1. พูดถึงสถิติผลงานในสนาม 1 ของแนนและเดียร์ ถ้าเอามาตรฐานของ MB ทีมชาติไทยมาเป็นเกณฑ์ตัดสินวัดผลงานของนักกีฬาทั้งสองคน ต้องถือว่าทั้งแนนและเดียร์ทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานทั้งคู่ พูดแบบไม่เกรงใจนักกีฬา คือ สอบตกทั้งสองคน
2. ได้ยินหลายคนพูดว่า สถิติเดียร์ดีกว่าแนน คนที่ควรหลุด ควรเป็นแนน ไม่ใช่เดียร์ แต่สำหรับผมแล้ว สอบตกก็คือผลงานแย่ด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีใครแย่มากหรือแย่น้อยสำหรับผม เหมือนนักโทษ 2 คน ทำผิดรับโทษติดคุกเหมือนกัน คนหนึ่งติดคุก 20 ปี อีกคนติดคุก 10 ปี คุณจะบอกว่าคนที่ติดคุก 10 ปีดีกว่าคนที่ติดคุก 20 ปี เพราะจำนวนปีที่ติดคุกน้อยกว่าอีกคน พูดแบบนี้มีใครเขาเห็นด้วยกับคุณ นักโทษทำผิดก็คือทำผิด จะผิดมากผิดน้อยไม่ได้แปลว่า คนผิดน้อยเป็นคนดีกว่าคนผิดมาก เห็นหลายคนเอาตัวเลขสถิติออกมากางอธิบายเป็นฉาก ๆ ว่า เดียร์ดีกว่าแนนอย่างนั้นอย่างนี้ โดยไม่แยกแยะเลยว่า ตัวเลขที่เอามาใช้นั้นบ่งบอกให้เห็นถึงผลงานด้านบวก (ดีกว่ามาตรฐาน) หรือด้านลบ (ต่ำกว่ามาตรฐาน) ของนักกีฬา ไม่มีนักสถิติประเทศไหนเขาใช้ตัวเลขสถิติต่ำกว่ามาตรฐานหรือด้านลบเอามาเปรียบเทียบกันแล้วตัดสินว่า ใครแย่น้อยกว่า แสดงว่าคนนั้นดีกว่า
3. ถ้าโค้ชไม่ใช้ตัวเลขสถิติสนาม 1 ของแนนกับเดียร์ แล้วโค้ชใช้อะไรตัดสิน สำหรับผม ผมจะพิจารณาจาก
3.1 ผลงานในทีมชาติของแนนกับเดียร์
- แนนเป็น MB ตัวจริง 6 คนแรกของทีมชาติไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่แจ๊คอัมพรรีไทร์จากทีมชาติ และแนนก็มีผลงานที่ดีกับทีมชาติสามารถยืนเป็น MB ตัวจริงของทีมชาติชุดใหญ่ได้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด อยู่ ๆ จะให้ตัดชื่อแนนออกจาก 14 คนเพียงเพราะแนนทำผลงานได้ไม่ดีแค่แมทช์เดียว อาจจะเป็นการตัดสินที่เถรตรงเกินไปหน่อย ยังไงชื่อชั้นในเวทีการแข่งขันระดับโลก แนนก็ยังมีชื่อเสียงและการยอมรับของนักกีฬาคู่แข่งจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมากกว่าเดียร์แน่นอน ถ้าเปรียบแนนกับเดียร์เป็นไพ่สองใบในมือโค้ช ไพ่แนนมีแต้มใหญ่กว่าไพ่เดียร์แน่นอนอันนี้ไม่ต้องสงสัย ในสถานการณ์ที่โค้ชจำเป็นต้องเลือกตีไพ่ในมือออก 1 ใบและเก็บไพ่อีกใบไว้ ยังไงก็โค้ชก็ต้องเลือกตีไพ่เดียร์ออกและถือไพ่แนนไว้ต่อไปแน่นอน เพราะแนนมีผลงานอ้างอิงกับทีมชาติที่จับต้องได้มากกว่าเดียร์
