กระทู้นี้ไม่มีภาพครับ เน้นเล่าเรื่องอย่างเดียว
จขกท.ไปเที่ยวเกาะเสม็ดตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2527
ตั้งแต่ยังเรียน ม.ปลาย ก็นัดกับเพื่อนๆ ในกลุ่มนั่งรถทัวร์ที่เอกมัยไปเที่ยวกันแล้ว
บางปีเราไปเที่ยวเสม็ดกัน 4-5 ครั้ง คิดอะไรไม่ออกก็ไปเสม็ด
กีตาร์ตัวนึง หม้อสนาม มาม่า ขนมปัง เสื้อผ้า 2 ชุด เงิน 2-300 บาท
เที่ยวเสม็ดส่วนใหญ่พวกเราจะไปนอนกัน 2 คืน
ตอนนั้นมีเงินสดในตัว 200 บาท ไปเที่ยวเกาะเสม็ดได้ครับ
ค่ารถทัวร์จากเอกมัยไปกลับ ผมจำได้คร่าวๆ เท่านั้นว่าประมาณ 6-70 บาท
ลงรถที่บ้านเพแล้วต้องไปจองเที่ยวกลับเลย
ค่าเรือข้ามเกาะ ผมไม่แน่ใจว่า 30 บาทไปกลับ หรือ ไป 30 กลับ 30 (น่าจะ 30 ไปกลับ)
แต่เป็นเรือประมง (ตังเก) ดัดแปลง
จุดลงเรือมี 2 อ่าวคือ อ่าววงเดือนและ หาดทรายแก้ว
เหมือนกับจะมีค่าเหยียบเกาะด้วยนะ มี จนท. กรมป่าไม้เดินเก็บ
พวกเราชอบไปขึ้นเกาะกันที่หาดทรายแก้วมากกว่า เพราะเงียบสงบ
ติดกันเป็นอ่าวไผ่ อ่าวทียน (แสงเทียน) เวิ้งอ่าวเล็กๆ ฝรั่งชอบมานอนอาบแดด
และเป็นตำนานในการไปแอบดูนมสาวฝรั่ง ตามประสาวัยรุ่นยุค 80 ที่แทบจะไม่มีสื่อฯ ลามกเลย
บางคนตั้งอกตั้งใจมากในการไปดูด้วยตาเนื้อให้ได้ 555 แต่ไม่มีใครเสียมารยาทถึงกับแอบถ่ายภาพหรือเอากล้องไปส่องนะ
ที่พัก ส่วนใหญ่บ้านพักชาวบ้านทำกันเองราคาจะประมาณ 3-400 บาท
กระต็อบมุงจากที่ฝรั่งแบคแพคฯ ชอบเช่าหลังละ 50 บาท อาบน้ำบาดาลกร่อยๆ
แต่พวกเราแล้วแต่อัธยาศัย ส่วนใหญ่พวกเรามีเงินพอจะรวมๆ กันเช่า 1 ห้อง
เก็บของ ให้เพื่อน ผญ.นอนกัน ส่วนพวกเรา ผช. บางคนก็นอนนอกชานเรือน
และมีบางคนชอบ (มาก) ไปนอนชายหาดกัน
เรื่องอาหาร ก็แพงตามเหตุนั่นแหละเพราะทุกอย่างต้องขนมากจากแผ่นดินใหญ่
น้ำดื่มขวดขุ่น จำได้ลางๆ ว่าน่าจะ 10 บาท ปี 27-33 นะ
อาหารจานเดียว ข้าวกระเพรา ข้าวผัด 30 บาท ยืนพื้นเลย
(ในขณะที่ กทม. บ้านเพ อย่างมากก็ 15 บาท)
เกาะเสม็ดสมัยนั้น น้ำทะเลไสแจ๋ว หาดทรายขาวสะอาด ยังกะแป้ง
มองลงไปในทะลมีปลาเล็กปลาน้อยเต็มไปหมด คนว่ายน้ำเข็งๆ นี่สวรรค์เลย
เป็นความทรงจำที่สวยงาม เราเที่ยวกันแบบนี้จนเรียนจมมหาลัยกันทุกคน
ประมาณปี 2533 เกาะเสม็ดก็ยังไม่เปลี่ยน แต่พวกเราเริ่มทำงานมีภาระกันแล้ว เลยหยุดไปโดยปริยาย
(หลังจากนั้นไม่นาน สภาพการท่องเที่ยวเกาะเสม็ดก็เปลี่ยนไปแบบไม่น่าเชื่อ เคยพาครอบครัวไปมาครั่งหนึ่งราว 10 กว่าปีที่แล้ว ไม่ชอบเลยคราวนี้เพราะมันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่บริสุทธิ์ธรรมชาติเหมือนแต่ก่อนแล้ว ... เอาเป็นว่าทุกคนที่เคยไปคงรู้แหละว่าสภาพมันเป็นเช่นไร)
