\
หาเงินในตลาดหุ้นไทย เป็นการพายเรือในอ่างหรือว่า
พายเรือในทะเลสาป ที่มีปลาให้จับกินไปเรื่อยๆ
กลับไปดูเอกสารกระดาษที่เซพเก็บไว้เป็นรูปภาพ jpeg
สมัยก่อนที่ ตลท.จะเป็นออนไลน์สมบูรณ์แบบ
ตลท. มีนสพ. ข่าว ส่งให้สมาชิกทุกวันทำการทางไปรษณีย์
ข่าวสารสมัยก่อน ไม่ได้ไปเร็วแบบรายวินาทีเหมือนตอนนี้
บางที เราจะได้รับข่าวสาร ช้าไปอีกประมาณสองสามวัน
เกิดคำถามในใจว่า เกือบสามสิบบี set index ก็ยังวนเวียนกลับมาเกือบที่เดิม (น่าจะหลายรอบ)
คำตอบสำหรับตัวเองคือ
เราต้องทำตัวไปตามกระแสของหุ้น ของตลาด
ต้องสามารถเอาชนะเกมล่าส่วนเกินทุนให้ได้
มูลค่าพอร์ตและเงินปันผลรับจึงจะโตตามมา
ผมสรุปเอาเองว่า
ราคาหุ้นที่เราซื้อ(ไม่เกี่ยวกับตลาดอนุพันธ์)
คือสารตั้งต้น ของกำไรหรือขาดทุนที่จะตามมา
แล้วรูปแบบไหน เหมาะสำหรับตัวเราเอง ??
ไม่ขาย ยังไม่กำไร + ไม่ขาย ไม่ขาดทุน
เหมาะสำหรับหุ้นในพอร์ต เป็นขาขึ้นยาวๆ
ส่วน ไม่ขาย ยังไม่กำไร + ยอมชายขาดทุน
เหมาะสำหรับขาลงยาวๆของหุ้นในพอร์ต
แล้วจะใช้อะไรเป็นตัวชี้วัด
ของผมใช้ผลประกอบการของบริษัทและเงินปันผลรับเป็นหลักในการพิจารณา
ตัวอย่างที่จำได้แม่นคือหุ้นในภาพประกอบ
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อผลประกอบการเริ่มส่องอาการเป็นขาลง แล้วเราไม่ยอมตัดใจขาย
มัวแต่ถือว่า ไม่ขาย ไม่ขาดทุน
?????
ต
ปีที่แล้ว 2566 ได้เงินปันผลรวม ประมาณ หกแสนเจ็ดหมื่นบาท
ปีนี้ หลังจากปรับเปลี่ยน ขายหุ้นที่ไม่มีปันผล ไปซื้อหุ้นใหม่
ปันผลปี 2567 ที้ยังไม่รวมเงินปันผลระหว่างกาล ได้มาแล้วตามภาพประกอบ
โดยที่ไม่ได้ใส่เงินเพิ่มเข้าไปในพอร์ตเลย แถมยังมีการชักออกไปบางส่วนด้วย
ได้เตือนตัวเองจนขึ้นใจมาตลอดว่า
คนอื่นทำได้ ไม่ได้หมายความว่า เราจะทำได้
มันแล้วแต่ปัจจัยพื้นฐานสะสมของแต่ละคน
⛷️⛷️⛷️...๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ เดินทางแสวงหาเงินในตลท. เป็นการพายเรือในอ่างหรือ...... ??? ㊙️㊙️㊙️