3.2 โปรไฟล์ส่วนตัวของนักกีฬา
- เนื่องจากสถิติในสนาม 1 ต่างทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานทั้งแนนและเดียร์ เราจึงไม่ควรเอาสถิติด้านลบของนักกีฬา 2 คนมาใช้เปรียบเทียบกันตามเหตุผลที่ได้กล่าวไปแล้วในข้อ 2 ด้วยเหตุนี้จึงต้องใช้ข้อมูลด้านอื่นมาเปรียบเทียบพิจารณา สำหรับผม ผมจะดูโปรไฟล์ของนักกีฬาแต่ละคน มันคือแฟ้มประวัติส่วนตัวของนักกีฬาคนนั้น แน่นอนว่า โปรไฟล์ของแนนดีกว่าเดียร์ชนิดห่างกันหลายขุม ส่วนสูงก็ดีกว่า อายุก็น้อยกว่าเดียร 1 ปี เรียกว่า เปรียบเทียบคุณสมบัติแนนดีกว่าเดียร์แทบทุกด้าน ผมถึงกล้าสรุปว่า ไพ่แนนมีศักดิ์และแต้มของไพ่ใหญ่กว่าไพ่เดียร์ คนถือไพ่เขาย่อมรู้ดีว่า เขาควรเก็บไพ่ใบไหนไว้ แล้วตีไพ่ใบไหนออก
3.3 ผลงานในสนามที่ 1 ผมจะเอามาเป็นแต้มลบหักออกจากแต้มบวกที่นักกีฬาทั้งสองคนทำได้ กรณีนี้ แนนจะถูกลดฐานะการเป็นนักกีฬาตัวจริงลงมาเป็นนักกีฬาตัวสำรอง ส่วนเดียร์ซึ่งมีฐานะเป็นตัวสำรองอยู่แล้ว ก็ยังคงเป็นตัวสำรองเหมือนเดิม เพราะผลงานปกติของเดียร์ก็ประมาณนี้ไม่ได้มีอะไรเซอร์ไพร้ซ์หรือทำให้ทุกคนตกตะลึงในความปังอย่างไม่คาดฝันมาก่อน ส่วนเหตุผลที่เดียร์หลุด 14 คนผมอธิบายไว้ในข้อ 4 แล้ว
4. สิ่งที่กองเชียร์ของนักกีฬาตัวสำรองควรรับรู้และยอมรับความจริงให้ได้ คือ นักกีฬาตัวสำรองยังไงก็เป็นตัวสำรอง ไม่มีทางที่โค้ชจะไว้ใจหรือเชื่อถือตัวสำรองเท่ากับนักกีฬาตัวจริง เพราะตัวสำรองเป็นได้แค่ไพ่แต้มเล็กในมือโค้ช เมื่อไหร่ที่โค้ชเห็นว่าตัวสำรองใช้ทำประโยชน์ได้น้อย หรือทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ถือไว้ก็ไม่มีประโยชน์ โค้ชก็พร้อมที่จะตีไพ่แต้มเล็กใบนั้นออกจากมือได้ทุกเมื่อ ติ่งอย่าพยายามโต้แย้งหรือทวงถามความยุติธรรมให้กับไพ่แต้มเล็ก กับโค้ช เป็นธรรมดาที่โค้ชจะต้องเลือกถือแต่ไพ่แต้มใหญ่ (นักกีฬาตัวจริง) ไว้ในมือ และจะตีไพ่แต้มเล็ก (ตัวสำรอง) ออกเพื่อจั่วไพ่ใบใหม่เข้ามาถือแทนเสมอ ถ้าไพ่ที่จั่วเข้ามาใหม่ยังคงเป็นไพ่แต้มเล็กอยู่ดี ไพ่ใบนั้นก็มีสิทธิ์ถูกตีออกเพื่อจั่วไพ่ใบใหม่เข้ามาถือแทนในรอบต่อไป ตราบใดที่ตัวสำรองได้รับโอกาสแล้วแต่ยังพิสูจน์ตัวเองให้โค้ชเห็นไม่ได้ คุณก็ยังเป็นตัวสำรองหรือไพ่แต้มเล็กในสายตาโค้ชอยู่ดี