สวัสดี เรามีเรื่องอยากจะมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่าน เราสาบานว่าทุกๆเหตุการณ์ของวันนั้น คือเรื่องจริง และเกิดขึ้นจริงๆกับเรา เราพยายามแชร์ประสบการณ์นี้หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ เราเคยตั้งกระทู้นี้แล้ว2-3รอบ แต่โดนลบไป(จริงๆเรียกว่าโพสต์หาย กับโพสต์ไม่สำเร็จดีกว่า)
ขอเกริ่นก่อนนะว่า ตอนนี้เราใช้วิธีพิมพ์ในโน๊ตและก็อปวาง เพราะระหว่างพิมพ์ หรือใกล้จะโพสต์ลง กระทู้มักมีปัญหา
เราคือผู้หญิงคนนึง อายุตอนเกิดเหตุคือ21 เหตุเกิดในช่วงปลายเดือนมิถุนายน (จริงๆเพราะมีแจ้งเตือนของทริปนั้น เราเลยพึ่งนึกออกแล้วมาเล่าใหม่) เราเป็นคนที่ชอบขับรถมากๆ( มอไซค์) ชอบออกทริป และจังหวัดที่เราเลือกจะไปคือ ราชบุรี เรามีเพื่อนร่วมทางไปด้วยอีก2คัน 5คน เป็นผู้หญิงหมดเลย เราขับคนเดียว โดยพึ่งGPS และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆคือ ขับไม่ทัน เราใช้ความเร็วที่100-130 จึงได้ติดต่อกับพี่สาวอีก2คันว่า ไปเจอกันที่รีสอร์ทเลย เพราะนอกจากจะขับไม่ทัน ยังหลงอีก เมื่อขับออกไปนอกเขต กทม. ทุกอย่างก็ปกติดี สองฝั่งถนนคือป่า แต่ก็ไม่เอะใจ เพราะโดยปกติแล้ว พอแถบชานเมืองหรือนอกปริมณฑล มีไร่ของชาวบ้านปกติอยู่แล้ว (เป็นป่าที่ไม่ได้ดูน่ากลัว ถนนเส้นหลัก ยาว ไม่มีเสาไฟ ถนนตอนนั้นคาดว่าพึ่งทำเสร็จใหม่ๆเลย)
พอเราขับไปเรื่อยๆ GPSมันให้เข้าในซอย ซึ่ง เราวนดูหลายรอบมาก มันคือซอยเหมือนชาวบ้านผ่าน ไม่ใช่ซอยที่ใช้เป็นทางสัญจร ทุกคน ลองนึกภาพ4แยกนะ เราขับทางตรงขึ้นไป แล้วเลี้ยวซ้าย ซึ่งทางเข้าที่GPSมันให้เข้า คือให้เข้าซ้ายอีกที นั่นแปลว่า เราต้องขับย้อนลงมาถูกไหม แต่เราสังเกตว่า แถวนั้นมันคือป่าหมดเลย2ข้างทาง ตอนแรกก็ไม่กล้าเข้าเพราะสมองตอนนั้นคิดว่า ทำไมต้องให้ขับย้อนลง แล้วตรงนั้นไม่มีบ้านคนเลย แต่อีกใจก็คิดว่า หรือมันจะทะลุผ่านไปอีกฝั่ง ฝั่งนั้นคือหมูบ้านไหมนะ เราก็วนหาทางเข้าที่ไม่ใช่ทางนั้นอยู่เกือบ20นาที สุดท้ายก็ต้องเข้าอยู่ดี เพราะเราลองกดGPSที่พี่สาวส่งมาให้ในไลน์ มันก็ให้ไปทางนั้น เลยยอมที่จะเสี่ยงไป (แต่เราบอกก่อนว่า เราให้ทุกคนส่งโลเคชั่นมาให้จริงๆ ทุกคนส่งมา พอเรากดเข้าไป มันก็ให้ไปทางเดิม เราคิดแล้วล่ะ ว่าหลงแน่ๆ แต่ตอนนั้นไม่มีทางเลือก )
