สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 33
ขอมาตอบจากประสบการณ์การทำงานเป็นักสังคมสงเคราะห์ในผู้สูงอายุครับ
จากที่ทำงานมาก็จะเห็นใน 3 รูปบบนะครับ จะสรุปให้อ่านได้ง่ายๆตามนี้
1. ผส.ที่ประสบความสำเร็จ
1.1 กลุ่มนี้จะมีการทำงานสะสมเงินและยังคงมีวิธีการใช้เงินให้เกิดประโยชน์ได้อยู่ โดยสามารถหาเงินได้อย่างไม่ต้องใช้แรงงานหรือการทำงานอย่างเต็มตัว ส่วนมากจะมีการจัดการกับชีวิตที่ดี มีการจัดการกับเงินในมือได้ดี ใช้เงินอย่างคุ้มค่า มองหาการลงทุนที่ความเสี่ยงตำ อย่างเช่นการซื้อฉลากออมทรัพย์ หุ้น ต่างๆ กลุ่มนี้จะไม่ใช้เงินไปกับความเสี่ยงใดๆ อย่างการซื้อหวยหรืออะไรที่เสียเปล่า ลักษณะ ผส.กลุ่มนี้ จะมีการควบคุมอารมณ์ จัดการตัวเองได้ดีครับ ดูแลตัวเองได้แทบจะ100% เลยแม้จะอยู่ในสถานสงเคราะห์ แต่ก็จะมีลักษณ์นิสัยเข้มงวดครับ
1.2 กลุ่มข้าราชการเกษียณ กลุ่มนี้คล้ายๆกับกลุ่ม 1.1 ครับต่างกันที่จะมีเงินเดินประจำ ครับ กลุ่มนี้มีการใช้เงินเพื่อหาเงินอยู่บ้างแต่ไม่เข้มงวดเท่ากลุ่มแรก และจะอยู่อย่างตามใจตัวเองมากกว่า การเข้มงวดในตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าในอดีตทำงานอะไรมา ก็จะมีลักษณะบุคลิกภาพตามงานที่ทำครับ
2. ผส.ที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จ
2.1 กลุ่มที่ต้องทำงานอย่างเต็มตัว จะต้องทำงานเหมือนวัยทำงานทั่วไปแต่จะติดตรงที่ ร่างกายไม่ได้พร้อมแบบวัยทำงาน ส่วนมากจะถูกผลักออกจากระบบงาน จะผันตัวมาทำงานจำพวกค้าขาย รับจ้างตามทักษะอาชีพ จะหาเงินเลี้ยงชีพแบบที่จำเป็นต้องทำงานเพื่อให้มีใช้ต่อไป เท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะลำบากครับ ทั้งที่ต้องหาเงินค่าเข่าที่พักอาศัยเดือนละเป็นพันๆ หรืออีกกลุ่มคือไม่มีที่อาศัยเพราะไม่มีเงินจ่ายก็จะหาพักอาศัยในที่ต่างๆเป็นคนไร้ที่พึ่ง แต่กลุ่มนี้ยังพยายามหาเลี้ยงชีพ อาจจะขายของเล็กๆน้อยๆ พวงกุญแจ อาหาร หรือแม้กระทั่งเก็บขวดขาย กลุ่มนี้จะมีแนวคิดที่อยากพึ่งพาตัวเองใช้ชีวิตด้วยตัวเอง พยายามในรูปแบบของตัวเอง อาจจะไม่ลำบากไปสะหมดแต่ก็ไม่สามารถพักผ่อนได้ยังมีภาระที่จะต้องส่งต่อไป
2.2 กลุ่มที่ละทิ้งแล้วซึ่งอาชีพ กลุ่มนี้จะเห็นได้ตามสถานที่สาธารณะทั่วไป ไม่ทำงาน ส่วนมากจะขอทาน หรืออาจจะทำบ้างอย่างเช่นขายขวดขายขยะครับ แต่กลุ่มนี้จะมีคุณภาพที่ชีวิตแย่ลงมาอีกจากกลุ่มที่แล้วครับ ขอเงินขออาหารกิน หรือโชคดีหน่อยก็เจอเพื่อนบ้านที่ดีช่วยดูแลครับ
