อาจมีหลายคนที่มองว่า คนใจเย็นคือคนที่ไม่ทำอะไรเลย ทนมองสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ ‘Take Action’ อย่างทันท่วงที ทว่าสิ่งนี้ไม่เป็นความจริงในความคิดของ ซาราห์ เอ. ชไนต์เคอร์ (Sarah A. Schnitker) รองศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาและประสาทวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเบย์เลอร์ สหรัฐอเมริกา ที่อธิบายว่า คนใจเย็นไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหา เพียงแต่พวกเขาพยายามรับมือกับมันด้วยความอดทนต่างหาก
ในชีวิตประจำวันของเราเราอาจจะเจอเรื่องที่อาจทำให้ปวดหัวหรืออารมณ์เสียได้ ดังนั้นการจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกนี้ บางคนอาจจะมองเป็นเรื่องยาก การเป็นคนใจเย็นไม่ได้แปลว่าเราหนีปัญหา แต่เป็นเพราะว่ามันจะทำให้เหตุไม่บานปลาย เราควรมีสติและคิดก่อนเสมอ ทำใจร่มๆข่มความโกรธและคิดหาวิธีทางออกที่ดีที่สุด แต่เชื่อเราสิ การเป็นคนใจเย็นนั้นดีมากๆ
การเป็นคนใจเย็นควรปฏิบัติดังนี้ (นี่เป็นเพียงแค่คำแนะนำที่ดี คุณควรลองทำดูนะ)
สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ทุกอย่างดูรีบเร่งอยู่ตลอดเวลา จนอาจทำให้เรามีความอดทนน้อยลงกว่าแต่ก่อน และเพราะความอดทนที่น้อยลงนี่ละ ที่ทำให้เราหงุดหงิดและเกิดความเครียดง่ายขึ้นกว่าเดิม ความรู้สึกเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นสะสมกันเป็นเวลานานก็อาจจะทำให้สุขภาพจิตแย่ลง กลายเป็นคนอารมณ์แปรปรวน
1.การพูดขอโทษให้มากขึ้น
การขอบคุณมีประโยชน์มากมาย การวิจัยหนึ่งแสดงให้เห็นว่าการขอบคุณทำให้เรารู้สึกมีความสุขมากขึ้น เครียดน้อยลง และช่วยทำให้มองโลกในแง่ดีมากขึ้น และการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารด้านจิตวิทยา Psychological Science ในปี 2014 ยังพบอีกว่า การขอบคุณสามารถช่วยให้เรามีความอดทนมากขึ้น
ขณะที่ Ye Li นักวิจัยและผู้ช่วยศาสตราจารย์จากคณะบริหารธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียริเวอร์ไซด์ ได้เปิดเผยว่า การที่เราแสดงออกว่าเรารู้สึกอย่างไรจะช่วยให้เราควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น แถมยังช่วยลดการขาดความอดทนลงได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากค่ะ ในการฝึกขอบคุณก็แค่เพียงเราเอ่ยคำว่าขอบคุณกับคนที่ทำบางสิ่งให้คุณด้วยรอยยิ้ม หรือนึกขอบคุณตัวเองเมื่อสามารถทำบางสิ่งได้ เมื่อเราขอบคุณจนเป็นนิสัยก็จะทำให้เรามองโลกในแง่ดีและมีความอดทนมากขึ้นได้อย่างแน่นอนค่ะ
2.มีสติให้มากขึ้น
การมีสติและการตระหนักถึงความคิดของเราอยู่เสมอจะช่วยทำให้เราสามารถจัดระเบียบความคิดของเราได้ดียิ่งขึ้น ลองเขียนความคิดต่าง ๆ ของคุณลงในกระดาษดูค่ะ จะช่วยให้คุณจัดการความคิดของตัวเองได้ และทำให้เรารู้ว่าสิ่งใดที่ทำให้เรารู้สึกรีบเร่งหรือทำให้เราไม่มีความอดทน วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถควบคุมความคิดไม่ให้วอกแวกได้ง่าย ๆ ค่ะ
3.ฝึกให้ตัวเองยอมรับสื่งที่เกิดขึ้น
บางครั้งความสะดวกสบายก็ไม่ได้ดีเสมอไป เพราะความสะดวกสบายเหล่านั้นจะทำให้เรารู้สึกมีความอดทนน้อยลง และเมื่อเราต้องเจอกับความยากลำบากเราจึงไม่สามารถอดทนกับมันได้ ดังนั้นเราจึงควรที่จะฝึกให้ตนเองทนกับความยากลำบากและความไม่สะดวกสบายให้ได้ และเมื่อเราสามารถอดทนกับสิ่งเหล่านั้นได้ เราก็จะมีความอดทนมากขึ้น และสามารถมีความสุขแม้ว่าต้องพบเจอกับสิ่งที่ดูยากลำบากก็ตาม
4.ผ่อนคลายอารมณ์
