สวัสดีครับ วันนี้ผมแค่มีเรื่องมาเล่าให้ฟังซึ่งเป็นเรื่องที่มาจากวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่ผมคิดว่าผมไม่ควรเขียนชื่อของสถานศึกษาแห่งนั้นแต่ผมจะใบ้ว่าเป็นของจังหวัดสุพรรรและขึ้นชื่อมากๆ
ซึ่งเรื่องมีอยู่ว่าผมอ่ะเป็นเด็กปี 1 ในวิทยาลัยแห่งนั้น ในวันที่ผมเข้าไปเรียนก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนอกจากเรื่องสามัญประจำสถานศึกษาเช่น บุหรี่,พอท อะไรประมาณนี้ แต่ว่าในช่วงระหว่างเทอม1ผมมักจะได้ยินเรื่องของอาจารย์คนหนึ่งแว่วๆมาตลอดเทอม คล้ายๆฟังspoilนัสัยของอาจารย์อ่ะครับ ผมก็เรียนมาเรื่อยๆทำอะไรไปเรื่อยๆเหมือนนักศึกษาทั่วไป แต่แล้วหลังจากนั้นมันก็มีอยู่วันนนหนึ่งที่ผมได้เดินกำลังจะลงไปทานข้าวหรืออะไรนี่แหละ ผมก็ได้เดินผ่านห้องที่มีอาจารย์สอนอยู่มันก็มีเสียงดังมากๆทะลุไปยังห้องข้างๆที่ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนไปนักเรียน โพล่งออกมาว่า งานแค่นี้พวกก็ทำไม่ได้แล้วโตไปจะทำเ#ี้ยอะไรได้วะ ที่เหลือก็จินตนาการเอาเองนะครับว่าคำแบบไหนมันจะต้องหลุดออกมา ที่เป็นจำพวกคำ(หยาบคายเสียๆหาย)ไอผมก็คตกใจแล้วหันไปพูดกับเพื่อนว่าจารย์คนนั้นใครโหดจังวะ เพื่อนมันก็บอกว่าที่เขาเล่าๆกันนั่นแหละผมก็อ๋อเลย ผมก็รู้สึกว่ามันเกินไปที่บุคลากรทางการศึกษาจะมาพูดจาแบบนั้นกับเด็กทั้งห้อง หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั่งว่ามีเพื่อนอีกคนเดินมาเล่าให้ผมฟังว่าพี่(นามสมมุติ)ต้า โดนอาจารย์ด่าผมก็งงว่าเป็นไปได้ยังไงเลยถามเพราะว่าพี่ที่ชื่อว่าต้าเขาเป้นคนที่ตลก นิสัยดี แต่ก็เค่งในมารยาทมากพอตัวเลย กลับมากันต่อว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนผมเล่าว่าพี่เขาโดนด่าเรื่องไร้มารยาทที่เสียงดังเข้าไปยันในห้องที่อาจารย์ ประมาณว่า มีมารยาทบ้างครูเขาสอนอยู่ไม่เห็นหรอ ทั้งที่ว่าผมแทบไม่ได้ยินเสียงพี่แกสักนิดเดียว
ผมก็เบยไม่ชอบอาจารย์แกแล้วเพราะแค่ชื่อเสียงที่ผ่านมาก็ห่วยแตกแล้วยังจะต้องเจออะไรแบบนี้อีก ที่เหลือก็ไม่มีอะไรเทอม2ผมจึงขอข้ามไปเลยเพราะมันไม่มีอะไรเลย วันขึ้นปีสองผมก็ได้รู้ว่าในตารางเรียนผมจะได้เรียนกับอาจารย์คนนั้นพอรู้ผมก็เรื่มท้อแล้วซึ่งแกสอนเกี่ยวกับการทำภาพยนตร์และอนิเมชั่นวันแรกที่ผมได้เรียนกับอาจารย์ผมก็คิดได้อย่างหนึ่งว่าแกก็ปกติดีหนิไม่เห็นแย่ตรงไหนเพราะผมลืมเรื่องตอนนั้น