ทั้งนี้ครับการช่วยเหลือจากภาครัฐก็ยังคงมีอยู่นะครับ หากสามารถยืนยันตัวตนของ ผส.ได้
-สิทธบัตรทอง
-เบี้ยผู้สูงอายุ ที่จะเพิ่มตามช่วยอายุ 60-600 / 70-700 / 80-1000 (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ)---[ค่ากินยังไม่พอเลยครับอย่างหวังเรื่องค่าที่พักอาศัย]
-สิทธสถานสงเคราะห์ ที่...ค่อยข้างจะเพ้อฝันมากครับ 1 สถานสงเคราะห์ สามารถรับ ผส. ดูแลได้ไม่กี่คน แต่แค่ใน กทม ที่เดียวนั่งรถเมล์1วันก็เจอเป็นร้อยคนแล้ว แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับที่จะสามารถรับสงเคราะห์ได้อย่างเหมาะสม
-สงเคราะห์ผู้สูงอายุ ในภาวะยากลำบาก จริงแล้วในผู้สูงอายุที่มีความยากลำบากที่ต้องช่วยเหลือตนเอง สามารถขอความใช่วยเหลือจากภาครัฐได้ครับ เป็นเงินสงเคราะห์ 1ก้อน ในเวลาที่ที่รัฐกำหนด ซึ่งผผมไม่ทราบว่าปัจจุบันมีกำหนดอย่างไร หากสงสัยสามารถโทรสอบถามได้ที่ สายด่วนพม 1300 ครับ
-สิทธช่วยเหลือปรับปรุงที่อยู่อายุของผู้สูงอายุ ผส.ที่มีบ้านเป็นของตัวเอง มีที่ หรือเช่าที่ ที่ไม่ใช้ของภาครัฐ(เช่น การรถไฟ ทหาร) อันนี้สามารถแจ้งคำร้องได้ที่เขตที่อยู่อาศัย หรือ พมจ. ได้นะครับ ส่วนรายละเอียดให้ สอบถาม เจ้าหน้าที่น่าจะเหมาะสมกว่าครับเพราะ สามารถเะปลี่ยนแปรงได้ ไปตาม นโยบายในแต่ละช่วงเวลา ครับ
ยังมีอีกหลายๆโครงการเลยครับที่ช่วยเหลือผู้สูงอายุ คือ ทุกคนสามารถหารายละะเอียดเพิ่มเติมได้จาก พม. กรมกิจการผู้สูงอายุ ครับ
อาจจะสงสัยกับเบอร์ 1300 เบอร์นี้เป็นสายด่วนที่ใช้สำหรับติดต่อขอความช่วยเหลือของ พม.ครับ สามารถโทรแจ้งเรื่องได้ทั้งเรื่อง เด็ก สตรี ผู้พิการ ผู้สูงอายุ เลยนะครับ แนะนำว่าหากอยากช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ไร้บ้าน เจอตามท้องถนน อยากให้เราสอบถามเขาก่อนนะครับว่า เขาต้องการช่วยเหลือไหม เพราะในแต่ละวันมีการแจ้งเรื่องเข้ามาเยอะมากและ จากตอนนั้นที่ทำงานคือ จำนวน จนท. ไม่เพียงค่าแบบ4-5คน ลง พื้นที่ทั้ง กทม อ่ะครับอย่างไรการช่วยเหลือก็ดีเสมอครับ
และสำท้ายนี้ ได้แค่หวังจริงๆครับว่า กระทรวง พม. จะได้ปรับการสนับสนุนจากรัฐอย่างเหมาะสมอย่างที่ควรจะเป็น งบที่ลงมาตือสำคัญมากครับ จนท ทุกคนอยากช่วยเหลือจริงๆ แต่ก็ติดปัญหามากมายทำให้ไม่สามารถช่วยได้ในบางกรณี ปัญหาเยอะใหญ่มากครับ
