นิยายแฟนตาซีตลก : ศึกแมวส้ม ถล่มแมวสลิด พิชิตศาลพระภูมิ ตอนที่ 2



             "อ้าว..."ส้มสู้" วันนี้เดินมาถึงตรงนี้เลยหรือเนี่ย...ฉันได้ยินเสียงหมามันร้องดังลั่น นึกว่ามีกัดกันเสียแล้ว พอว่างงานละเลยรีบออกมาดู...เผื่อมีตัวไหนบาดเจ็บ

            “เฮ้อ...ทำไมถึงชอบทำร้ายกันอยู่เรื่อยเลย ดีนะ มันไม่กัดเธอไปด้วย อ้าว...กลัวฉันกันหงออีกแล้ว...เฮ้อ...อาการแบบนี้เป็นกันทุกทีเลย...เมื่อไหร่จะชินกันเสียทีนะ...ทั้งๆที่ฉันไม่เคยทำร้ายพวกเธอเลยแท้ๆ...แต่พวกเธอก็ยังกลัวฉันลนลานทุกที..."

             หญิงสาวพูดขึ้นมาเบาๆ อย่างที่รู้ว่าที่จริงแล้วสาเหตุมันเป็นเพราะอะไร...ตัวของเธอเองนั้นเคยได้คุยกับคนๆหนึ่ง ที่มีความสามารถในการ "พูดคุยกับสัตว์" ได้ นั่นทำให้เธอรู้ว่า ในสายตาของสัตว์โลกทั้งหลายนั้นจะมองเห็นภาพของเธอมีจิตวิญญาณที่ปะปนไปด้วย วิญญาณของ "พยัคฆ์เจ้าป่า" อยู่ ทำให้ภาพที่สัตว์พวกนี้มองดูเธอนั้นพวกมันก็จะเห็นว่าที่ตัวของเธอปกคลุมด้วยไอวิญญาณของมนุษย์ และ "พยัคฆ์เจ้าป่า" ที่ปะปนกันอยู่อย่างไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ไม่เหมือนกับที่มองไปยังผู้คนอื่นๆ...หญิงสาวได้แต่เก็บความเสียใจเมื่อนึกถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมาให้อยู่ในส่วนลึกของหัวใจ เพราะมันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เพราะถ้าเธอไม่รับพลังอาถรรพ์ของ "สมิง" เข้าไปอยู่ภายในร่างแบบนี้ เธอเองที่เคยเป็นคนที่มีร่างกายอ่อนแอ จากโรคร้ายที่การแพทย์ในปัจจุบันยังยากที่จะรักษา อาจจะไม่มีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ก็ได้  หญิงสาวรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาบนแผ่นหลัง ซึ่งมีรอยสักรูปใบหน้าของพยัคฆ์เจ้าป่าเล็กๆสลักเอาไว้ โดยฝีมือของคุณพ่อของเธอเอง ที่บัดนี้เมื่อคุณพ่อของเธอได้ทำภารกิจอันนี้สำเร็จแล้ว ในฐานะของหมอไสยเวทย์ เขาก็ได้เข้าไปสู่ร่มกาสาวพักตร์และกลายเป็นพระธุดงค์ไปจนถึงในทุกวันนี้ ทั้งนี้เพื่อที่จะมอบสิ่งที่เป็นกุศลผลบุญทั้งหมด ให้แก่ "ลายน้อย" เสือที่เคยได้อุ้มชู เลี้ยงดูกันมา จนมันแก่เฒ่า และตายไป 
 
              แต่แทนที่จะเจ้า “ลายน้อย” จะได้ไปผุดไปเกิดตามวงจรวัฏจักรของสัตว์โลกในห้วงของกรรมตามปกติ คุณพ่อของเธอนั้นกลับจำเป็นต้องใช้ไสยเวทย์ตามตำราลับ ดึงเอาจิตวิญญาณของ "ลายน้อย" มาอยู่ในตัวของเธอแทน นั่นจึงถือว่าเป็น "บาปกรรม" ที่มากมิใช่น้อยเลย ที่ไปฉุดรั้งกักขังวิญญาณของผู้อื่น แต่ทั้งหมดนั้นเขาก็ทำไปเพื่อรักษาชีวิตลูกสาวของตัวเองเท่านั้นเอง นั่นเป็นที่มาที่ทำให้พ่อของหญิงสาวนั้นต้องออกไปบวชเป็นพระภิกษุ ที่วัดป่าห่างไกลผู้คนเพื่อเป็นการทำกุศลอันยิ่งใหญ่เพื่อตอบแทนให้แก่เจ้า "ลายน้อย" นั่นเอง 

