย.....โถอีแม่

เมื่อถึงจุดน้ำตื้น เราก็ต้องเลือกเส้นทางที่ไร้โขดหินถูกมั้ยคะ เราเลยให้กัปตันคนเก่งเป็นคนเลือก เราก็รู้ทั้งรู้ว่าทางที่กัปตันเลือกนั้น มันหินชัดๆ แต่เราก็ยอมไปในทางที่เค้าบอก สุดท้ายคือเรือเราติดไปไหนไม่ได้ แม่ลูกก็ได้แต่หัวเราะ แถมไกด์อีกลำก็หัวเราะ มันก็เป็นหน้าที่ของลูกเรืออย่างเรา ต้องลงมาลากเรือ ลากไปก็ขำไป ไม่เป็นไร ถือว่าลูกเราได้เรียนรู้การเป็นผู้นำ ที่จะต้องยอมรับผลของมันไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี นอกจากแม่จะลากเรือไม่ไปแล้ว ไกด์ก็ต้องมาช่วยลากด้วย อันนี้ก็ขำกันหนักเลย

จากนั้นกัปตันของเราก็ยังไม่ลดละความพยายามเขายังคงมั่นใจความเป็นกัปตันของเขาอยู่และเขาดูสนุกกับมันมากเราก็ยังคงให้เขาเป็นผู้เลือกเส้นทางทุกเส้นด้วยตัวเขาเองถึงแม้จะมีช่วยบอกบ้างแต่ก็ตามใจเขา

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

บทสรุปแล้วคือ เราพายติดหินกัน 5 โขด ตลอดเส้นทาง มีแต่เสียงหัวเราะกันแม่ลูก ที่สำคัญกัปตันไม่พายเรือแล้ว เพราะกัปตันเหนื่อย กัปตันเอาตีน เอ้ยเอาเท้าราน้ำด้วย....หลังจากหมดวัน ลูกชายก็บอกแม่ว่า พรุ่งนี้จะพายอีก เราบอกว่าได้เลย เรารู้ว่าเค้าสนุก แม่ก็จัดให้

หลังจากที่พายเรือเสร็จก็ให้ทิปกับไกด์นำทางไป 100 บาทเป็นค่าลากเรือพวกเราบอกเค้าไปว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่

หลังจากจบพายเรือก็ถึงเวลาเย็นแล้ว เป็นเวลาของ Hot Air Balloon ที่เราจะต้องไปดูกัน พอขึ้นรถไปเราก็ถามแขกคนอื่นๆ ในรถว่าเขาจ่ายค่าขึ้นบอลลูนกันเท่าไหร่ บางคนหูผึ่ง ทำเป็นไม่อยากอยากฟังแต่ก็แอบฟัง สรุปว่าราคาก็พอๆ กันทุกคน เมื่อเราไปถึงจุดขึ้นบอลลูน เราก็ถามลูกว่าอยากขึ้นหรือเปล่า แพงก็ไม่เป็นไร ถ้าลูกอยากขึ้น แม่จ่ายได้ เค้าก็บอกว่าแพงไม่เอาอะ ไม่อยากขึ้น หลังจากนั้นคนขับรถพาทัวร์ก็บอกกว่าจะไปดูพารามอเตอร์ไม่ เราหันไปถามลูกว่าอยากขึ้นพารามอเตอร์ไหมล่ะ แม่จ่ายได้ลูกอยากไปไหม เค้าพยักหน้า...ไปตกลงเราไปขึ้นพารามอเตอร์กัน เราเลยแจ้งคนขับรถว่าเปลี่ยนใจแล้ว ลูกอยากขึ้นพารามอเตอร์ คนขับบอกว่าได้สิ แต่ว่าห้ามบอกบริษัททัวร์นะ 555555 เราก็ตอบว่าได้เลย แล้วกำชับลูกว่าห้ามรั่วเรื่องนี้เด็ดขาด...แล้วให้ทิปพี่เขาไป 100 บาทไทย



เมื่อคุณไปซื้อพารามอเตอร์หน้างานคุณจะได้ราคา 3000 บาท จาก 3800 บาท รับโอนเงินไทยด้วย เราคงไม่ต่อราคาไปจากนี้แล้วล่ะ ก็ตัดสินใจให้ลูกได้ขึ้นพารามอเตอร์ กลัวก็กลัวนะ แต่ว่าเราก็นั่งรออยู่ข้างล่าง บรรยากาศดีตามภาพเลยค่ะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เมื่อเราถึงที่พักเราเริ่มมีการคุยกันว่า ที่พักที่เรานอนอยู่นี้มันไม่สบายแล้วก็ไม่สะอาดเลย ลูกบอกเห็นด้วย เราเลยตกลงกันว่า เดี๋ยววันสุดท้ายเราย้ายไปนอนที่ๆ สบายๆ ก่อนกลับละกัน ... เป็นอัน...ดีล