มันดันมามีปัญหาในวันพฤหัสบดีนี่แหละเพราะว่าในช่วงคาบเรียนแกก็จะสอนอะไรไปเรื่อยตามภาษาอาจารย์แต่ในช่วงที่แกเริ่มเปิดหนังของ ไทยประกันชีวิต ชื่อว่า streetconcert ผมรู้ว่าถ้าพวกคุณไปดูคุณอาจไม่ขำในฉากที่เขาร้องเสียงเพี้ยนช่วงแรก แต่พวกผมขำ ผมขำในช่วงที่เขาเพี้ยนนิดหนึ่งแล้วก็หยุดแต่หยุดได้ไม่นานผมดันหันเป็นหน้าเพื่อนตอนขำผมจบเห่ตรงนั้นเลยเพราะผมรั่วแต่อย่างน้อยก็ไม่ดัง แต่ใช่ผมเกือบรอดถ้าเพื่อนผมไม่ขำจนทุบโต๊ะอ่ะนะ หลังจากหนังจบ พวกผมโดนอาจารน์เรียกให้ลุกขึ้นที่แรกผมยังไม่รู้ว่าใช่ผมไหม แต่เพราะแกตะโกนลุกดิ!ก็เลยลุกไปเลย แกก็ถามว่าพวกผมขำทำไม เพื่อนผมไม่ตอบผมเลยตอบเอง ผมตอบไปว่าผมขำในช่วงแรกที่เขาร้องเสียงเพี้ยนเท่านั้นแต่สิง่ที่ไม่คิดว่าเขาจะถามกลับมาก็คือแล้วยังไง ผมก็ตอบไปอีกแก ก็พูดแบบไม่สนใจเหตุผลที่ผมพูด เลยดแม้ว่าก่อนหน้านี้ผมจะพูดไปด้วยว่าแค่ช่วงแรกเท่านั้น แกก็ไม่สนใจแถมยังพูดเชิงหาเรื่องอีก อย่ามาอ้างมันไม่ใช่ว่าคุณจะมา่พูดว่าแค่ช่วงแรกมันไม่ได้ mood and tone มันไม่เข้าเลยสักนิด (mood and tone แปลว่า อารมณ์และบรรยากาศ) ผมก็คิดว่าเถียงไปก็แพ้เงียบดีกว่า ตลอด 1 ชั่วโมงที่ แกทั้งสอนและแซะพวกผมมันโคตรน่ารำคาญเลย เอ่อผมลืมเล่าไปเรื่องหนึ่งว่าก่อนแกเริ่มสอนแกได้เล่าว่า มีเด็กสี่คนออกจากวิทยาลัยไป แล้วก็เสริมด้วยว่าเป็นฝีมือของผมเองผมได้คัดคนที่ไร้ความอดทนและไม่คุณสมบัติมากพอออกไปด้วยความภาคภูมิใจ ถ้าคิดออีกแบบก็คือเขาไม่ได้ไร้ความอดทนและไม่มีคุรสมบัติเขาอาจจะแค่ไม่ชอบนิสัยสันดานของอาจารย์ รวมถึงคนเรานั้นก็ถนัดไม่เหมือนกัน เช่น อาจจะชอบสาขานี้แต่ไม่ถนัดในด้านวิชานี้ อาจจะไม่ชอบสาขานี้แต่ชอบวิชานั้นๆในสาขา อันนี้คือที่ผมลืมเล่า หลังจากนั้นผมก็เลยกลับบ้านไประบายให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่าแม่ก็ไม่ขำนะ แต่แม่ได้เสริมว่าคุณไม่ควรเอาอายุของตัวเองมาเปรียบให้เด็กเป็นเหมือนตนเองที่จะเข้าใจอะไรแบบนี้ได้ แม่บอกว่าหนูยังอายุแค่16 ถ้าจะขำบ้างมันก็ปกติแม่เลยถามเสริมว่าคนในห้องขำไหมผมเลยบอกว่ามีคิกคักกันรอบห้องเลยแต่พวกผมเป็นจุดเด่นเฉยเลย แล้วก็เล่าเรื่องที่เหลือให้ฟังเช่น ตอนพูดเหตุและผล แม่บอกว่าอาจารย์แบบนี้ ego สูง เราคุยกับเขาด้วยเหตุผล 