             ดังนั้นนานๆทีถึงจะได้มีโอกาศได้กลับมาเยี่ยมเยียนลูกสาวของตัวเองซักครั้ง ซึ่งเพราะเหตุนี้เอง เมื่อหญิงสาวนั้นได้กลายเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งอสูรไปแล้ว อาการที่ทำให้ตัวเองรู้สึกควบคุมร่างกายและสติได้ลำบากแบบนี้มักจะเกิดมีอาการขึ้นมาเมื่อเธอนั้นเกิดความสับสนในใจ หรือสติไม่มั่นคงพอ ไม่ว่าจะเกิดจากความเศร้า,ความโกรธ หรือความสับสนใดๆก็ตาม อารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเหล่านี้นั้นล้วนมีอิทธิพลสำหรับตัวของเธอทั้งนั้น หญิงสาวได้ยกมือขึ้นมาดูและได้มองเห็นมือของตัวเองในชั่วขณะหนึ่งนั้น มีอาการเกร็งของฝ่ามือและมีขนที่งอกยาวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับลวดลายที่ปรากฏขึ้นที่มือ แต่เมื่อเธอสงบจิตใจได้ดีขึ้นแล้ว อาการเหล่านี้ก็ได้หดหายไปจนกลับมาเป็นเหมือนคนปกติ

             หญิงสาวนั้นได้จ้องมองไปที่เจ้าแมวตัวสีส้มอีกครั้ง...พลางคิดถึงความมหัศจรรย์อยู่เรื่องหนึ่งที่นับเป็นเรื่องน่าประหลาดสำหรับเธออยู่เหมือนกัน ที่เมื่อไม่นานนี้ เธอเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองนั้นสามารถสื่อสารกับสัตว์ประเภทแมวได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ เพียงเพราะหลังจากที่เธอได้พบกับผู้หญิงชาวต่างชาติที่มีผมสีทองและสวยอย่างน่าประหลาดคนหนึ่ง ซึ่งได้หยิบยื่นเอาสร้อยคอที่มีลักษณะของอัญมณีอันเล็กๆที่สวยงามห้อยเป็นเครื่องประดับอยู่ และผู้หญิงผมทองที่แสนสวยนั้นก็ได้หยิบยื่นสิ่งนั้นเอาไว้ให้กับเธอได้เป็นเจ้าของ  ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าแปลกที่จริงๆแล้ว ตามวิสัยและมารยาทของมนุษย์โดยปกติ เธอควรจะต้องปฏิเสธการรับสิ่งของใดๆจากคนที่ก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแบบนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลก ที่เธอกลับไม่ปฏิเสธการรับของสิ่งนี้เลยแม้แต่น้อย 

             จนเหมือนกับว่าในขณะนั้นเธอเองกำลังอยู่ใน "ภวังค์"ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ด้วยซ้ำไป รู้สึกตัวอีกที สร้อยคอเส้นนี้ก็ได้แขวนอยู่ที่คอของเธอพร้อมกับการส่งแสงเรื่อเรืองเรียบร้อยแล้ว และที่ยิ่งน่าแปลกก็คือเธอรู้สึกว่า "ไม่อยากจะถอด" มันออกโดยเด็ดขาด ครั้นจะหยิบยื่นคืนให้กับเจ้าของเดิม ก็ปรากฏว่าผู้หญิงคนที่มีผมสีทองแสนสวยคนนั้นก็ได้อันตรธานหายไปเสียแล้ว ซึ่งก็เหมือนจะหายไปในตอนที่เธอกำลังตะลึงจ้องมองสร้อยคอที่แสนสวยอันนี้นี่เอง ซึ่งเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยากว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร อย่างไรก็ตามหลังจากที่เธอได้รับสร้อยคอเส้นนี้มาแล้ว เธอกลับรู้สึกว่าการควบคุมตัวเองของเธอนั้นดีขึ้นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

            จากที่บางทีนั้นมีอารมณ์สับสนเพียงเล็กน้อย การกลายร่างเป็นอสูรสมิงซึ่งทำให้เธอนั้นรู้สึกควบคุมตัวเองลำบาก บางครั้งก็ส่งผลกระทบต่อร่างกายตัวเองต่างๆนานานั้นก็จะเริ่มขึ้น แต่ตั้งแต่ได้สร้อยคอเส้นนี้มานั้น เดี๋ยวนี้การกลายร่างของเธอนั้นก็ลดลงมากแล้ว และยิ่งในช่วงคืนวันเพ็ญที่พลังของความเป็น “สมิง” นั้นจะรุนแรงเป็นพิเศษ ทำให้เธอต้องอยู่ในสภาพของมนุษย์อสูรอยู่เป็นเวลายาวนานนั้น บัดนี้อาการก็ค่อนข้างทุเลาลงมาก สามารถข่มตานอนหลับลงได้ในห้องที่เธอขังตัวเองนั้นได้ดีขึ้น แต่เพื่อความไม่ประมาทเธอเองก็จะยังขังตัวเองอยู่เหมือนเดิมเพื่อความปลอดภัยของคนในบ้านของเธอ ซึ่งก็คือคุณลุงกับคุณป้าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลนั่นเอง และถ้าเธอเผลอสติมากเกินไป แล้วหลุดออกไปเดินเพ่นพ่านอยู่ด้านนอกบ้านก็คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ซึ่งพอนึกถึงเรื่องนี้นั้น เธอเองก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาได้ประมาณหนึ่งที่ชีวิตของเธอที่ดูเหมือนจะมีเคราะห์กรรมอันมหาศาลนั้นค่อยดูจะมีความสุขขึ้นมาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว 

(เดี๋ยวว่างๆมาลงให้เรื่อยๆจ้า)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่