จากที่ทำงานมาก็จะเห็นใน 3 รูปบบนะครับ จะสรุปให้อ่านได้ง่ายๆตามนี้
1. ผส.ที่ประสบความสำเร็จ
1.1 กลุ่มนี้จะมีการทำงานสะสมเงินและยังคงมีวิธีการใช้เงินให้เกิดประโยชน์ได้อยู่ โดยสามารถหาเงินได้อย่างไม่ต้องใช้แรงงานหรือการทำงานอย่างเต็มตัว ส่วนมากจะมีการจัดการกับชีวิตที่ดี มีการจัดการกับเงินในมือได้ดี ใช้เงินอย่างคุ้มค่า มองหาการลงทุนที่ความเสี่ยงตำ อย่างเช่นการซื้อฉลากออมทรัพย์ หุ้น ต่างๆ กลุ่มนี้จะไม่ใช้เงินไปกับความเสี่ยงใดๆ อย่างการซื้อหวยหรืออะไรที่เสียเปล่า ลักษณะ ผส.กลุ่มนี้ จะมีการควบคุมอารมณ์ จัดการตัวเองได้ดีครับ ดูแลตัวเองได้แทบจะ100% เลยแม้จะอยู่ในสถานสงเคราะห์ แต่ก็จะมีลักษณ์นิสัยเข้มงวดครับ
1.2 กลุ่มข้าราชการเกษียณ กลุ่มนี้คล้ายๆกับกลุ่ม 1.1 ครับต่างกันที่จะมีเงินเดินประจำ ครับ กลุ่มนี้มีการใช้เงินเพื่อหาเงินอยู่บ้างแต่ไม่เข้มงวดเท่ากลุ่มแรก และจะอยู่อย่างตามใจตัวเองมากกว่า การเข้มงวดในตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าในอดีตทำงานอะไรมา ก็จะมีลักษณะบุคลิกภาพตามงานที่ทำครับ
2. ผส.ที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จ
2.1 กลุ่มที่ต้องทำงานอย่างเต็มตัว จะต้องทำงานเหมือนวัยทำงานทั่วไปแต่จะติดตรงที่ ร่างกายไม่ได้พร้อมแบบวัยทำงาน ส่วนมากจะถูกผลักออกจากระบบงาน จะผันตัวมาทำงานจำพวกค้าขาย รับจ้างตามทักษะอาชีพ จะหาเงินเลี้ยงชีพแบบที่จำเป็นต้องทำงานเพื่อให้มีใช้ต่อไป เท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะลำบากครับ ทั้งที่ต้องหาเงินค่าเข่าที่พักอาศัยเดือนละเป็นพันๆ หรืออีกกลุ่มคือไม่มีที่อาศัยเพราะไม่มีเงินจ่ายก็จะหาพักอาศัยในที่ต่างๆเป็นคนไร้ที่พึ่ง แต่กลุ่มนี้ยังพยายามหาเลี้ยงชีพ อาจจะขายของเล็กๆน้อยๆ พวงกุญแจ อาหาร หรือแม้กระทั่งเก็บขวดขาย กลุ่มนี้จะมีแนวคิดที่อยากพึ่งพาตัวเองใช้ชีวิตด้วยตัวเอง พยายามในรูปแบบของตัวเอง อาจจะไม่ลำบากไปสะหมดแต่ก็ไม่สามารถพักผ่อนได้ยังมีภาระที่จะต้องส่งต่อไป
2.2 กลุ่มที่ละทิ้งแล้วซึ่งอาชีพ กลุ่มนี้จะเห็นได้ตามสถานที่สาธารณะทั่วไป ไม่ทำงาน ส่วนมากจะขอทาน หรืออาจจะทำบ้างอย่างเช่นขายขวดขายขยะครับ แต่กลุ่มนี้จะมีคุณภาพที่ชีวิตแย่ลงมาอีกจากกลุ่มที่แล้วครับ ขอเงินขออาหารกิน หรือโชคดีหน่อยก็เจอเพื่อนบ้านที่ดีช่วยดูแลครับ
ทั้งนี้ครับการช่วยเหลือจากภาครัฐก็ยังคงมีอยู่นะครับ หากสามารถยืนยันตัวตนของ ผส.ได้
-สิทธบัตรทอง