เมื่อขับเข้าไปเกือบ2-3ร้อยเมตร มันให้เลี้ยวซ้าย เพราะทางมันคือ3แยก แต่ตอนนั้น บอกตรงๆว่า กลัวมาก เพราะมันคือป่าจริงๆจังๆเลย ตอนนั้นเริ่มใจไม่สู้แล้ว และพยายามขับออกมา แต่ขับเท่าไหร่ก็ไม่เจอทางหลักสักที ทั้งๆที่เข้าออกเส้นเดิม ตอนนั้นเริ่มสับสนว่า เราเลี้ยวซ้ายกี่ครั้ง เราต้องเลี้ยวขวาอีกกี่ครั้งถึงจะเจอทางออก เสียเวลาตรงนั้นเกือบ15นาที เราออกมาไม่ได้ ตอนนั้นใจไม่ดีแล้ว พอขับออกมา เราเจอศาล ที่ใหญ่มากๆ เป็นศาลไม้ คือศาลสูงเท่าเรา และใหญ่จริงๆ มีสภาพที่ไม่ได้เก่ามาก และดูเป็นศาลที่สะอาดมากๆ ( แต่ตอนขับเข้าไปไม่เจอจริงๆ ไม่เห็นว่ามีศาลตั้งอยู่ )ตอนนั้นยอมรับว่ากลัวมากๆ คือGPSก็บอกให้ขับตรง อย่างเดียว มันไม่ได้มีทีท่าว่ารีแมพหรือสัญญาณหายเลย เราตัดสินใจขับเข้าไปทางตรงตามแมพอีกครั้ง ทุกคนคิดว่าเราเจออะไร?
เราเจอลุงคนนึง หน้าตาดุ ในผ้าขาวม้า เรายังจำได้เลยว่า ลุงตะคอกด่าเรายับเลย ลุงไล่ให้เราออกมา ซึ่งปกติแล้ว เรา ไม่ค่อยร้องไห้ ไม่ว่าเจออะไร ไม่กล้าร้องไห้ แต่นั่นแหละ เราร้องไห้กับลุงคนนั้น เราบอกว่าเราหลงทาง ลุงก็พยายามไล่ ไม่ฟังเราเลย แกไล่ออกมาอย่างเดียว ไม่บอกทางด้วย ไม่บอกว่าต้องไปทางไหน แต่แกบอกแค่ว่า เลี้ยวรถแล้วขับออกไปเลย ตอนนั้นงง กลัว ตกใจ อารมณ์มากมายบอกไม่ถูก
พอขับออกมาสักพัก ช่วงนั้นเวลาประมาณ10-11โมงเช้า เราเจอคนกลุ่มนึง น่าจะตัดไม้หรือตัดหญ้านี่แหละ เหมือนกำลังจะกินข้าวกัน แต่ เราสาบานจริงๆว่า เราไม่ได้ยินอะไรเลยตอนนั้น ไม่ได้ยินเสียงเครื่องตัดหญ้า ไม่ได้ยินเสียงรถ ไม่ได้ยินอะไรเลย เหมือนเขาก็ตกใจที่อยู่ๆเราโผล่ไปกลางป่าแบบนั้น เรารีบบอกเขาทันทีว่า หนูหลงทาง และเล่าทุกอย่างให้ลุงๆป้าๆกลุ่มนั้นฟังว่าเจออะไรมา จริงๆเราเห็นว่ามีผู้หญิงนั่นแหละ เราเลยกล้าเข้าไปถาม และเล่าให้ฟัง เพราะเราหาทางออกไม่เจอจริงๆ
ทุกคนเชื่อไหม ถ้าเราขับไปอีกนิดนึง ถ้าลุงคนนั้นไม่ไล่เราออกมา เราว่าเราคงไม่มีโอกาสได้มานั่งเขียนไรแบบนี้ 1ในป้าคนนั้นบอกว่า ทางที่เราไป คือเขา ทางลงเขา ไม่ใช่ทางสัญจร ไม่มีใครขับไปได้ มีคนขับตกตรงนั้นบ่อย เลยตั้งศาลขึ้นมา ตอนนั้นอึ้งจริงๆ แล้วสิ่งที่อึ้งกว่านั้นคือ เราขับเข้าไปเกือบ1กิโล ไม่ใช่200-300ร้อยเมตร ตอนนั้นยอมรับว่า เอ๋อ อาการหูดับ หูวิ้ง พึ่งเข้าใจก็วันนั้นแหละ