เมื่อเรารู้สึกว่าหลาย ๆ สิ่งมันไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ การถอนหายใจแล้วหายใจเข้าลึก ๆ ก็สามารถช่วยให้เราสงบจิตใจและร่างกายตัวเองได้ ซึ่งวิธีการผ่อนคลายง่าย ๆ นี้จะช่วยทำให้ช่วยลดความกระวนกระวายใจที่ซึ่งจะนำพาความรู้สึกในแง่ลบต่าง ๆ อย่างเช่น อารมณ์หงุดหงิด เสียใจ ผิดหวัง หรือโกรธเคืองลงได้ค่ะ
5.การทำสิ่งที่เราสนใจ
เมื่อคนเรารู้สึกไม่มีความสุข ก็มักจะต้องการให้คนอื่นได้รับรู้ผ่านอารมณ์หงุดหงิด เหวี่ยง วีน ในขณะเดียวกันถ้าหากเรามีความสุข ได้ทำในสิ่งที่ชอบ จิตใต้สำนึกของคุณก็ต้องการแสดงออกให้ผู้อื่นรับรู้เช่นกันว่าคุณมีความสุข ดังนั้นแทนที่คุณจะปล่อยให้ตัวเองมีความทุกข์แล้วแสดงออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจก็หาอะไรที่ทำแล้วมีความสุขดีกว่าเนอะ เวลาที่อยู่กับคนอื่น ๆ คุณจะได้รู้สึกยิ้มแย้มตลอดเวลาไงล่ะ
6.การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับไม่เพียงพอเป็นสาเหตุที่ทำให้กลายเป็นคนขี้หงุดหงิดได้ และถ้ายิ่งนอนไม่เพียงพอติดต่อกันก็จะยิ่งทำให้หงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะแค่เพียงคุณนอนน้อยไป 1 - 2 ชั่วโมงในเพียงแค่คืนเดียว ก็จะส่งผลกระทบไปถึงการนอนหลับของคืนต่อ ๆ ไป และถ้าหากเป็นอย่างติดต่อกันไป 1 สัปดาห์ละก็ไม่ต้องพูดถึงเลยล่ะค่ะว่าการนอนไม่เพียงพอนั้นจะเปลี่ยนนิสัยให้คุณกลายเป็นคนขี้หงุดหงิดได้มากขนาดไหน ดังนั้นถ้าไม่อยากเป็นคนขี้หงุดหงิด แค่เพียงนอนหลับไปให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน และจะต้องเป็นเวลานอนที่ติดต่อกันด้วยนะ การหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดคืนก็ทำให้คุณนอนไม่เต็มอิ่มและหงุดหงิดได้เช่นกัน
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงทริคเล็กๆน้อย เพื่อนๆที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้สามารถนำไปปรับใช้กันได้ตามสะดวกเลยนะคะ ขอบทุกที่เข้ามาอ่านค่ะ
ขอบคุณภาพจาก
https://becommon.co/life/heart-maddiction/
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://health.kapook.com/view99636.html และ
https://health.kapook.com/view110273.html
[CR] เปลี่ยนจากคนขี้วีน มาเป็นคนใจเย็นกันน
ในชีวิตประจำวันของเราเราอาจจะเจอเรื่องที่อาจทำให้ปวดหัวหรืออารมณ์เสียได้ ดังนั้นการจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกนี้ บางคนอาจจะมองเป็นเรื่องยาก การเป็นคนใจเย็นไม่ได้แปลว่าเราหนีปัญหา แต่เป็นเพราะว่ามันจะทำให้เหตุไม่บานปลาย เราควรมีสติและคิดก่อนเสมอ ทำใจร่มๆข่มความโกรธและคิดหาวิธีทางออกที่ดีที่สุด แต่เชื่อเราสิ การเป็นคนใจเย็นนั้นดีมากๆ
การเป็นคนใจเย็นควรปฏิบัติดังนี้ (นี่เป็นเพียงแค่คำแนะนำที่ดี คุณควรลองทำดูนะ)
สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ทุกอย่างดูรีบเร่งอยู่ตลอดเวลา จนอาจทำให้เรามีความอดทนน้อยลงกว่าแต่ก่อน และเพราะความอดทนที่น้อยลงนี่ละ ที่ทำให้เราหงุดหงิดและเกิดความเครียดง่ายขึ้นกว่าเดิม ความรู้สึกเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นสะสมกันเป็นเวลานานก็อาจจะทำให้สุขภาพจิตแย่ลง กลายเป็นคนอารมณ์แปรปรวน
1.การพูดขอโทษให้มากขึ้น
การขอบคุณมีประโยชน์มากมาย การวิจัยหนึ่งแสดงให้เห็นว่าการขอบคุณทำให้เรารู้สึกมีความสุขมากขึ้น เครียดน้อยลง และช่วยทำให้มองโลกในแง่ดีมากขึ้น และการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารด้านจิตวิทยา Psychological Science ในปี 2014 ยังพบอีกว่า การขอบคุณสามารถช่วยให้เรามีความอดทนมากขึ้น