-เบี้ยผู้สูงอายุ ที่จะเพิ่มตามช่วยอายุ 60-600 / 70-700 / 80-1000 (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ)---[ค่ากินยังไม่พอเลยครับอย่างหวังเรื่องค่าที่พักอาศัย]
-สิทธสถานสงเคราะห์ ที่...ค่อยข้างจะเพ้อฝันมากครับ 1 สถานสงเคราะห์ สามารถรับ ผส. ดูแลได้ไม่กี่คน แต่แค่ใน กทม ที่เดียวนั่งรถเมล์1วันก็เจอเป็นร้อยคนแล้ว แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับที่จะสามารถรับสงเคราะห์ได้อย่างเหมาะสม
-สงเคราะห์ผู้สูงอายุ ในภาวะยากลำบาก จริงแล้วในผู้สูงอายุที่มีความยากลำบากที่ต้องช่วยเหลือตนเอง สามารถขอความใช่วยเหลือจากภาครัฐได้ครับ เป็นเงินสงเคราะห์ 1ก้อน ในเวลาที่ที่รัฐกำหนด ซึ่งผผมไม่ทราบว่าปัจจุบันมีกำหนดอย่างไร หากสงสัยสามารถโทรสอบถามได้ที่ สายด่วนพม 1300 ครับ
-สิทธช่วยเหลือปรับปรุงที่อยู่อายุของผู้สูงอายุ ผส.ที่มีบ้านเป็นของตัวเอง มีที่ หรือเช่าที่ ที่ไม่ใช้ของภาครัฐ(เช่น การรถไฟ ทหาร) อันนี้สามารถแจ้งคำร้องได้ที่เขตที่อยู่อาศัย หรือ พมจ. ได้นะครับ ส่วนรายละเอียดให้ สอบถาม เจ้าหน้าที่น่าจะเหมาะสมกว่าครับเพราะ สามารถเะปลี่ยนแปรงได้ ไปตาม นโยบายในแต่ละช่วงเวลา ครับ
ยังมีอีกหลายๆโครงการเลยครับที่ช่วยเหลือผู้สูงอายุ คือ ทุกคนสามารถหารายละะเอียดเพิ่มเติมได้จาก พม. กรมกิจการผู้สูงอายุ ครับ
อาจจะสงสัยกับเบอร์ 1300 เบอร์นี้เป็นสายด่วนที่ใช้สำหรับติดต่อขอความช่วยเหลือของ พม.ครับ สามารถโทรแจ้งเรื่องได้ทั้งเรื่อง เด็ก สตรี ผู้พิการ ผู้สูงอายุ เลยนะครับ แนะนำว่าหากอยากช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ไร้บ้าน เจอตามท้องถนน อยากให้เราสอบถามเขาก่อนนะครับว่า เขาต้องการช่วยเหลือไหม เพราะในแต่ละวันมีการแจ้งเรื่องเข้ามาเยอะมากและ จากตอนนั้นที่ทำงานคือ จำนวน จนท. ไม่เพียงค่าแบบ4-5คน ลง พื้นที่ทั้ง กทม อ่ะครับอย่างไรการช่วยเหลือก็ดีเสมอครับ
และสำท้ายนี้ ได้แค่หวังจริงๆครับว่า กระทรวง พม. จะได้ปรับการสนับสนุนจากรัฐอย่างเหมาะสมอย่างที่ควรจะเป็น งบที่ลงมาตือสำคัญมากครับ จนท ทุกคนอยากช่วยเหลือจริงๆ แต่ก็ติดปัญหามากมายทำให้ไม่สามารถช่วยได้ในบางกรณี ปัญหาเยอะใหญ่มากครับ
ความคิดเห็นที่ 3
เคยเจอคนนึง แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แทบจะไม่กี่คนเลยมั้งในบรรดาคนสูงวัยที่เจอ
แทบจะอยู่กับลูกหลานตามแบบฉบับคนไทย
