เหงาให้สุดแล้วหยุดที่เกาะช้าง @ระนอง (3-4 พ.ค.67)

สถานที่ท่องเที่ยวดีดีที่นกอีก๋อยไม่อยากให้คุณไป เม่าเซย์โน
ด้วยเหตุผลหลักๆ 2 ข้อ
 1. ไม่อยากให้ไปรบกวนนกเงือก
2. ไม่อยากให้คุณเหงา

+++ หลายรีวิวเตือนมาว่าเกาะช้างไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ ถ้าจะไปไปเกาะพยามดีกว่า (ชอบเรียกผิดว่าเกาะพยายาม...อิอิ) +++

เพี้ยนเบลอ
+++ นี่ไม่นับรวมบริษัทขายตั๋วเรือยังเข้าใจว่านกอีก๋อยกับอ้ายกากจะไปเที่ยวเกาะพยาม จึงบุ๊คเรือสปีดโบ๊ทไปเกาะพยามให้เฉยเลย..+++
“เอิ่ม จะไปเกาะช้างน่ะจ้ะ”  ได้ยินดังนั้นคนขายตั๋วรีบเปลี่ยนตั๋วให้ก่อนที่เรือจะมา..+++


เพี้ยนสายแล้ว...แต่สุดท้ายจองเรือบ่ายสองโมงได้ออกเดินทางจริงสี่โมงเย็น เพราะเรือติดหล่มจึงต้องรอจนกว่าน้ำขึ้นแล้วจึงจะเอาเรือออกได้ ... 

// นี่เลย สถานการณ์เรือโดยสารที่ยังไม่สามารถขยับออกจากท่าได้เพราะต้องรอจนกว่าน้ำจะขึ้น..ฮือออๆๆๆๆ ///
//// น้ำขึ้น..เตรียมออกเดินทาง ตอนนั้นเวลาก็ปาเข้าไปบ่ายสามกว่าๆ.. Facepalm
ฮึบ ฮึบ ฮึบ เรือดันตัวออกจากฝั่งจนโคลนตีขึ้นมาดำครึดไปหมด...//// 
 

/// ในที่สุดเรือออกตัวและหันหน้าสู่เกาะช้าง..ชมวิวสองข้างทางอย่างเพลิดเพลิน..///

+++ บนเกาะช้างมีประชากรประมาณสามร้อยกว่าคน ซึ่งเกินกว่าครึ่งเกาะเป็นชาวพม่า อาชีพหลักคือการทำสวน ประมง นอกนั้นก็จะมีธุรกิจรีสอร์ทบ้างประปราย +++

+++ และนกอีก๋อยเพิ่งรู้เมื่อไปถึงเกาะว่ามีหน่วยทหารประจำการอยู่เพื่อดูแลและเฝ้าระวังน่านน้ำด้วย เนื่องจากทะเลฝั่งอันดามันนี้อยู่ระหว่างน่านน้ำไทยและน่านน้ำพม่านั่นเอง +++


เม่าเหม่อ


+++ การเที่ยวเกาะช้างในช่วงฤดูแล้งฟังดูประหลาดสำหรับคนท้องที่ “ไม่มีใครเค้าเที่ยวกันหรอก” รีสอร์ทหลายแห่งจำเป็นต้องปิดรับนักท่องเที่ยวเพราะน้ำจืดที่ใช้อุปโภคบริโภคบนเกาะมีจำกัด +++
+++ ฤดูท่องเที่ยวจริงๆ จะเริ่มประมาณเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ซึ่งชาวบ้านบอกว่าคึกคักเอาเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะที่มีฝรั่งตาน้ำข้าวมาเที่ยวพักผ่อนหาความสงบกันแน่นทุกปี (จะจริงป่าวไม่รู้เลย 555) +++ 



+++ แต่ก่อนจะไปชมภาพบรรยากาศเหงาๆ บนเกาะช้าง เรามาเริ่มที่การเดินทางไปเกาะช้างกันก่อนดีกว่า +++ 

เพี้ยนแช๊ะเพี้ยนแช๊ะเพี้ยนแช๊ะ

+++ การเดินทางไปเกาะช้าง สามารถนั่งเรือไปได้เท่านั้น โดยมีเรืออยู่ 2 อย่าง คือแบบแรกเรือโดยสาร ซึ่งถ้าจะให้เปรียบก็จะเป็นรถเมล์แบบไม่มีแอร์ประมาณนั้น เรือโดยสารแบบนี้ก็จะนั่งได้ประมาณ 35-40 คน (รวมคนเรือ) กับเรือแบบที่สอง “เรือสปีดโบ๊ท” นั่งได้สัก 15-20 คน (รวมคนขับและเด็กเรือ) +++

+++ เรือประเภทแรก เรือโดยสารสาธารณะ มันก็คือเรือบรรทุกที่ขนของได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของ (รถจักรยาน, จักรยานยนต์, รถพ่วง, ของกินของใช้ทุกสิ่งอย่าง) ซึ่งเรือนี้จะออกจากท่าแค่วันละ 2 รอบ คือเช้ากับบ่าย เช่นเดียวกันกับขากลับเข้าฝั่งก็จะเป็นเช้ากับเที่ยง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-1.5 ชม. ค่าโดยสารคนละ 200 บาท/ รอบ สามารถจ่ายค่าโดยสารบนเรือได้ถ้าขี้เกียจจองล่วงหน้า เรือโดยสารนี้เหมาะกับสายชิลประเภทถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง..แต่ถ้าเรื่องความปลอดภัยก็น่าจะเกิน 85% ถ้าไม่มีเรืออะไรมาวิ่งชนซะก่อนนะจ๊ะ +++
  
