JJNY : 5in1 เชื่อมีทางออก│สมชัยยกนิ้วให้กกต.│'ซูซูกิ'แจ้งปิดโรงงานผลิต│เชื่อปลายปี ลดดอกเบี้ย│มาเลเซียร้องสมานฉันท์

พรรณิการ์ เชื่อศาลรธน.มีทางออก ไม่ต้องล้มเลือกสว. ยันมีขบวนการ 3 ล้มจริง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8275147

พรรณิการ์ ยัน มีขบวนการ 3 ล้มจริง ลั่นประชาชนไม่ยอมแน่ หนุนเดินหน้าเลือก สว. เชื่อศาลรัฐธรรมนูญมีทางออก ไม่จำเป็นต้องล้มกระดาน ชี้ต้องแก้ที่ระเบียบ
 
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2567 น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์รายการ ‘อยากมีเรื่องคุย’ ของข่าวสดออนไลน์ กรณีมีสว.ออกมาแฉ ขบวนการ 3 ล้ม คือ ล้มรัฐบาล ล้มการเลือกสว. และยุบพรรคก้าวไกล ว่า ฝั่งผู้มีอำนาจไม่สบายใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น คะแนนนิยมพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้น คะแนนนิยมรัฐบาลลดลง และการขาดผู้นำฝั่งอนุรักษ์นิยม
 
ต้องยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ เป็นผู้นำที่ฝั่งอนุรักษ์นิยมยอมรับนับถือมาก สร้างคะแนนนิยมได้เป็นปึกแผ่น และเมื่อมองระบบการเลือกสว. ที่เหมือนจะคุมสว.ชุดใหม่ไม่ได้เบ็ดเสร็จ เหมือนสว.ชุดที่แต่งตั้งโดย คสช.
 
ฉะนั้น สว. 250 คนที่หมดวาระไปแล้ว และ สว. 200 คน ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ไม่มีทางที่จะดีกับฝั่งอนุรักษ์นิยมเท่ากับชุดเดิม จึงรู้สึกอยากล้มกระดาน คำถามคือกล้าล้มจริงหรือไม่
 
มีความไม่สบายใจอยู่จริง ฝั่งอนุรักษ์นิยมวิตกกังวลมากกับสถานการณ์ที่บานปลายมาจากการเลือกตั้ง ปี 2566 และคะแนนนิยมพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงจุดที่เขารู้สึกว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องใช้ยาแรงในการหยุดทุกอย่างเอาไว้ และเซ็ตซีโร่เลย นั่นคือขบวนการ 3 ล้มดังกล่าว ซึ่งถ้าจะเอากันอย่างนั้นจริงๆ ก็แตกหัก ประชาชนไม่น่าจะยอมอีกต่อไป” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
 
เมื่อถามกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับวินิจฉัย 4 มาตราของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ.2561 ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิธีการเลือก สว.ทั้งระดับอำเภอ ระดับจังหวัดและระดับประเทศ ว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่ โดยคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) มีการประชุมเรื่องดังกล่าว และมติเอกฉันท์ ไม่เลื่อนการเลือกสว. ในระดับอำเภอ ในวันที่ 9 มิ.ย. ออกไป น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า การที่กกต.ไม่เลื่อนการเลือกสว. ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ออกไป มองได้ 2 มุม
 
มุมแรก คือ กกต.ไม่กล้าเลื่อน เพราะเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากจะเลือกในอีก 2 วันข้างหน้าอยู่แล้ว อีกมุมหนึ่ง หากมองโลกในแง่ร้าย มีความน่ากังวลที่กกต.ไม่เลื่อน คือ คดีคาอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ กระบวนการทั้งหมดยังดำเนินต่อไป ถ้าศาลวินิจฉัยว่ากระบวนการนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หมายความว่าต้องล้มกระบวนการเลือก สว. แล้วเลือกใหม่หรือไม่ และถ้าล้มแล้วเลือกใหม่จะทำอย่างไร
 