หลังจากเหตุการณ์นั้น เราก็รับขับออกมา เพื่อเริ่มจุดเริ่มต้นใหม่คือทาง4แยก แต่ไม่รู้เกิดบ้าอะไรอีก แมพให้เลี้ยวขวา ซึ่งคนละทางกันเลย ครั้งนี้เลยยอมเสี่ยงขับตามมันไป ทางนั้นมีบ้านคนมีร้านค้า และเหมือนจะมีบ่อเกลือมั้ง ถ้าไม่ใช่ก็คงจะเป็นบ่ออะไรสักอย่าง ตอนนั้นไม่อยากชมวิวไรเยอะแล้ว เพราะกลัวมาก ขับไปเรื่อยๆเจอทางหักศอก แต่รถทุกคันไม่ได้ขับเร็วนะ สิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดคือ มีรถมินิบิ้กไบค์ หลุดโค้งมาโดนเรา ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุกับเรา แต่ก็ไม่ได้หนัก เพราะไม่ได้ขับเร็วทั้งคู่ ตอนนั้นต่างคนต่างรับผิดชอบ เพราะด้วยความร้อน เหนื่อย และสิ่งที่เจอ เอาตรงๆ เราไม่อยากเรียกร้องอะไรเลย เพราะเราล้มไม่แรง มันโคตรจะซวยจริงๆนะ หงุดหงิดมาก แต่จิตใต้สำนึกมันก็มีเรื่องกังวลอยู่ไง เลยตัดสินใจ ขอโทษกันแล้วแยกย้าย
พอมาถึงรีสอร์ท เราได้คุยเรื่องนี้กับพี่ๆทุกคนกับสิ่งที่เจอ และทบทวนตัวเองว่าไปทำอะไรที่เป็นการลบหลู่ หรือไม่ดีไว้หรือไม่ ปกติแล้ว เราไม่ใช่คนเชื่ออะไรแบบนั้น ไม่แขวนพระ ไม่เจิมรถ ไม่สวดมนตร์ แต่ไม่ลบหลู่ ไปไหนมาไหน ไม่ค่อยได้บอกกล่าว ไม่ได้ลา ไม่ได้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ อารมณ์แบบ รู้ว่ามี แต่ไม่ได้ยุ่งด้วย
หลังจากวันนั้น เราพยายามโพสต์เรื่องราวลงกระทู้ แต่ไม่เคยสำเร็จ กระทู้เด้งบ้าง โพสต์แล้ว กระทู้หายบ้าง ลงเฟสก็ไม่ได้ ปัจจุบันตอนนี้พิมพ์ๆไป ยังมีของตก ไฟดับอยู่ อาจจะเรื่องบังเอิญ แต่หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ทำให้เรากลายเป็นคนขี้กลัวเลย เรากลัวสิ่งที่มองไม่เห็น ถ้าเป็นมนุษย์ทั่วไป หากทางร่างกาย หรือการต่อสู้ เราไม่รู้ว่าสู้ไหวไหม แต่สู้แน่นอน แต่กับสิ่งที่มองไม่เห็น เราไม่รู้จริงๆว่าเขาคิดอะไร จะทำอะไรอยู่ หากวันนั้นลุงไม่ไล่เรากลับมา ฝืนขับเข้าไป จะเกิดอะไรขึ้น หากวันนั้นออกมาไม่ได้ จะเป็นยังไง แม้แต่GPSยังเชื่อไม่ได้ ไม่กล้าออกไปไหนคนเดียวแล้วจริงๆ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะ แล้วคุณล่ะ ไปราชบุรี หรือโซนฝั่งนั้น เจออะไรบ้างไหม เล่าให้ฟังหน่อย