ไปเจอตอนโดนบวช เลยได้เห็นสัจธรรมของชีวิตโสดยามแก่ครับ เชื่อแบบไม่หาข้อโต้เถียง
ไม่ได้เจอตอนเป็นด้วย เจอตอนตายแล้วครับ แล้วเขาเล่ากันว่า เป็นใครมาจากไหน ทำอะไรมาบ้างก่อนจะตาย ปกติอะเขาจะชอบเล่าประวัติ เพื่อเป็นเกียรติกับผู้เสียชีวิต คนนำก็พูดไป แต่คนที่เล่าให้ฟังเป็นพระ
เป็นข้าราชการ ตำรวจยศ ประมาณ สิบตรี จ่า ลูกเเมียทิ้งแหละ ตัวเองมีบ้าน ที่ดิน กินบำนาญ กินเหล้า มีเพื่อนบ้านคุย ไม่ได้รวย ไม่มีมรดก แล้วก็ไม่มีคนรู้จักเยอะ
แต่วันดีคืนดี ขาดการติดต่อจากเพื่อนบ้าน เพื่อนไปหาที่บ้าน ก็พบว่าตายแล้วครับ จากความแก่ และ โรคประจำตัว แทบไม่เห็นเลยว่าไปแบบสงบจริงไหม
วันงานศพ ญาติแทบไม่มา ดูก็รู้เลยอะครับ มันไม่มีใครเสียใจแต่มาเพราะเคยรู้จัก คนแถวบ้าน นับหัวแล้วประมาณ 20 คน มาเผาวันเดียว ขนศพมาใส่โรง วันต่อไปก็เผา เพื่อนบ้านมาช่วยจัดงานศพกันเเลย ไม่มีเลี้ยงอะไรงานง่าย รับซอง 100-300
พระที่เล่าแกเล่าให้ฟัง เพราะ เขาเป็นคนแถววัดนั่นแหละแกดูรู้เยอะ น่าจะใช้ชีวิตอยู่แถวนี้มานานแล้วถึงเจอชะตากรรมแบบนี้
แล้วผู้ตายก็ใช้ชีวิตบ้านนา เหมือนที่หลายคนชอบนัก ชอบหนาอะ สงบสบายมั้งนะ แต่ตอนใกล้ตายนี่แหละ ลำบากจริงไหมม
ตัดมาอีกงาน แก่ตายปกติเช่นกัน แต่งานใหญ่ คนรวย คนมีอำนาจในจังหวัด เรียกพระมา 50 รูป ผมนั่งงงๆ สวดตามน้ำไป
แขกที่มา หนาแน่น รถจอดเต็มลาน ใส่ซอง 300-500 แทบจะมีแต่คนมีตังกันมา มาคุยมาทำความรู้จัก มาจากหลายสโมสร เกียรติยศดูเยอะประวัติยาวแต่ไม่ได้เล่า
แต่ดูจากซอง และ วัดที่จัดพิธี และ จำนวนวัดที่สวด ขนาดตอนตาย ยังไม่เหงาด้วยซ้ำไป ไม่ลำบากอะไรนักด้วย เพราะนอนโรงพยาบาลและจากไปแบบสงบ
นั่นแหละ สัจธรรม ถ้าคุณไม่ได้รวยจริง หรือ เจอคำตอบของชีวิต ตอนแก่ก็อย่าคิดว่าสวยงามไปสะทุกอย่างครับ ในวันที่ตัวคนเดียว เพื่อนก็หาย อะไรก็หาย จะใช้เหตุผลยังไงดีหละยามแก่ มันต้องคิดเอง
มันมีแค่นี้อะ คนเราเลี่ยงความแก่ไม่ได้ หลายคนรู้ดีถึงพยายามไม่อยู่คนเดียว หรือ ปล่อยคนแก่อยู่คนเดียว
ก็เชื่อไปเลยนะเพราะ ผู้ชายหลายคนบวชทดแทนบุญคุณ เวลาเจอกันตอนบวชมักจะเปลี่ยนไปเวลาเจอมุมมองชีวิต
ของผม บวช นาคไฟ 1 บวชจริง 1
นาคไฟคือ ยายตัวเอง ผมได้แค่ตั้งคำถามว่า คนตาย กับ คนเป็น ใครเจ็บปวดกว่า หันดูรอบงานศพ ด้วยมุมมองของคนในจีวร มันต่างจากคนปกติมองกันเองเยอะครับ
vision มันกว้างกว่า สำรวมมากกว่า สัจธรรมจากชีวิตแทบจะสอนหมดว่า ชีวิต คือ ความสุข คือ??