100% ไม่ได้เพราะพวกนี้จะเอาเหตุผลตัวเองตั้งต้นเป็นหลัก ผมจึงเตรียมตัวเจอแกในคาบอาทิตย์ถัดไป พอเจอแกผมก็นึกว่าผมแค่อคติแต่มันไม่ใช่เลย ขอเล่าว่าก่อนหน้านี้แกเคยสั่งงานให้เตรียมโลโก้หนังมาพรีเซนต์ ตอนทำเสร็จนั้นก็ลองถามเพื่อนมาบ้างว่าโลโก้เป็นไงเพื่อนก็บอกว่าดี เหมือนพวกตอนเปิดหนังสมัยเก่าผมก็เลยโอเคตอนพวกผมพรีเซนต์มันก็ปกติจนถึงเวลาที่แกต้องแนะนำปรับปรุงแกกลับไม่ได้แนะนำแต่แกวิจารย์ทุกสิ่งทุกอย่างที่จับผิดได้เลยเพื่อนผมที่มันเก่งในด้านการพรีเซนต์และภาษาอังกฤษก็ตอบเหตุผลทั้งหมดรวมถึงสิ่งที่สอดแทรกเอาไว้ในโลโกใช่แล้วครบตามนั้นเลย แกไม่ฟังเอาแต่วิจารย์ไปเรื่อยแล้วก็อวดว่าเคยทำนู่นทำนี่ดีกว่านี้ แกวิจารย์กลุ่มผมไป 25 นาที กะเอาจากการที่พรีเซนต์ได้แค่ 3 กลุ่ม ระหว่างนั้นเพื่อนผมก็เมื่อยมันเลยพิงโต๊ะแกก็บอกให้เพื่อนผมยืนดีแถมยังอวดดีว่าผมจะสอนเฉพาะคนที่มีวุฒิภาวะในการเป็นนักเรียนมากพอแล้วก็ต้องมีมารยาท ผมก็งงว่าตัวแกมีสิ่งนั้นสักนิดหรือไม่ พอไปกลุ่มต่อไปกลุ่มของพี่ต้า(คนที่เคยมีประเด็นกับแก)พี่เขาทำดีมากเหมือนของพวกผมเป็นนรก ส่วนเขาเป็นสวรรค์ ใช่เขาก็ไม่รอดโดนวิจารย์ไป15นาที กลุ่มที่สามก่อนจบคาบ ถ้าของพวกผมเป็นนรก พวกพี่ต้าเป็นสวรรค์ งั้นของกลุ่มสามคือโลก มันธรรมดามาก มันทั่วไปไม่เหมือนโลโก้หนังด้วยซ้ำมันเหมือนโลโก้น้ำหอมมากกว่าแถมชื่อ ทีมก็คือชื่อที่ผมเคยเสนอเข้ากลุ่มผมแต่ผมเลือกที่จะลบเพราะมันธรรมดาเกินไป เช่น สร้างฝัน production ที่ผมคิดในตอนนั้น แต่ชื่อของเขาคือ dream team มันธรรมดาแต่แค่มันเป็นภาษาอังกฤษใช่แล้วครับ เขารอดไม่มีติชมไม่วิจารย์แต่ผ่านไปเลยเงียบมากจนผมงงว่าเป็นไปได้ยังไง เรื่องมันก็ประมาณนี้แล้วเดี๋ยวผมเสริมอีกอย่างก็คือช่วงที่เพื่อนผมพรีเซนต์งานกลุ่มผมเสร็จ จารย์แกได้ถามความหมายของการออกแบบ เพื่อนผมเลยตอบว่า คื่อการสรรสร้างสิ่งต่างขึ้นมาแกก็บอกถูกต้องแต่มีอีกข้อคือ มันคือการทำสิ่งใหม่ขึ้นมาแล้วที่เหลือก็อวดความรู้ที่ตนเองมี ผมก็ยังคงงงว่าสรรสร้างกับทำสิ่งใหม่ขึ้นมายังไง เพราะความหมายโดยในก็เหมือนกัน แถมมันยังไปแย้งกับกลุ่มที่สามที่ธรรมดาสุดไม่มีอะไรใหม่แต่เขากลับรอด เรื่องก็จบประมาณนี้มันไม่เหมือนเล่าหรอกเหมือนระบายความรู้สึกมากกว่า เดี๋ยวครั้งหน้าผมจะมาเสริมรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลแล้วเรื่องใหม่ๆอีกที่แกเคยก่อเอาไว้ ขอบคุณครับที่อดทนนั่งอ่านมาจนถึงตอนนี้