GPSพาหลงเกือบตกเขา
ขอเกริ่นก่อนนะว่า ตอนนี้เราใช้วิธีพิมพ์ในโน๊ตและก็อปวาง เพราะระหว่างพิมพ์ หรือใกล้จะโพสต์ลง กระทู้มักมีปัญหา
เราคือผู้หญิงคนนึง อายุตอนเกิดเหตุคือ21 เหตุเกิดในช่วงปลายเดือนมิถุนายน (จริงๆเพราะมีแจ้งเตือนของทริปนั้น เราเลยพึ่งนึกออกแล้วมาเล่าใหม่) เราเป็นคนที่ชอบขับรถมากๆ( มอไซค์) ชอบออกทริป และจังหวัดที่เราเลือกจะไปคือ ราชบุรี เรามีเพื่อนร่วมทางไปด้วยอีก2คัน 5คน เป็นผู้หญิงหมดเลย เราขับคนเดียว โดยพึ่งGPS และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆคือ ขับไม่ทัน เราใช้ความเร็วที่100-130 จึงได้ติดต่อกับพี่สาวอีก2คันว่า ไปเจอกันที่รีสอร์ทเลย เพราะนอกจากจะขับไม่ทัน ยังหลงอีก เมื่อขับออกไปนอกเขต กทม. ทุกอย่างก็ปกติดี สองฝั่งถนนคือป่า แต่ก็ไม่เอะใจ เพราะโดยปกติแล้ว พอแถบชานเมืองหรือนอกปริมณฑล มีไร่ของชาวบ้านปกติอยู่แล้ว (เป็นป่าที่ไม่ได้ดูน่ากลัว ถนนเส้นหลัก ยาว ไม่มีเสาไฟ ถนนตอนนั้นคาดว่าพึ่งทำเสร็จใหม่ๆเลย)
พอเราขับไปเรื่อยๆ GPSมันให้เข้าในซอย ซึ่ง เราวนดูหลายรอบมาก มันคือซอยเหมือนชาวบ้านผ่าน ไม่ใช่ซอยที่ใช้เป็นทางสัญจร ทุกคน ลองนึกภาพ4แยกนะ เราขับทางตรงขึ้นไป แล้วเลี้ยวซ้าย ซึ่งทางเข้าที่GPSมันให้เข้า คือให้เข้าซ้ายอีกที นั่นแปลว่า เราต้องขับย้อนลงมาถูกไหม แต่เราสังเกตว่า แถวนั้นมันคือป่าหมดเลย2ข้างทาง ตอนแรกก็ไม่กล้าเข้าเพราะสมองตอนนั้นคิดว่า ทำไมต้องให้ขับย้อนลง แล้วตรงนั้นไม่มีบ้านคนเลย แต่อีกใจก็คิดว่า หรือมันจะทะลุผ่านไปอีกฝั่ง ฝั่งนั้นคือหมูบ้านไหมนะ เราก็วนหาทางเข้าที่ไม่ใช่ทางนั้นอยู่เกือบ20นาที สุดท้ายก็ต้องเข้าอยู่ดี เพราะเราลองกดGPSที่พี่สาวส่งมาให้ในไลน์ มันก็ให้ไปทางนั้น เลยยอมที่จะเสี่ยงไป (แต่เราบอกก่อนว่า เราให้ทุกคนส่งโลเคชั่นมาให้จริงๆ ทุกคนส่งมา พอเรากดเข้าไป มันก็ให้ไปทางเดิม เราคิดแล้วล่ะ ว่าหลงแน่ๆ แต่ตอนนั้นไม่มีทางเลือก )