ไม่มีโค้ชคนไหนไว้ใจเชื่อใจและไว้ใจนักกีฬาตัวสำรองมากไปกว่านักกีฬาตัวจริง ต่อให้นักกีฬาตัวจริงทำผลงานได้ไม่ดีในบางแมทช์ ในขณะที่ตัวสำรองก็ทำผลงานในระดับปกติเสมอตัว ไม่ได้พีคหรือโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับนักกีฬาตัวจริง คุณก็ต้องพร้อมเตรียมใจยอมรับการถูกตีไพ่ออกตลอดเวลา ยังไงโค้ชก็ต้องตีไพ่แต้มเล็กทิ้งก่อนไพ่แต้มใหญ่เสมอ เพราะหน้าที่ของโค้ชคือส่งไพ่ 6 ใบจาก 14 ใบในมือที่คิดว่าแต้มใหญ่สุดลงไปสู้กับไพ่ 6 ใบของทีมคู่แข่ง เพื่อต่อสู้กันว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ การถือไพ่แต้มใหญ่ (ตัวจริง) ในมือยังไงก็มีสิทธิ์ลุ้นหวังชนะทีมคู่แข่งได้มากกว่าการถือไพ่แต้มเล็กอยู่แล้ว
อ่านถึงตรงนี้มีใครไม่ยอมรับ หรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมชี้แจงและอธิบายก็ไม่เป็นไร ผมแค่อธิบายให้เห็นหลักการและกฎธรรมชาติของฐานะนักกีฬาตัวจริงกับนักกีฬาตัวสำรอง เมื่อคุณเป็นนักกีฬาตัวสำรองยังไงคุณก็ไม่มีทางได้รับการยอมรับและได้รับการปฏิบัติจากผู้อื่นเหมือนนักกีฬาตัวจริง ก็เหมือนกับการยอมรับดารานักแสดง ผู้กำกับต้องให้ความสำคัญกับนักแสดงตัวเอกของเรื่องอย่างพระเอกกับนางเอกมากกว่านักแสดงสมทบหรือนักแสดงตัวประกอบอยู่แล้ว ค่าตัวของนักแสดงตัวเอกก็ต้องมากกว่าตัวประกอบหรือตัวสมทบ ถ้าคุณเป็นแค่นักแสดงตัวประกอบหรือนักแสดงสมทบ คุณจะมาเรียกร้องสิทธิ์ความเท่าเทียม ต้องการได้ค่าตัวสูงเหมือนพระเอกนางเอก คงไม่มีผู้กำกับคนไหนเขาสามารถให้ในสิ่งที่คุณเรียกร้องได้ แถมถ้าผู้กำกับต้องตัดนักแสดงบางรายออก ด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผู้กำกับต้องเลือกตัดนักแสดงตัวประกอบหรือนักแสดงสมทบออกก่อน เพราะมันไม่ส่งผลกระทบต่อบทละครมากเหมือนกับเปลี่ยนนักแสดงตัวเอกของเรื่อง คุณน่าจะเคยได้ยินว่า ถ้าพระเอกตายหนังก็จบ ทำนองเดียวกัน ถ้าตัดแนนออกโดยที่ไม่มี MB ตัวจริงคนใหม่ขึ้นมาแทน ทีมชาติก็พังแน่นอน
คนที่ออกมาเรียกร้อง ตัดสินโค้ชตามมุมมองของตัวเอง ไม่ได้พิจารณาในมุมของโค้ชหรือผู้กำกับการแสดงว่าทำไมเขาต้องเก็บคนนี้ไว้ แล้วตัดอีกคนหนึ่งออก ตราบใดที่คุณยังไม่เข้าใจฐานะ บทบาท ของนักกีฬาตัวจริงว่ามีความสำคัญกับทีมชาติมากกว่านักกีฬาตัวสำรอง คุณก็เรียกร้องไม่มีวันสิ้นสุด และจะต้องหงุดหงิดที่ข้อเรียกร้องไม่ได้ดังใจทุกครั้ง จิตใจมีแต่ความกลัดกลุ้ม อารมณ์ไม่ดี เชียร์กีฬาอย่างไม่มีความสุขไปตลอด บางคนเป็นเอามากถึงขนาดแช่งให้ทีมไทยแพ้ หันไปเชียร์ทีมคู่แข่งแทนก็มี ทั้งหมดเป็นเพราะโมหะจริต และความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับการตัดสินใจของผู้อื่นนั่นเอง
