เราอายุ 30 ปี แต่งงาน มา 13 ปีแล้วค่ะ (จดทะเบียน) มีลูกแล้ว 1 คน(ป.4) เราทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวหน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่งมาเข้าปีที่ 4 แล้ว ไปสอบทุกครั้งผ่านทุกครั้งแต่สัมภาษณ์จะถูกปัดตก เค้าจะเน้นช่วยลูกหลานคนในก่อนเสมอ เราเลยท้อมาก เงินเดือน 9,000 เราต้องขับรถไปกลับรวม 60 กิโล เพราะต้องดูแลสวนผลไม้ประมาณ 20 ไร่ แต่ผลผลิตยังไม่มากนัก เดือนนึ่งค่าน้ำมัน 3,000 ค่าผ่อนรถ 5,000 ยังไม่รวมกินใช้ ค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน อีกแฟนเราทำงาน บริษัท เงินเดือน 10,000 ค่าใช้จ่ายที่บ้าน ค่าบัตรเครดิต รวมแล้วเราเหลือเงินกินใช้กันรวมสองคน 2- 3 พัน/เดือน เราเลยจะตัดสินใจหางานใหม่ ซึ่งสัมภาษณ์ผ่านแล้ว เงินเดือนสตาร์ท 13,000 ทำฝ่ายบัญชี ( เป็นบริษัทอะไหล่ยนต์ บจก.ศิเทค) พอพ่อเรารู้คือโกรธมากกก ด่าเราสารพัด ว่าเราทำไมไม่รอ รอไป 10-20 ปี เดี๋ยวเค้าเมตตาบรรจุได้ ทำงานบริษัทเดี๋ยวก็เจ้งปิดตัว ตกงานทำไง เงินไม่พอใช้ก็คืนรถไป ขี่มอไซค์ไปกลับเอา ไม่ก็ไม่ต้องไปอยู่กับผั*กลับมาอยู่บ้าน เข้าใจพ่อนะ คนอายุ 70+ เค้าจะเข้าใจว่างานหลวงคือมั่นคง ทำได้จนแก่ แต่เรากับแฟนไม่ได้คิดจะทำงานจนแก่อยู่แล้วกะว่าทำงานที่เงินเยอะๆ เก็บได้สักก้อน อีก 4 - 5 ปีทุเรียนที่ลงจะได้ผลผลิตแล้ว (ลงไว้500ต้น) อธิบายไปเค้าไม่เข้าใจ คือทำไงก็ได้จะให้ทนอยู่งานหลวงเพราะเค้าภูมิใจที่เวลาคนถามว่าลูกทำงานที่ไหน ตอบว่าที่หน่วยงานนี่ๆ ภูมิใจกว่าบริษัท แต่เราเงินไม่พอกินเลยไหนจะลูกอีก ไม่มีเงินเก็บใช้เดือนไม่ชนเดือนด้วยซ้ำ ต้องทำงานเสาร์อาทิตย์เลิก ห้าทุ่ม มา 2 ปีแล้วที่ไม่ได้หยุดงานเลยสักวัน เหนื่อย ล้ามากค่ะ เลยทนไม่ไหวคิดว่าจะหางานใหม่ ที่ได้เงินเพิ่มอย่างน้อยหยุดอาทิตย์ละวันก็ยังดี ตอนนี้ไม่อยากคุยกับพ่อเลย อธิบายเท่าไหร่เค้าก็ไม่เค้าใจจะให้อดทนและรออย่างเดียว เค้าว่าอดทน 10 ปี 20 ปี 30 ปี เดี๋ยวเค้าก็เห็นใจ แล้วคือลูกเราโตขึ้นทุกวัน เห้อออ
ใครเคยถูกครอบครัวกดดันบ้าง ????