หากในวันนั้น... อุ๊งอิ๊ง ยอมแก้ ม.112

หากย้อนเวลาได้ พรรคเพื่อไทย คงไม่ถูกเรียกว่า "พรรคตระบัดสัตย์"
1. พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาล
เอาความเชี่ยวชาญทางธุรกิจมาร่วมมือกับคนรุ่นใหม่ระดับมันสมอง หัวกะทิ มาขับเคลื่อนผลงาน

2. คุณทักษิณ ได้กลับมาต่อสู้คดี อย่างสง่างาม ไม่มีคำถาม นอน รพ นาน ป่วย จริงหรือไม่
ด้วยเส้นทางนี้ คุณทักษิณจะได้แสดงความสามารถ บนพื้นฐานข้อพิจารณาว่า ระบบ กม ในช่วงนั้น
อยู่บนการควบคุมของฝ่ายที่ยึดอำนาจ จึงไม่ได้รับความเป็นธรรม
หากเราทำงานฝ่ายตุลาการในยุคนั้น มีสิทธิแค่ไหนที่จะตีความ กม ต่างจากฝ่ายปกครอง

อุ๊งอิ๊ง จะไม่ถูกมองว่า ทำการเมืองเพื่อพ่อ 
ดังนั้น โอกาสที่จะเป็นนายก ง่ายขึ้นสำหรับคนที่เสียสละ คิดถึงส่วนรวม
ครอบครัวชินวัตร มีโอกาสสบตากับประชาชนทั้งประเทศ ลูกๆหลานๆ ไม่ต้องหลบสายตา

อุ๊งอิ๊ง กับคำพูด หาเสียง "ไม่เอา 3 ป." เศรษฐาพูดก่อนเลือกตั้ง "ไม่ยกเลิก ม.112 แต่แก้ ม 112"
แต่ด้วยความไม่มีอิสระในการตัดสินใจ เมื่อพรรคที่เต็มไปด้วยผู้ใหญ่เลือกให้
ไม่เลือกที่จะทำการเมืองใหม่ แต่กลับเลือกทำการเมืองแบบเก่า

3. น้องบุ้ง เด็กๆ ผู้มีอิทธิพลต่อพรรคก้าวไกล และคุณทักษิณ มีโอกาสต่อสู้คดี ใน ม 112 
หลังจากแก้ไข กม แล้ว เพื่อไม่ให้สถาบันพระมหากษัตริย์เสียหาย 
แต่เปิดโอกาส ให้สร้างความเข้าใจต่อกันในระดับมหภาคอีกครั้ง 

ประเทศไทยอาจเป็นประเทศแรก
ที่มีกระบวนการสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง
มีพิธีการใหญ่ร่วมกันเป็นวาระแห่งชาติ
เราสั่งให้เด็กๆกราบใครไม่ได้ แต่เราทำให้เขาเห็นคุณค่าได้
การกราบกรานนั้น ย่อมมาจากความซาบซึ้ง-สำนึก ของเขาเอง
และสถาบันพระมหากษัตริย์ยังคงเชื่อมโยงกับประชาชนได้อย่างลึกซึ้งและแนบแน่น

ถ้าย้อนกลับไปดู หลายคนที่โดนคดี ม.112 พูดเสมอ ว่า
พวกเขา ไม่ได้ปฏิเสธสถาบันกษัตริย์  ไม่ได้มาจากความ "ไม่จงรักภักดี"
แต่สิ่งที่นำมาถกเถียงกัน คือ
1. กม. ที่ควรเหมาะสมในการลงโทษประชาชน 
2. กลุ่มบุคคลที่อ้างสถาบันกษัตริย์ เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางอำนาจของตนเอง

หากการแก้ กม. เพื่อให้สถานการณ์ในบ้านเมืองผ่อนคลายลง
คล้ายภายในบ้านที่ เราอาจใช้อารมณ์ต่อกัน ท่ามกลางความกดดัน 
แล้วหันมาคุยกันได้ เมื่อใจเย็นลง 

ที่สำคัญ เราได้มีโอกาสดูแลเยาวชน 
ให้ใช้ความสามารถอย่างถูกทาง ได้ให้ความรู้ทาง กม. 
มีโอกาสฟัง แล้วเยาวชนรู้สึกว่า พวกเขาได้รับการให้ความสำคัญในเชิง
การให้การมีส่วนร่วม 

คิดง่ายๆ ถ้าลูกขอเงินเพิ่ม คุณจะทุบตีลูก หรือ ขังลูก 
หรือ เราจะเอาเขามาคุย ว่าเขาคิดอย่างไร เรามีข้อจำกัดอย่างไร ทางออกร่วมกันคืออะไร 
ไม่ใช่ไปตั้งธงว่า เราจะไม่เปลี่ยน แต่ลูกต้องเปลี่ยน

แน่นอนคนเรา ในชีวิตหนึ่ง จะไม่เคยทำอะไรผิดเลย คงไม่มี
แต่ความผิดนั้น มากพอ ที่จะไปตัดอนาคตของเขาได้แค่ไหน
สะท้อนถึงความตั้งใจของเขา ที่จะผูกขาดอำนาจ ทำลายชีวิต/สิทธิประโยชน์ของคนอื่นหรือไม่ 

เกมส์การเมืองนั้นรุนแรง เข็มหมุดเล็กๆ ก็อาจเอามาทิ่มหัวใจศัตรูทางการเมืองได้ 
หากเรายอมให้กลุ่มคนที่ได้เงินมากมายอย่างผิด กม. เข้ามาทำการเมือง
หากเราไม่แก้ปัญหาเชิงลึกว่า เหตุใดวัฒนธรรมการเมืองไทย จึงยอมรับการซื้อเสียง 
สภา ก็จะกลายเป็นพื้นที่อันตราย ที่คนดีคนเก่ง ไม่ได้ฉายแสง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่