เมื่อขับเข้าไปเกือบ2-3ร้อยเมตร มันให้เลี้ยวซ้าย เพราะทางมันคือ3แยก แต่ตอนนั้น บอกตรงๆว่า กลัวมาก เพราะมันคือป่าจริงๆจังๆเลย ตอนนั้นเริ่มใจไม่สู้แล้ว และพยายามขับออกมา แต่ขับเท่าไหร่ก็ไม่เจอทางหลักสักที ทั้งๆที่เข้าออกเส้นเดิม ตอนนั้นเริ่มสับสนว่า เราเลี้ยวซ้ายกี่ครั้ง เราต้องเลี้ยวขวาอีกกี่ครั้งถึงจะเจอทางออก เสียเวลาตรงนั้นเกือบ15นาที เราออกมาไม่ได้ ตอนนั้นใจไม่ดีแล้ว พอขับออกมา เราเจอศาล ที่ใหญ่มากๆ เป็นศาลไม้ คือศาลสูงเท่าเรา และใหญ่จริงๆ มีสภาพที่ไม่ได้เก่ามาก และดูเป็นศาลที่สะอาดมากๆ ( แต่ตอนขับเข้าไปไม่เจอจริงๆ ไม่เห็นว่ามีศาลตั้งอยู่ )ตอนนั้นยอมรับว่ากลัวมากๆ คือGPSก็บอกให้ขับตรง อย่างเดียว มันไม่ได้มีทีท่าว่ารีแมพหรือสัญญาณหายเลย เราตัดสินใจขับเข้าไปทางตรงตามแมพอีกครั้ง ทุกคนคิดว่าเราเจออะไร?
เราเจอลุงคนนึง หน้าตาดุ ในผ้าขาวม้า เรายังจำได้เลยว่า ลุงตะคอกด่าเรายับเลย ลุงไล่ให้เราออกมา ซึ่งปกติแล้ว เรา ไม่ค่อยร้องไห้ ไม่ว่าเจออะไร ไม่กล้าร้องไห้ แต่นั่นแหละ เราร้องไห้กับลุงคนนั้น เราบอกว่าเราหลงทาง ลุงก็พยายามไล่ ไม่ฟังเราเลย แกไล่ออกมาอย่างเดียว ไม่บอกทางด้วย ไม่บอกว่าต้องไปทางไหน แต่แกบอกแค่ว่า เลี้ยวรถแล้วขับออกไปเลย ตอนนั้นงง กลัว ตกใจ อารมณ์มากมายบอกไม่ถูก
พอขับออกมาสักพัก ช่วงนั้นเวลาประมาณ10-11โมงเช้า เราเจอคนกลุ่มนึง น่าจะตัดไม้หรือตัดหญ้านี่แหละ เหมือนกำลังจะกินข้าวกัน แต่ เราสาบานจริงๆว่า เราไม่ได้ยินอะไรเลยตอนนั้น ไม่ได้ยินเสียงเครื่องตัดหญ้า ไม่ได้ยินเสียงรถ ไม่ได้ยินอะไรเลย เหมือนเขาก็ตกใจที่อยู่ๆเราโผล่ไปกลางป่าแบบนั้น เรารีบบอกเขาทันทีว่า หนูหลงทาง และเล่าทุกอย่างให้ลุงๆป้าๆกลุ่มนั้นฟังว่าเจออะไรมา จริงๆเราเห็นว่ามีผู้หญิงนั่นแหละ เราเลยกล้าเข้าไปถาม และเล่าให้ฟัง เพราะเราหาทางออกไม่เจอจริงๆ
ทุกคนเชื่อไหม ถ้าเราขับไปอีกนิดนึง ถ้าลุงคนนั้นไม่ไล่เราออกมา เราว่าเราคงไม่มีโอกาสได้มานั่งเขียนไรแบบนี้ 1ในป้าคนนั้นบอกว่า ทางที่เราไป คือเขา ทางลงเขา ไม่ใช่ทางสัญจร ไม่มีใครขับไปได้ มีคนขับตกตรงนั้นบ่อย เลยตั้งศาลขึ้นมา ตอนนั้นอึ้งจริงๆ แล้วสิ่งที่อึ้งกว่านั้นคือ เราขับเข้าไปเกือบ1กิโล ไม่ใช่200-300ร้อยเมตร ตอนนั้นยอมรับว่า เอ๋อ อาการหูดับ หูวิ้ง พึ่งเข้าใจก็วันนั้นแหละ