ตอนนี้มีคำถามว่า จะล้มหรือไม่โดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ดิฉันคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหญ่มาก และประชาชนจะรู้สึกเหมือนเป็นการมินิรัฐประหารโดยตุลาการ ซึ่งไม่คุ้มกันกับสถานการณ์ที่ตอนนี้ประชาชนรู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว ไม่นับว่าอีกประมาณ 1 เดือน จะมีคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล
ฉะนั้น ถ้ามองแง่ร้ายสุดๆ ถ้าจะลงดาบกันต่อเนื่อง คือ ล้มเลือกสว. และยุบพรรคก้าวไกล เซ็ตซีโร่ใหม่หมด คุมเบ็ดเสร็จ นี่จะเทียบเท่าสถานการณ์
รัฐประหาร ถ้ามีการล้มสว.จริงๆ และต่อด้วยยุบพรรคก้าวไกล คิดว่าจะพาสถานการณ์ไปสู่จุดแตกหักโดยไม่จำเป็นสำหรับผู้มีอำนาจ” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
 
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า การเลื่อนเลือกสว. เสียหายมากจริงๆ เพราะการเลือกสว.เกิดขึ้นทั่วประเทศ ผู้สมัครสว.จำนวนมากเดินทางไปรอจุดที่ตัวเองสมัครแล้ว ถ้าเลื่อนจะสร้างความเสียหายต่อผู้สมัคร 46,000 คนเยอะมาก ดังนั้น ไม่ควรจะเลื่อน เพราะอีก 2 วันก็เป็นวันเลือก สว. แล้ว
 
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญมีทางออกอยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่า ถ้าศาลวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ จะต้องล้มการเลือกสว.ไปเลย ยังมีทางที่จะแก้ไขได้ เช่น การแก้ระเบียบ คือ ระเบียบผิด ไม่ใช่กระบวนการผิด โดยแก้ที่ระเบียบ ส่วนกระบวนการเลือกสว.ยังคงดำเนินต่อไป
 
ยืนยันว่ามีความพยายาม ตอนนี้กำลังคิดกันหัวแทบแตก เอาเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผากคิดว่าจะทำอย่างไรให้ สว.ชุดเก่าอยู่ยาว ทั้งนี้ ถ้ากกต.หรือองค์กรใดๆ พยายามใช้ช่องทางใดๆ ก็ตามในการประวิงเวลาการได้มาซึ่ง สว.ชุดใหม่ ออกไป ดิฉันคิดว่าความชอบธรรมขององค์กรของท่านก็จะลดต่ำลงอย่างมีนัยยะสำคัญ” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว



สมชัย ยกนิ้วให้ 7 เสือ กกต. กล้าหาญตัดสินใจ อย่างเอกฉันท์ ไม่เลื่อน เลือกส.ว.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4615638

สมชัย ยกนิ้วให้ 7 เสือ กกต. กล้าหาญ ตัดสินใจอย่างเอกฉันท์ ไม่เลื่อน เลือกส.ว.

จากกรณีที่ คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติเอกฉันท์ ไม่เลื่อนการเลือกส.ว. หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับวินิจฉัย 4 มาตรา ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.2561 ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการเลือก ส.ว. ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่ โดย นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ยันยังไม่มีเหตุจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะทำให้การเลือก ส.ว.ต้องเลื่อนออกไป ล่าสุด นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต. ได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า 
 
ต้องชมความกล้าหาญในการตัดสิน ของ กกต. 7 คน ที่ลงมติเอกฉันท์ ไม่เลื่อนเลือก สว. ครับ
  
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0uK1TuXZovrqkuEM7FXU3PEjFxLvyjTx1rXkp5XAU4Yne7M7YYcZnZ2q38jYsPA4zl
  

 
'ซูซูกิ' แจ้งปิดโรงงานผลิตในไทย ภายในสิ้นปี 68
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/403212

ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศถึงการตัดสินใจยุติการผลิตที่โรงงานผลิตรถยนต์ของบริษัทในเครือในประเทศไทย “บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์
(ประเทศไทย) จำกัด” (ซึ่งต่อไปนี้จะถูกเรียกว่า SMT) ภายในช่วงสิ้นปี พ.ศ.2568 โดยการ ตัดสินใจในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทบทวนโครงสร้างการผลิตของซูซูกิทั่วโลก

