‘ธนาธร’ ชี้แม้โพลสะท้อน คะแนนนิยม ‘ก้าวไกล’ มากขึ้น แต่ยังไม่พอ อีก 3 ปี ต้องได้เกิน 250 เสียง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4596675

 
‘ธนาธร’ ย้ำ แม้ผลโพลสะท้อน ‘ก้าวไกล’ คะแนนนิยมมากขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอ ย้ำอีก 3 ปี ต้องได้เกิน 250 เสียง ฝากใช้เวลาทุกวันทำงานหนักเพื่อประชาชน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 27 พฤษภาคม ที่อาคารอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของสถาบันพระปกเกล้า ที่สะท้อนว่าผ่านมา 1 ปีหลังการเลือกตั้ง คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลเพิ่มมากขึ้นและอาจนำมาสู่ที่นั่ง ส.ส. มากกว่า 200 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความไว้วางใจเพื่อนของตนในพรรคก้าวไกล

หวังว่าเพื่อนของตนในพรรคก้าวไกลจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำงานโดยไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตน มุ่งมั่นจะพัฒนาประเทศไทย ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทำให้ประเทศไทยกลับมามีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อีกครั้ง

“ขอบคุณพี่น้องประชาชนจริงๆ แต่ผมใส่ ‘แต่’ ตัวใหญ่ๆ เลย ถึงแม้ผลออกมาจะเป็นที่น่าพอใจ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ แต่ตัวนี้ตัวใหญ่มาก จะเพียงพอหมายถึง ต้องได้ 250 เสียง” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรกล่าวต่อไปว่า เหลือเวลาอีก 3 ปี จะว่าไปก็ 3 ปีพอดีเลย พรรคก้าวไกลต้องทำงานหนักกว่านี้ เราต้องการข้ามเส้น 250 ให้ได้ ถ้าทำได้ในปี 2570 ทศวรรษ 2570 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง อีก 3 ปี ทำงานให้หนัก วันนี้มาไกลกว่าที่พวกเราคิดตอนก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่แล้ว แต่ยังไม่พอ เรามีเวลาอีก 3 ปี ไปสู่จุดนั้น

นายธนาธรกล่าวว่า ตนขอส่งข้อความไปถึงพรรคพวกที่อยู่ในพรรคก้าวไกล 3 ปีนี้ ใช้ทุกวันให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ใช้ทุกวันให้ประชาชนเห็นถึงความจริงใจแน่วแน่ของเรา ที่อยากพาประเทศไทยไปข้างหน้าให้ได้มากที่สุด เมื่อวันเลือกตั้งมาถึง เราจะได้มีโอกาสเข้าไปบริหารประเทศ ทำนโยบายของพวกเราให้เป็นจริง
 

---

 
พริษฐ์ ขอบคุณโพลชู ‘ก้าวไกล’ คะแนนนิยมนำที่1 ชี้ลุยงานต่อเพื่อปชช. แม้เป็นฝ่ายค้าน
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4596977

‘พริษฐ์’ ขอบคุณ หลัง โพลชู ‘ก้าวไกล’ คะแนนนิยมอันดับ 1 ชี้ยังทำงานหนักต่อไปแม้เป็นฝ่ายค้าน ชูผลักดันความเปลี่ยนแปลง ผ่านสภา-พื้นที่ท้องถิ่น-พื้นที่ทางความคิด หวังได้ความไว้วางใจเพิ่มจนตั้งรัฐบาลได้ในสมัยหน้า

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของสถาบันพระปกเกล้า ที่สะท้อนว่าผ่านมา 1 ปีหลังการเลือกตั้ง คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลเพิ่มมากขึ้น และอาจนำมาสู่ที่นั่ง ส.ส. มากกว่า 200 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า ต้องขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้วางใจพรรคก้าวไกล ในมุมของพรรคก้าวไกลเราพูดมาตลอดว่าเรากำลังแข่งกับตัวเอง

โพลถือเป็นหนึ่งในกำลังใจที่ดีให้กับคนในพรรค แต่เราก็ยังคงทำงานหนักต่อไปไม่ได้ปล่อยให้ผลโพลตรงนี้ทำให้เราทำงานน้อยลง เราจะทำงานหนักต่อไปในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงตามที่เราได้สัญญาไว้กับประชาชน แม้ว่าเราจะเป็นฝ่ายค้านรวมถึงการเตรียมความพร้อมเป็นรัฐบาลที่สามารถนำพาการเปลี่ยนแปลงมาได้ หากได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

เมื่อถามว่าผลโพลสามารถวัดได้หรือไม่หากพรรคก้าวไกลเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองและตั้งพรรคการเมืองใหม่ ประชาชนจำนวนมากก็ยังจะสนับสนุน นายพริษฐ์กล่าวว่า ยังไม่อยากด่วนสรุปว่าพรรคจะถูกยุบ โฟกัสหลักของเราตอนนี้คือทำอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้พรรคถูกยุบ เพื่อให้เรายังมีบุคลากรของพรรคที่พร้อมขับเคลื่อนในการทำงานของพรรคต่อไป

ส่วนกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่า พรรคก้าวไกลจำเป็นต้องได้ ส.ส.ถึง 250 คนเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไปสามารถทำได้หรือไม่นั้น