บุคลากรทางการศึกษาที่ไร้ซึ่งวุฒิภาวะ
ซึ่งเรื่องมีอยู่ว่าผมอ่ะเป็นเด็กปี 1 ในวิทยาลัยแห่งนั้น ในวันที่ผมเข้าไปเรียนก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนอกจากเรื่องสามัญประจำสถานศึกษาเช่น บุหรี่,พอท อะไรประมาณนี้ แต่ว่าในช่วงระหว่างเทอม1ผมมักจะได้ยินเรื่องของอาจารย์คนหนึ่งแว่วๆมาตลอดเทอม คล้ายๆฟังspoilนัสัยของอาจารย์อ่ะครับ ผมก็เรียนมาเรื่อยๆทำอะไรไปเรื่อยๆเหมือนนักศึกษาทั่วไป แต่แล้วหลังจากนั้นมันก็มีอยู่วันนนหนึ่งที่ผมได้เดินกำลังจะลงไปทานข้าวหรืออะไรนี่แหละ ผมก็ได้เดินผ่านห้องที่มีอาจารย์สอนอยู่มันก็มีเสียงดังมากๆทะลุไปยังห้องข้างๆที่ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนไปนักเรียน โพล่งออกมาว่า งานแค่นี้พวกก็ทำไม่ได้แล้วโตไปจะทำเ#ี้ยอะไรได้วะ ที่เหลือก็จินตนาการเอาเองนะครับว่าคำแบบไหนมันจะต้องหลุดออกมา ที่เป็นจำพวกคำ(หยาบคายเสียๆหาย)ไอผมก็คตกใจแล้วหันไปพูดกับเพื่อนว่าจารย์คนนั้นใครโหดจังวะ เพื่อนมันก็บอกว่าที่เขาเล่าๆกันนั่นแหละผมก็อ๋อเลย ผมก็รู้สึกว่ามันเกินไปที่บุคลากรทางการศึกษาจะมาพูดจาแบบนั้นกับเด็กทั้งห้อง หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั่งว่ามีเพื่อนอีกคนเดินมาเล่าให้ผมฟังว่าพี่(นามสมมุติ)ต้า โดนอาจารย์ด่าผมก็งงว่าเป็นไปได้ยังไงเลยถามเพราะว่าพี่ที่ชื่อว่าต้าเขาเป้นคนที่ตลก นิสัยดี แต่ก็เค่งในมารยาทมากพอตัวเลย กลับมากันต่อว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนผมเล่าว่าพี่เขาโดนด่าเรื่องไร้มารยาทที่เสียงดังเข้าไปยันในห้องที่อาจารย์ ประมาณว่า มีมารยาทบ้างครูเขาสอนอยู่ไม่เห็นหรอ ทั้งที่ว่าผมแทบไม่ได้ยินเสียงพี่แกสักนิดเดียว
ผมก็เบยไม่ชอบอาจารย์แกแล้วเพราะแค่ชื่อเสียงที่ผ่านมาก็ห่วยแตกแล้วยังจะต้องเจออะไรแบบนี้อีก ที่เหลือก็ไม่มีอะไรเทอม2ผมจึงขอข้ามไปเลยเพราะมันไม่มีอะไรเลย วันขึ้นปีสองผมก็ได้รู้ว่าในตารางเรียนผมจะได้เรียนกับอาจารย์คนนั้นพอรู้ผมก็เรื่มท้อแล้วซึ่งแกสอนเกี่ยวกับการทำภาพยนตร์และอนิเมชั่นวันแรกที่ผมได้เรียนกับอาจารย์ผมก็คิดได้อย่างหนึ่งว่าแกก็ปกติดีหนิไม่เห็นแย่ตรงไหนเพราะผมลืมเรื่องตอนนั้น