เพี้ยนแคปเจอร์
+++ เรือประเภทหลัง หรือสปีดโบ๊ท = เรือที่วิ่งไป-มาคึกคักที่สุดในน่านน้ำ เพราะจะมีรอบออกตั้งแต่เช้ายันเย็น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-45 นาทีเท่านั้น ค่าโดยสาร 350 บาท/ คน เหมาะกับคนที่ขี้เกียจรอนานและต้องการทำเวลา +++ 


++ สำหรับนกอีก๋อยก็ขอลองนั่งทั้งสองแบบเลยจ้า ขาไปนั่งเรือโดยสารสาธารณะ ส่วนขากลับลองนั่งสปีดโบ๊ท..ความสำราญมันต่างกันจริงๆ นะ เรือโดยสารสาธารณะเราจะได้ดื่มด่ำไปกับธรรมชาติสองข้างทางแบบฉ่ำๆ กับช่วงเวลาที่ยาวๆ เกือบสองชั่วโมง ได้ชมวิถีของคนพื้นที่ที่ส่วนใหญ่ก็จะใช้เรือแบบนี้แหละสัญจรไปมาระหว่างเกาะ++
 
++ แต่ถ้าเป็นสปีดโบ๊ทมันก็ร่นเวลาไปได้เยอะ..เฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้ว..มาเร็วเคลมเร็ว สรุปดีไปคนละแบบ อยู่ที่ความชอบและกำลังทรัพย์ที่มี ++


/// ถ้าเห็นบรรยากาศแบบนี้ นี่คือท่าเรือที่จะต้องมารอเรือจ้า..สามารถเดินทางไปได้ทั้งเกาะพยาม และเกาะช้าง///
+++ ถ้าขับรถไปเองก็ไปหาฝากรถได้ตามท่าและบริษัทจองตั๋วเรือต่างๆ ได้เลย +++ 

/// ระหว่างรอเรือก็หาอะไรกินดับร้อน..ไอศกรีมเจ้านี้จะมาขายที่ท่าเรือเป็นประจำ อร่อยไม่แพ้ไอศกรีมเจ้าดังจ้า...///

/// ด้วยความกลัวว่าจะหาผลไม้กินไม่ได้..ก็ซื้อส้มโชกุนติดมือไปสักหน่อย...แต่พวงสตอที่เห็นนั้นน่าจะเป็นสินค้าที่ชาวเกาะซื้อกลับไป wink ///
 

พาพันปั่นจักรยาน
 

/// ส่วนนี่เป็นบรรยากาศในเรือโดยสารที่แอบเก็บมาได้นิดหน่อย ///
เพี้ยนออกทริป

+++ ขึ้นเกาะไปแล้ว จะไปที่พักยังงัย??...แนะนำให้ติดต่อรีสอร์ทเท่านั้นเพราะการเดินทางจากท่าเรือไปตามที่พักต่างๆ ค่อนข้างไกล และด้วยความที่เราไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาสักเท่าไหร่ เลยต้องใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งคิดเรทต่อคนละ 120 บาท (แอบคิดในใจว่าแพงไปหน่อย แต่ก็ราคานี้ทั้งนั้น)  +++
 
+++ จากท่าเรือไปรีสอร์ที่นกอีก๋อยจองมาคือที่เกาะช้างรีสอร์ทก็ประมาณ 4 กม. ผ่านสวนยาง ผ่านบ้านผ่านร้านรวง ผ่านป่าผ่านสวน จนมาถึงรีสอร์ท..ซึ่งลองถาม Reception ก็ว่าวันนั้นมีนักท่องเที่ยวทั้งหมดรวม 7 คนถ้วน เหงาชะมัด แต่ก๋อยกลับชอบแฮะ เหมือนกับว่าเกาะนี้เป็นของเราเลย +++

+++ เหงาขนาดไหนไปชมบรรยากาศกัน..คิดว่าช่วงก่อน High season คงได้ทยอยปรับปรุงภูมิทัศน์บ้าง +++

++ ด้วยความที่มองเรื่องที่ไม่ธรรมดาเป็นเรื่องธรรมดา นอกจากนี้นกอีก๋อยคิดว่ามันก็ดีไม่น้อยที่เราไม่ต้องแย่งกินแย่งใช้อะไรกับใคร ที่สุดของเกาะนี้คือการเข้าใจความจริงของชีวิตว่าวันหนึ่งเราก็ต้องอยู่กับตัวเอง ซึ่งมันดีมากๆ.. ++

++ บนเกาะมีสัญญาณโทรศัพท์ให้เราได้โทรติดต่อกลับไปที่บ้านแบบไม่ต้องกังวลอะไร แต่มันเหนือกว่าตรงที่เกาะนี้เหมือนจะเป็นเกาะส่วนตัวจริงๆ ++ 

++ เหนือไปกว่าเรื่องความงดงงามของเกาะคือที่เกาะช้างนี้เราสามารถนั่งดูนกเงือกในระยะ 5-10 เมตร ++
*** นกเงือกคือนกที่รักความสงบอย่างยิ่งยวด..555 ***
++ มีต่ออีกนิดหน่อยจ้า ++
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่