นายพริษฐ์ ระบุว่า เรายังอยู่ห่างไกลการเลือกตั้งครั้งหน้ามาก อาจจะยังไม่ใช่จังหวะที่เราจะต้องคาดการณ์ผลการเลือกตั้ง โอกาสที่เราจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผลงานหรือการเปลี่ยนแปลงที่เราสามารถผลักดันได้ในฐานะฝ่ายค้าน พื้นที่ที่เราจะใช้ในการผลักดันการเปลี่ยนแปลง

หลักๆ มีอยู่ 3 พื้นที่คือ 
1. พื้นที่สภาในฐานะฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันกฎหมาย 
2. พื้นที่ท้องถิ่น เราตั้งใจจะแข่งขันในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นหากเราได้รับโอกาสเข้าไปบริหารท้องถิ่น และเราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงพื้นที่ได้ก็จะเป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่ทำให้ประชาชนไว้ใจฝีมือในการบริหาร 
และ 3. พื้นที่ทางความคิด คือวาระต่างๆ ที่เราอยากผลักดัน จะทำอย่างไรให้เราพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายให้รอบด้านและแหลมคมขึ้น

เพื่อไม่ให้เป็นนโยบายที่ฟังดูดีแต่ไม่สามารถทำได้ นโยบายต่างๆ จะต้องสามารถปฏิบัติได้จริง ผลงานของเราในการผลักดันผ่านสามพื้นที่นี้จะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะกำหนดให้เราได้รับความไว้วางใจเพิ่มขึ้น รวมถึงสามารถตั้งรัฐบาลได้สำเร็จในการเลือกตั้งครั้งต่อไป.

---

 
โรม ชี้จับเยาวชนเข้าคุก เพราะเห็นต่าง ซ้ำเติมรอยร้าวสังคม ถ้าไม่กล้าแก้ปัญหา คงไม่ปรองดอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4596914

โรม ชี้จับเยาวชน-คนเห็นต่างทางความคิด เข้าคุกเรื่อยๆ ยิ่งซ้ำเติมรอยร้าวสังคม ถ้ายังเฉย ไม่กล้าแก้ปัญหาร่วมกัน ยิ่งถอยห่างความปรองดอง

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ระบุผ่านช่องทางโซเชียลถึงกรณีศาลจังหวัดธัญบุรีพิพากษาให้ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือ ลูกเกด ส.ส.ปทุมธานี เขต 3 พรรคก้าวไกล มีความผิดตาม ม.112 จากการปราศรัยและชุมนุม #คาร์ม็อบ11กันยา64 เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังคดีการเมือง หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2564 จำคุก 3 ปี แต่ศาลลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือ 2 ปี ไม่รอลงอาญา ต่อมาได้รับการประกันตัว รวมทั้งคดีที่ศาลพิพากษาจำคุก นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ 4 ปี ขณะที่ นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูน ทะลุฟ้า จำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา ตาม ม.112, ม.217 ฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3) ว่า การที่วันนี้ยังมีคนเข้าสู่เรือนจำเรื่อยๆ จากการเห็นต่างทางความคิด ไม่เว้นแม้แต่เยาวชนอายุ 21 ปี (คุณปูน ในคดีแอมมี่) และยังมีคนบางกลุ่มมองเรื่องนี้เป็นเรื่องสนุก เห็นดีเห็นงามกับการบังคับใช้กฎหมายมาตรานี้ ทั้งที่แลกมาด้วยความขัดแย้งที่มากขึ้น ซ้ำเติมรอยร้าวของสังคมให้ชัดเจนมากขึ้น

นายรังสิมันต์กล่าวว่า ผมยังยืนยันว่าสังคมของเราไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้เลยจริงๆ โดยเฉพาะกับกรณีที่ผู้ต้องหาเป็นเยาวชน ซึ่งควรจะอยู่ที่มหาวิทยาลัย ไม่ใช่คุก ถ้าสังคมยังเพิกเฉยและไม่กล้าที่จะแก้ปัญหาร่วมกัน สังคมจะเห็นเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นไม่จบสิ้น และจะมีเยาวชนถูกส่งเข้าเรือนจำมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้แล้ว จะร่วมกันสร้างสังคมที่ปรองดองร่วมกันได้อย่างไร

“ให้กำลังใจลูกเกด แอมมี่ และทุกคนๆ ครับ” นายรังสิมันต์ระบุ

https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/1004598721023187?ref=embed_post

---

 
รอดนอนคุก! ศาลให้ประกันตัว ‘แอมมี่’ 2 แสน-ปูน ทะลุฟ้า 5 หมื่นบาท
https://www.dailynews.co.th/news/3475448/

ศาลอาญา อนุญาตให้ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ ประกันตัว ตีราคาประกัน 2 แสน ส่วน ปูน ทะลุฟ้า 5 หมื่น โดยไม่กำหนดเงื่อนไข

กรณีศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พิพากษาคดี นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ ศิลปินและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง จำคุก 4 ปี และ นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูน ทะลุฟ้า จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีหมายเลขดำ อ.1199/64 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง เป็นจำเลย 1-2 ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, มาตรา 217 ฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 
พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (3) เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันเดียวกัน (27 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ กรุงเทพฯ มีญาติของนายไชยอมร และญาตินายธนพัฒน์ จำเลยทั้งสองคนเดินทางมายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราวทั้งสองคน โดยศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยทั้งสองปล่อยชั่วคราว ระหว่างอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน นายไชยอมร 200,000 บาท และนายธนพัฒน์ 50,000 บาท โดยไม่กำหนดเงื่อนไขใดๆ