มันดันมามีปัญหาในวันพฤหัสบดีนี่แหละเพราะว่าในช่วงคาบเรียนแกก็จะสอนอะไรไปเรื่อยตามภาษาอาจารย์แต่ในช่วงที่แกเริ่มเปิดหนังของ ไทยประกันชีวิต ชื่อว่า streetconcert ผมรู้ว่าถ้าพวกคุณไปดูคุณอาจไม่ขำในฉากที่เขาร้องเสียงเพี้ยนช่วงแรก แต่พวกผมขำ ผมขำในช่วงที่เขาเพี้ยนนิดหนึ่งแล้วก็หยุดแต่หยุดได้ไม่นานผมดันหันเป็นหน้าเพื่อนตอนขำผมจบเห่ตรงนั้นเลยเพราะผมรั่วแต่อย่างน้อยก็ไม่ดัง แต่ใช่ผมเกือบรอดถ้าเพื่อนผมไม่ขำจนทุบโต๊ะอ่ะนะ หลังจากหนังจบ พวกผมโดนอาจารน์เรียกให้ลุกขึ้นที่แรกผมยังไม่รู้ว่าใช่ผมไหม แต่เพราะแกตะโกนลุกดิ!ก็เลยลุกไปเลย แกก็ถามว่าพวกผมขำทำไม เพื่อนผมไม่ตอบผมเลยตอบเอง ผมตอบไปว่าผมขำในช่วงแรกที่เขาร้องเสียงเพี้ยนเท่านั้นแต่สิง่ที่ไม่คิดว่าเขาจะถามกลับมาก็คือแล้วยังไง ผมก็ตอบไปอีกแก ก็พูดแบบไม่สนใจเหตุผลที่ผมพูด เลยดแม้ว่าก่อนหน้านี้ผมจะพูดไปด้วยว่าแค่ช่วงแรกเท่านั้น แกก็ไม่สนใจแถมยังพูดเชิงหาเรื่องอีก อย่ามาอ้างมันไม่ใช่ว่าคุณจะมา่พูดว่าแค่ช่วงแรกมันไม่ได้ mood and tone มันไม่เข้าเลยสักนิด (mood and tone แปลว่า อารมณ์และบรรยากาศ) ผมก็คิดว่าเถียงไปก็แพ้เงียบดีกว่า ตลอด 1 ชั่วโมงที่ แกทั้งสอนและแซะพวกผมมันโคตรน่ารำคาญเลย เอ่อผมลืมเล่าไปเรื่องหนึ่งว่าก่อนแกเริ่มสอนแกได้เล่าว่า มีเด็กสี่คนออกจากวิทยาลัยไป แล้วก็เสริมด้วยว่าเป็นฝีมือของผมเองผมได้คัดคนที่ไร้ความอดทนและไม่คุณสมบัติมากพอออกไปด้วยความภาคภูมิใจ ถ้าคิดออีกแบบก็คือเขาไม่ได้ไร้ความอดทนและไม่มีคุรสมบัติเขาอาจจะแค่ไม่ชอบนิสัยสันดานของอาจารย์ รวมถึงคนเรานั้นก็ถนัดไม่เหมือนกัน เช่น อาจจะชอบสาขานี้แต่ไม่ถนัดในด้านวิชานี้ อาจจะไม่ชอบสาขานี้แต่ชอบวิชานั้นๆในสาขา อันนี้คือที่ผมลืมเล่า หลังจากนั้นผมก็เลยกลับบ้านไประบายให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่าแม่ก็ไม่ขำนะ แต่แม่ได้เสริมว่าคุณไม่ควรเอาอายุของตัวเองมาเปรียบให้เด็กเป็นเหมือนตนเองที่จะเข้าใจอะไรแบบนี้ได้ แม่บอกว่าหนูยังอายุแค่16 ถ้าจะขำบ้างมันก็ปกติแม่เลยถามเสริมว่าคนในห้องขำไหมผมเลยบอกว่ามีคิกคักกันรอบห้องเลยแต่พวกผมเป็นจุดเด่นเฉยเลย แล้วก็เล่าเรื่องที่เหลือให้ฟังเช่น ตอนพูดเหตุและผล แม่บอกว่าอาจารย์แบบนี้ ego สูง เราคุยกับเขาด้วยเหตุผล 100% ไม่ได้เพราะพวกนี้จะเอาเหตุผลตัวเองตั้งต้นเป็นหลัก ผมจึงเตรียมตัวเจอแกในคาบอาทิตย์ถัดไป