ขณะที่ Ye Li นักวิจัยและผู้ช่วยศาสตราจารย์จากคณะบริหารธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียริเวอร์ไซด์ ได้เปิดเผยว่า การที่เราแสดงออกว่าเรารู้สึกอย่างไรจะช่วยให้เราควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น แถมยังช่วยลดการขาดความอดทนลงได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากค่ะ ในการฝึกขอบคุณก็แค่เพียงเราเอ่ยคำว่าขอบคุณกับคนที่ทำบางสิ่งให้คุณด้วยรอยยิ้ม หรือนึกขอบคุณตัวเองเมื่อสามารถทำบางสิ่งได้ เมื่อเราขอบคุณจนเป็นนิสัยก็จะทำให้เรามองโลกในแง่ดีและมีความอดทนมากขึ้นได้อย่างแน่นอนค่ะ
2.มีสติให้มากขึ้น
การมีสติและการตระหนักถึงความคิดของเราอยู่เสมอจะช่วยทำให้เราสามารถจัดระเบียบความคิดของเราได้ดียิ่งขึ้น ลองเขียนความคิดต่าง ๆ ของคุณลงในกระดาษดูค่ะ จะช่วยให้คุณจัดการความคิดของตัวเองได้ และทำให้เรารู้ว่าสิ่งใดที่ทำให้เรารู้สึกรีบเร่งหรือทำให้เราไม่มีความอดทน วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถควบคุมความคิดไม่ให้วอกแวกได้ง่าย ๆ ค่ะ
3.ฝึกให้ตัวเองยอมรับสื่งที่เกิดขึ้น
บางครั้งความสะดวกสบายก็ไม่ได้ดีเสมอไป เพราะความสะดวกสบายเหล่านั้นจะทำให้เรารู้สึกมีความอดทนน้อยลง และเมื่อเราต้องเจอกับความยากลำบากเราจึงไม่สามารถอดทนกับมันได้ ดังนั้นเราจึงควรที่จะฝึกให้ตนเองทนกับความยากลำบากและความไม่สะดวกสบายให้ได้ และเมื่อเราสามารถอดทนกับสิ่งเหล่านั้นได้ เราก็จะมีความอดทนมากขึ้น และสามารถมีความสุขแม้ว่าต้องพบเจอกับสิ่งที่ดูยากลำบากก็ตาม
4.ผ่อนคลายอารมณ์
เมื่อเรารู้สึกว่าหลาย ๆ สิ่งมันไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ การถอนหายใจแล้วหายใจเข้าลึก ๆ ก็สามารถช่วยให้เราสงบจิตใจและร่างกายตัวเองได้ ซึ่งวิธีการผ่อนคลายง่าย ๆ นี้จะช่วยทำให้ช่วยลดความกระวนกระวายใจที่ซึ่งจะนำพาความรู้สึกในแง่ลบต่าง ๆ อย่างเช่น อารมณ์หงุดหงิด เสียใจ ผิดหวัง หรือโกรธเคืองลงได้ค่ะ
5.การทำสิ่งที่เราสนใจ
เมื่อคนเรารู้สึกไม่มีความสุข ก็มักจะต้องการให้คนอื่นได้รับรู้ผ่านอารมณ์หงุดหงิด เหวี่ยง วีน ในขณะเดียวกันถ้าหากเรามีความสุข ได้ทำในสิ่งที่ชอบ จิตใต้สำนึกของคุณก็ต้องการแสดงออกให้ผู้อื่นรับรู้เช่นกันว่าคุณมีความสุข ดังนั้นแทนที่คุณจะปล่อยให้ตัวเองมีความทุกข์แล้วแสดงออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจก็หาอะไรที่ทำแล้วมีความสุขดีกว่าเนอะ เวลาที่อยู่กับคนอื่น ๆ คุณจะได้รู้สึกยิ้มแย้มตลอดเวลาไงล่ะ
6.การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับไม่เพียงพอเป็นสาเหตุที่ทำให้กลายเป็นคนขี้หงุดหงิดได้ และถ้ายิ่งนอนไม่เพียงพอติดต่อกันก็จะยิ่งทำให้หงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะแค่เพียงคุณนอนน้อยไป 1 - 2 ชั่วโมงในเพียงแค่คืนเดียว ก็จะส่งผลกระทบไปถึงการนอนหลับของคืนต่อ ๆ ไป และถ้าหากเป็นอย่างติดต่อกันไป 1 สัปดาห์ละก็ไม่ต้องพูดถึงเลยล่ะค่ะว่าการนอนไม่เพียงพอนั้นจะเปลี่ยนนิสัยให้คุณกลายเป็นคนขี้หงุดหงิดได้มากขนาดไหน ดังนั้นถ้าไม่อยากเป็นคนขี้หงุดหงิด แค่เพียงนอนหลับไปให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน และจะต้องเป็นเวลานอนที่ติดต่อกันด้วยนะ การหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดคืนก็ทำให้คุณนอนไม่เต็มอิ่มและหงุดหงิดได้เช่นกัน
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงทริคเล็กๆน้อย เพื่อนๆที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้สามารถนำไปปรับใช้กันได้ตามสะดวกเลยนะคะ ขอบทุกที่เข้ามาอ่านค่ะ
ขอบคุณภาพจาก https://becommon.co/life/heart-maddiction/
ขอบคุณข้อมูลจาก https://health.kapook.com/view99636.html และ https://health.kapook.com/view110273.html
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้