นอกนั้นคงไม่เล่า อยู่กับลูกกับหลานหมดเลยจนวันตายแหละ นี่ก็ไปงานศพญาติเพื่อนมา ก็จัดงานเรียบๆ ไม่มีความโศกเยอะ เพราะคนจากไปแล้วพูดไม่ได้ แต่คนเป็นต้องอยู่ต่อไปแหละ
แทบจะอยู่กับลูกหลานตามแบบฉบับคนไทย
ไปเจอตอนโดนบวช เลยได้เห็นสัจธรรมของชีวิตโสดยามแก่ครับ เชื่อแบบไม่หาข้อโต้เถียง
ไม่ได้เจอตอนเป็นด้วย เจอตอนตายแล้วครับ แล้วเขาเล่ากันว่า เป็นใครมาจากไหน ทำอะไรมาบ้างก่อนจะตาย ปกติอะเขาจะชอบเล่าประวัติ เพื่อเป็นเกียรติกับผู้เสียชีวิต คนนำก็พูดไป แต่คนที่เล่าให้ฟังเป็นพระ
เป็นข้าราชการ ตำรวจยศ ประมาณ สิบตรี จ่า ลูกเเมียทิ้งแหละ ตัวเองมีบ้าน ที่ดิน กินบำนาญ กินเหล้า มีเพื่อนบ้านคุย ไม่ได้รวย ไม่มีมรดก แล้วก็ไม่มีคนรู้จักเยอะ
แต่วันดีคืนดี ขาดการติดต่อจากเพื่อนบ้าน เพื่อนไปหาที่บ้าน ก็พบว่าตายแล้วครับ จากความแก่ และ โรคประจำตัว แทบไม่เห็นเลยว่าไปแบบสงบจริงไหม
วันงานศพ ญาติแทบไม่มา ดูก็รู้เลยอะครับ มันไม่มีใครเสียใจแต่มาเพราะเคยรู้จัก คนแถวบ้าน นับหัวแล้วประมาณ 20 คน มาเผาวันเดียว ขนศพมาใส่โรง วันต่อไปก็เผา เพื่อนบ้านมาช่วยจัดงานศพกันเเลย ไม่มีเลี้ยงอะไรงานง่าย รับซอง 100-300
พระที่เล่าแกเล่าให้ฟัง เพราะ เขาเป็นคนแถววัดนั่นแหละแกดูรู้เยอะ น่าจะใช้ชีวิตอยู่แถวนี้มานานแล้วถึงเจอชะตากรรมแบบนี้
แล้วผู้ตายก็ใช้ชีวิตบ้านนา เหมือนที่หลายคนชอบนัก ชอบหนาอะ สงบสบายมั้งนะ แต่ตอนใกล้ตายนี่แหละ ลำบากจริงไหมม
ตัดมาอีกงาน แก่ตายปกติเช่นกัน แต่งานใหญ่ คนรวย คนมีอำนาจในจังหวัด เรียกพระมา 50 รูป ผมนั่งงงๆ สวดตามน้ำไป
แขกที่มา หนาแน่น รถจอดเต็มลาน ใส่ซอง 300-500 แทบจะมีแต่คนมีตังกันมา มาคุยมาทำความรู้จัก มาจากหลายสโมสร เกียรติยศดูเยอะประวัติยาวแต่ไม่ได้เล่า
แต่ดูจากซอง และ วัดที่จัดพิธี และ จำนวนวัดที่สวด ขนาดตอนตาย ยังไม่เหงาด้วยซ้ำไป ไม่ลำบากอะไรนักด้วย เพราะนอนโรงพยาบาลและจากไปแบบสงบ
นั่นแหละ สัจธรรม ถ้าคุณไม่ได้รวยจริง หรือ เจอคำตอบของชีวิต ตอนแก่ก็อย่าคิดว่าสวยงามไปสะทุกอย่างครับ ในวันที่ตัวคนเดียว เพื่อนก็หาย อะไรก็หาย จะใช้เหตุผลยังไงดีหละยามแก่ มันต้องคิดเอง
มันมีแค่นี้อะ คนเราเลี่ยงความแก่ไม่ได้ หลายคนรู้ดีถึงพยายามไม่อยู่คนเดียว หรือ ปล่อยคนแก่อยู่คนเดียว
ก็เชื่อไปเลยนะเพราะ ผู้ชายหลายคนบวชทดแทนบุญคุณ เวลาเจอกันตอนบวชมักจะเปลี่ยนไปเวลาเจอมุมมองชีวิต
ของผม บวช นาคไฟ 1 บวชจริง 1
นาคไฟคือ ยายตัวเอง ผมได้แค่ตั้งคำถามว่า คนตาย กับ คนเป็น ใครเจ็บปวดกว่า หันดูรอบงานศพ ด้วยมุมมองของคนในจีวร มันต่างจากคนปกติมองกันเองเยอะครับ
vision มันกว้างกว่า สำรวมมากกว่า สัจธรรมจากชีวิตแทบจะสอนหมดว่า ชีวิต คือ ความสุข คือ??
นอกนั้นคงไม่เล่า อยู่กับลูกกับหลานหมดเลยจนวันตายแหละ นี่ก็ไปงานศพญาติเพื่อนมา ก็จัดงานเรียบๆ ไม่มีความโศกเยอะ เพราะคนจากไปแล้วพูดไม่ได้ แต่คนเป็นต้องอยู่ต่อไปแหละ
แสดงความคิดเห็น
มีใครรู้จักผู้สูงวัยที่ไม่มีเงินและไม่มีลูกหลานดูแลบ้างไหมคะ เค้าอยู่กันยังไง?