พอเจอแกผมก็นึกว่าผมแค่อคติแต่มันไม่ใช่เลย ขอเล่าว่าก่อนหน้านี้แกเคยสั่งงานให้เตรียมโลโก้หนังมาพรีเซนต์ ตอนทำเสร็จนั้นก็ลองถามเพื่อนมาบ้างว่าโลโก้เป็นไงเพื่อนก็บอกว่าดี เหมือนพวกตอนเปิดหนังสมัยเก่าผมก็เลยโอเคตอนพวกผมพรีเซนต์มันก็ปกติจนถึงเวลาที่แกต้องแนะนำปรับปรุงแกกลับไม่ได้แนะนำแต่แกวิจารย์ทุกสิ่งทุกอย่างที่จับผิดได้เลยเพื่อนผมที่มันเก่งในด้านการพรีเซนต์และภาษาอังกฤษก็ตอบเหตุผลทั้งหมดรวมถึงสิ่งที่สอดแทรกเอาไว้ในโลโกใช่แล้วครบตามนั้นเลย แกไม่ฟังเอาแต่วิจารย์ไปเรื่อยแล้วก็อวดว่าเคยทำนู่นทำนี่ดีกว่านี้ แกวิจารย์กลุ่มผมไป 25 นาที กะเอาจากการที่พรีเซนต์ได้แค่ 3 กลุ่ม ระหว่างนั้นเพื่อนผมก็เมื่อยมันเลยพิงโต๊ะแกก็บอกให้เพื่อนผมยืนดีแถมยังอวดดีว่าผมจะสอนเฉพาะคนที่มีวุฒิภาวะในการเป็นนักเรียนมากพอแล้วก็ต้องมีมารยาท ผมก็งงว่าตัวแกมีสิ่งนั้นสักนิดหรือไม่ พอไปกลุ่มต่อไปกลุ่มของพี่ต้า(คนที่เคยมีประเด็นกับแก)พี่เขาทำดีมากเหมือนของพวกผมเป็นนรก ส่วนเขาเป็นสวรรค์ ใช่เขาก็ไม่รอดโดนวิจารย์ไป15นาที กลุ่มที่สามก่อนจบคาบ ถ้าของพวกผมเป็นนรก พวกพี่ต้าเป็นสวรรค์ งั้นของกลุ่มสามคือโลก มันธรรมดามาก มันทั่วไปไม่เหมือนโลโก้หนังด้วยซ้ำมันเหมือนโลโก้น้ำหอมมากกว่าแถมชื่อ ทีมก็คือชื่อที่ผมเคยเสนอเข้ากลุ่มผมแต่ผมเลือกที่จะลบเพราะมันธรรมดาเกินไป เช่น สร้างฝัน production ที่ผมคิดในตอนนั้น แต่ชื่อของเขาคือ dream team มันธรรมดาแต่แค่มันเป็นภาษาอังกฤษใช่แล้วครับ เขารอดไม่มีติชมไม่วิจารย์แต่ผ่านไปเลยเงียบมากจนผมงงว่าเป็นไปได้ยังไง เรื่องมันก็ประมาณนี้แล้วเดี๋ยวผมเสริมอีกอย่างก็คือช่วงที่เพื่อนผมพรีเซนต์งานกลุ่มผมเสร็จ จารย์แกได้ถามความหมายของการออกแบบ เพื่อนผมเลยตอบว่า คื่อการสรรสร้างสิ่งต่างขึ้นมาแกก็บอกถูกต้องแต่มีอีกข้อคือ มันคือการทำสิ่งใหม่ขึ้นมาแล้วที่เหลือก็อวดความรู้ที่ตนเองมี ผมก็ยังคงงงว่าสรรสร้างกับทำสิ่งใหม่ขึ้นมายังไง เพราะความหมายโดยในก็เหมือนกัน แถมมันยังไปแย้งกับกลุ่มที่สามที่ธรรมดาสุดไม่มีอะไรใหม่แต่เขากลับรอด เรื่องก็จบประมาณนี้มันไม่เหมือนเล่าหรอกเหมือนระบายความรู้สึกมากกว่า เดี๋ยวครั้งหน้าผมจะมาเสริมรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลแล้วเรื่องใหม่ๆอีกที่แกเคยก่อเอาไว้ ขอบคุณครับที่อดทนนั่งอ่านมาจนถึงตอนนี้