นกที่ตื่นสายมักต้องเหมาทัวร์เสมอ สองแม่ลูกตื่นกันสายอีกแล้ว กว่าจะกินข้าว ว่าจะทำไรเสร็จก็ปาเข้าไป 11 โมง เราเลยต้องเหมาทัวร์อีกล่ะ วันนี้เราจะไปเล่น Zipline กับพายเรือภาคต่อ เราไปเล่น Zipline ที่สะพานฟ้า แล้วก็พายเรือต่อตรงสะพานฟ้านั่นแหละ บริเวณสะพานฟ้าก็มีถ้ำน้ำเล็กๆ ให้นักท่องเที่ยวไปเล่นเช่นกัน สามารถซื้อตั๋วได้ที่จุดบริการเลย ส่วนถ้ำนางฟ้า ถือว่าเป็นอภินันทนาการจากไกด์พาเดินเล่น เดาว่าก็เป็นราคาเหมาทั้งหมดนั่นแหละ Zipline ที่นี่จะไม่ได้สูงมากเป็นการเล่นวนรอบฐานจุดต่างๆ ในระยะทางสั้นๆ จริงๆ ยาวกว่านี้ต้องไปอีกจุดนึงบริเวณถ้ำน้ำของจริงที่ไกลออกไปน่าจะ 20 กม.ละมั้งอันนี้ไม่แน่ใจนะเพราะมันมีถ้ำน้ำแท้กะไม่แท้อันนี้คนแถวนั้นบอก



ถ้ำนางฟ้าจะเป็นถ้ำที่เป็นหินงอกหินย้อย มีทางลาดปูนให้เดินสำรวจ ระยะทางไม่ไกล แถมมัวแต่คุยกะไกด์เลยไม่ได้ถ่ายรูปด้วย...อีกแล้ว ไกด์เล่าว่าพวกจุดท่องเที่ยวต่างๆ จะมีเจ้าสัว (นายทุนเป็นคนซื้อไว้ แล้วจัดแจงบริหารงานเอง ก็คือสัมปทานนั่นแหละ ให้คนต่างชาติมาเที่ยว สำหรับคนลาว สามารถเข้าได้ฟรี) เป็นเจ้าของแล้วจ่ายเงินสัปทานให้กับรัฐ ไม่เหมือนกับไทย ที่คนไทยเป็นเจ้าของ และเก็บค่าเข้าคนไทยราคาถูก คนต่างชาติก็เสียแพงหน่อย ก็มีความแปลกที่ว่าสมบัติที่เป็นมรดกของชาติ กลับกลายเป็นของนายทุนไปซะงั้น

หลังจบจาก Zipline เราก็มาต่อกันที่พายเรือ รอบที่สองหลังจากที่ลูกชายติดใจขอซ้ำอีกซักรอบ แต่รอบนี้ลองถามลูกชายว่า “ใครจะเป็นกัปตัน” ลูกชายตอบว่า “ให้แม่เป็นกัปตัน…ก็ได้” แต่รอบนี้ไม่มีเบียร์แล้วนะ เพราะรอบที่แล้ว พายซะจนไม่ได้เป็นอันกินเบียร์

ความสนุกของการพายเรือของเรายังเป็นเหมือนเดิม คือ แม่เลือกเส้นทาง และลูกช่วยจำว่า วันก่อนเราติดร่องน้ำไหนบ้าง มันคือทีมเวิร์คที่ดีมากเลยแหละ เมื่อเรากับลูกร่วมกันแชร์ ร่วมมือกันทำงาน ถึงแม้จะเอาตีนราน้ำบ้าง ก็โดนดุไปตามระเบียบ เพราะมันพายไม่ไป ระหว่างนี้ก็มีการสอนให้ลูกพาย สังเกตุว่า ถ้าเราพายพร้อมกันเรือมันจะไปได้เร็ว ถ้าเราร่วมมือกันอย่างดี ได้สังเกตุเห็นว่า ลูกสามารถพายเรือได้ แค่ต้องคอยบอกว่า เวลาพายให้มองไปในทางที่เราจะไป ส่วนเราก็คัดท้ายรอ สรุปรอบนี้ก็มีแต่เสียงหัวเราะ เช่นเคย เราติดแก่ง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่