ตามที่รัฐบาลไทยได้มีการส่งเสริมการลงทุนรถยนต์อีโคคาร์ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 ในเวลาดังกล่าวชูซูกิได้สมัครเข้าร่วมโครงการและก่อตั้ง SMT ขึ้นในปี พ.ศ.2554 ซึ่งหลังจากที่ได้รับการอนุมัติจึงได้มีการเริ่มดำเนินการผลิตขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 เป็นต้นมา โดยสามารถผลิตและส่งออกได้มากถึง 60,000 คันต่อปี ทั้งนี้ ด้วยการส่งเสริมความเป็นกลางทางคาร์บอนและการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของทั่วโลก ซูซูกิได้มีการพิจารณาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในระดับโลก จึงได้ตัดสินใจยุติการดำเนินการของโรงงาน SMT ภายในช่วงสิ้นปี พ.ศ.2568 นี้

แม้จะมีการยุติการดำเนินการของโรงงานในประเทศไทย แต่ SMT จะยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจในการจำหน่ายและให้บริการหลังการขาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทยต่อไป ซึ่งจะมีการปรับแผนธุรกิจเป็นการนำเข้ารถยนต์จากโรงงานใน ภูมิภาคแถบอาเซียน รวมถึงประเทศญี่ปุ่นและประเทศอินเดีย

นอกจากนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนและให้สอดคล้องในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนตามนโยบายของภาครัฐ บริษัทฯจะมีการแนะนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆ รวมถึง HEVS เข้าสู่ตลาดในอนาคตด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ บริษัท ซซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งเมื่อสิงหาคม พ.ศ.2554 โดยเริ่มทำการผลิต มีนาคม พ.ศ.2555 มีโรงงานตั้งอยู่ที่อำเภอปลวกแดง  จังหวัดระยอง มีรุ่นรถยนต์ที่ทำการผลิต Swift, Ciaz, Celerio ยอดการผลิต (ปีงบประมาณ 2566) จำนวน 7,579 คัน ยอดขายภายในประเทศไทย (ปีงบประมาณ 2566) มีจำนวนทั้งสิ้น 10,807 คัน (ภายในประเทศไทย) และส่งออก 1,272 คัน

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/xJ-2XIIX5s0
 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

นักเศรษฐศาสตร์ เชื่อปลายปีแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยลง 0.25% หนุนศก.ฟื้น
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/403210

นักเศรษฐศาสตร์ มองอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 13 เดือน ไม่น่ากังวล และเชื่อปลายปีมีโอกาสเห็นแบงก์ชาติ ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

โดยนายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า เงินเฟ้อเดือนพฤษภาคม ที่ขยับขึ้น 2 เดือนติดต่อกัน และสูงสุดในรอบ 13 เดือน ไม่ได้เป็นตัวเลขที่เหนือความคาดหมาย

ซึ่งมาจาก 3 ปัจจัย คือ จากฐานต่ำในช่วงเดียวกันปีก่อน ภาครัฐชะลอการอุดหนุนด้านพลังงาน ทำให้เงินเฟ้อขยับเป็นบวก และภาวะภัยแล้ง ทำให้ราคาสินค้าเกษตร และ อาหารมีการปรับตัวสูงขึ้น ดันเงินเฟ้อสูงตามไปด้วย ซึ่งยังไม่น่ากังวล เพราะเป็นปัจจัยทางเทคนิคจากฝั่งอุปทาน แต่ยังไม่เห็นสัญญาณจากฝั่งอุปสงค์ หรือ กำลังซื้อของประชาชน ที่ยังชะลอตัวจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และมองว่าในช่วงปลายปี มีโอกาสที่จะเห็นแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ขณะที่เงินเฟ้อในช่วงครึ่งปีหลัง มองว่ามีโอกาสขยับขึ้นเป็น 2% จากกำลังซื้อของประชาชนที่เริ่มกลับเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง
 
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/W6CKQHpCNZ4

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่