กระทู้เล่าความหลังกับเกาะเสม็ด ... แรงบันดาลใจจากเรื่องเกาะเสม็ดของแพง
จขกท.ไปเที่ยวเกาะเสม็ดตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2527
ตั้งแต่ยังเรียน ม.ปลาย ก็นัดกับเพื่อนๆ ในกลุ่มนั่งรถทัวร์ที่เอกมัยไปเที่ยวกันแล้ว
บางปีเราไปเที่ยวเสม็ดกัน 4-5 ครั้ง คิดอะไรไม่ออกก็ไปเสม็ด
กีตาร์ตัวนึง หม้อสนาม มาม่า ขนมปัง เสื้อผ้า 2 ชุด เงิน 2-300 บาท
เที่ยวเสม็ดส่วนใหญ่พวกเราจะไปนอนกัน 2 คืน
ตอนนั้นมีเงินสดในตัว 200 บาท ไปเที่ยวเกาะเสม็ดได้ครับ
ค่ารถทัวร์จากเอกมัยไปกลับ ผมจำได้คร่าวๆ เท่านั้นว่าประมาณ 6-70 บาท
ลงรถที่บ้านเพแล้วต้องไปจองเที่ยวกลับเลย
ค่าเรือข้ามเกาะ ผมไม่แน่ใจว่า 30 บาทไปกลับ หรือ ไป 30 กลับ 30 (น่าจะ 30 ไปกลับ)
แต่เป็นเรือประมง (ตังเก) ดัดแปลง
จุดลงเรือมี 2 อ่าวคือ อ่าววงเดือนและ หาดทรายแก้ว
เหมือนกับจะมีค่าเหยียบเกาะด้วยนะ มี จนท. กรมป่าไม้เดินเก็บ
พวกเราชอบไปขึ้นเกาะกันที่หาดทรายแก้วมากกว่า เพราะเงียบสงบ
ติดกันเป็นอ่าวไผ่ อ่าวทียน (แสงเทียน) เวิ้งอ่าวเล็กๆ ฝรั่งชอบมานอนอาบแดด
และเป็นตำนานในการไปแอบดูนมสาวฝรั่ง ตามประสาวัยรุ่นยุค 80 ที่แทบจะไม่มีสื่อฯ ลามกเลย
บางคนตั้งอกตั้งใจมากในการไปดูด้วยตาเนื้อให้ได้ 555 แต่ไม่มีใครเสียมารยาทถึงกับแอบถ่ายภาพหรือเอากล้องไปส่องนะ
ที่พัก ส่วนใหญ่บ้านพักชาวบ้านทำกันเองราคาจะประมาณ 3-400 บาท
กระต็อบมุงจากที่ฝรั่งแบคแพคฯ ชอบเช่าหลังละ 50 บาท อาบน้ำบาดาลกร่อยๆ
แต่พวกเราแล้วแต่อัธยาศัย ส่วนใหญ่พวกเรามีเงินพอจะรวมๆ กันเช่า 1 ห้อง
เก็บของ ให้เพื่อน ผญ.นอนกัน ส่วนพวกเรา ผช. บางคนก็นอนนอกชานเรือน
และมีบางคนชอบ (มาก) ไปนอนชายหาดกัน
เรื่องอาหาร ก็แพงตามเหตุนั่นแหละเพราะทุกอย่างต้องขนมากจากแผ่นดินใหญ่
น้ำดื่มขวดขุ่น จำได้ลางๆ ว่าน่าจะ 10 บาท ปี 27-33 นะ
อาหารจานเดียว ข้าวกระเพรา ข้าวผัด 30 บาท ยืนพื้นเลย
(ในขณะที่ กทม. บ้านเพ อย่างมากก็ 15 บาท)
เกาะเสม็ดสมัยนั้น น้ำทะเลไสแจ๋ว หาดทรายขาวสะอาด ยังกะแป้ง
มองลงไปในทะลมีปลาเล็กปลาน้อยเต็มไปหมด คนว่ายน้ำเข็งๆ นี่สวรรค์เลย
เป็นความทรงจำที่สวยงาม เราเที่ยวกันแบบนี้จนเรียนจมมหาลัยกันทุกคน
ประมาณปี 2533 เกาะเสม็ดก็ยังไม่เปลี่ยน แต่พวกเราเริ่มทำงานมีภาระกันแล้ว เลยหยุดไปโดยปริยาย
(หลังจากนั้นไม่นาน สภาพการท่องเที่ยวเกาะเสม็ดก็เปลี่ยนไปแบบไม่น่าเชื่อ เคยพาครอบครัวไปมาครั่งหนึ่งราว 10 กว่าปีที่แล้ว ไม่ชอบเลยคราวนี้เพราะมันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่บริสุทธิ์ธรรมชาติเหมือนแต่ก่อนแล้ว ... เอาเป็นว่าทุกคนที่เคยไปคงรู้แหละว่าสภาพมันเป็นเช่นไร)