หลังจากเหตุการณ์นั้น เราก็รับขับออกมา เพื่อเริ่มจุดเริ่มต้นใหม่คือทาง4แยก แต่ไม่รู้เกิดบ้าอะไรอีก แมพให้เลี้ยวขวา ซึ่งคนละทางกันเลย ครั้งนี้เลยยอมเสี่ยงขับตามมันไป ทางนั้นมีบ้านคนมีร้านค้า และเหมือนจะมีบ่อเกลือมั้ง ถ้าไม่ใช่ก็คงจะเป็นบ่ออะไรสักอย่าง ตอนนั้นไม่อยากชมวิวไรเยอะแล้ว เพราะกลัวมาก ขับไปเรื่อยๆเจอทางหักศอก แต่รถทุกคันไม่ได้ขับเร็วนะ สิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดคือ มีรถมินิบิ้กไบค์ หลุดโค้งมาโดนเรา ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุกับเรา แต่ก็ไม่ได้หนัก เพราะไม่ได้ขับเร็วทั้งคู่ ตอนนั้นต่างคนต่างรับผิดชอบ เพราะด้วยความร้อน เหนื่อย และสิ่งที่เจอ เอาตรงๆ เราไม่อยากเรียกร้องอะไรเลย เพราะเราล้มไม่แรง มันโคตรจะซวยจริงๆนะ หงุดหงิดมาก แต่จิตใต้สำนึกมันก็มีเรื่องกังวลอยู่ไง เลยตัดสินใจ ขอโทษกันแล้วแยกย้าย
พอมาถึงรีสอร์ท เราได้คุยเรื่องนี้กับพี่ๆทุกคนกับสิ่งที่เจอ และทบทวนตัวเองว่าไปทำอะไรที่เป็นการลบหลู่ หรือไม่ดีไว้หรือไม่ ปกติแล้ว เราไม่ใช่คนเชื่ออะไรแบบนั้น ไม่แขวนพระ ไม่เจิมรถ ไม่สวดมนตร์ แต่ไม่ลบหลู่ ไปไหนมาไหน ไม่ค่อยได้บอกกล่าว ไม่ได้ลา ไม่ได้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ อารมณ์แบบ รู้ว่ามี แต่ไม่ได้ยุ่งด้วย
หลังจากวันนั้น เราพยายามโพสต์เรื่องราวลงกระทู้ แต่ไม่เคยสำเร็จ กระทู้เด้งบ้าง โพสต์แล้ว กระทู้หายบ้าง ลงเฟสก็ไม่ได้ ปัจจุบันตอนนี้พิมพ์ๆไป ยังมีของตก ไฟดับอยู่ อาจจะเรื่องบังเอิญ แต่หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ทำให้เรากลายเป็นคนขี้กลัวเลย เรากลัวสิ่งที่มองไม่เห็น ถ้าเป็นมนุษย์ทั่วไป หากทางร่างกาย หรือการต่อสู้ เราไม่รู้ว่าสู้ไหวไหม แต่สู้แน่นอน แต่กับสิ่งที่มองไม่เห็น เราไม่รู้จริงๆว่าเขาคิดอะไร จะทำอะไรอยู่ หากวันนั้นลุงไม่ไล่เรากลับมา ฝืนขับเข้าไป จะเกิดอะไรขึ้น หากวันนั้นออกมาไม่ได้ จะเป็นยังไง แม้แต่GPSยังเชื่อไม่ได้ ไม่กล้าออกไปไหนคนเดียวแล้วจริงๆ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะ แล้วคุณล่ะ ไปราชบุรี หรือโซนฝั่งนั้น เจออะไรบ้างไหม เล่าให้ฟังหน่อย