เหตุผลที่เดียร์หลุด แต่แนนไม่หลุด
2. ได้ยินหลายคนพูดว่า สถิติเดียร์ดีกว่าแนน คนที่ควรหลุด ควรเป็นแนน ไม่ใช่เดียร์ แต่สำหรับผมแล้ว สอบตกก็คือผลงานแย่ด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีใครแย่มากหรือแย่น้อยสำหรับผม เหมือนนักโทษ 2 คน ทำผิดรับโทษติดคุกเหมือนกัน คนหนึ่งติดคุก 20 ปี อีกคนติดคุก 10 ปี คุณจะบอกว่าคนที่ติดคุก 10 ปีดีกว่าคนที่ติดคุก 20 ปี เพราะจำนวนปีที่ติดคุกน้อยกว่าอีกคน พูดแบบนี้มีใครเขาเห็นด้วยกับคุณ นักโทษทำผิดก็คือทำผิด จะผิดมากผิดน้อยไม่ได้แปลว่า คนผิดน้อยเป็นคนดีกว่าคนผิดมาก เห็นหลายคนเอาตัวเลขสถิติออกมากางอธิบายเป็นฉาก ๆ ว่า เดียร์ดีกว่าแนนอย่างนั้นอย่างนี้ โดยไม่แยกแยะเลยว่า ตัวเลขที่เอามาใช้นั้นบ่งบอกให้เห็นถึงผลงานด้านบวก (ดีกว่ามาตรฐาน) หรือด้านลบ (ต่ำกว่ามาตรฐาน) ของนักกีฬา ไม่มีนักสถิติประเทศไหนเขาใช้ตัวเลขสถิติต่ำกว่ามาตรฐานหรือด้านลบเอามาเปรียบเทียบกันแล้วตัดสินว่า ใครแย่น้อยกว่า แสดงว่าคนนั้นดีกว่า
3. ถ้าโค้ชไม่ใช้ตัวเลขสถิติสนาม 1 ของแนนกับเดียร์ แล้วโค้ชใช้อะไรตัดสิน สำหรับผม ผมจะพิจารณาจาก
3.1 ผลงานในทีมชาติของแนนกับเดียร์
- แนนเป็น MB ตัวจริง 6 คนแรกของทีมชาติไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่แจ๊คอัมพรรีไทร์จากทีมชาติ และแนนก็มีผลงานที่ดีกับทีมชาติสามารถยืนเป็น MB ตัวจริงของทีมชาติชุดใหญ่ได้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด อยู่ ๆ จะให้ตัดชื่อแนนออกจาก 14 คนเพียงเพราะแนนทำผลงานได้ไม่ดีแค่แมทช์เดียว อาจจะเป็นการตัดสินที่เถรตรงเกินไปหน่อย ยังไงชื่อชั้นในเวทีการแข่งขันระดับโลก แนนก็ยังมีชื่อเสียงและการยอมรับของนักกีฬาคู่แข่งจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมากกว่าเดียร์แน่นอน ถ้าเปรียบแนนกับเดียร์เป็นไพ่สองใบในมือโค้ช ไพ่แนนมีแต้มใหญ่กว่าไพ่เดียร์แน่นอนอันนี้ไม่ต้องสงสัย ในสถานการณ์ที่โค้ชจำเป็นต้องเลือกตีไพ่ในมือออก 1 ใบและเก็บไพ่อีกใบไว้ ยังไงก็โค้ชก็ต้องเลือกตีไพ่เดียร์ออกและถือไพ่แนนไว้ต่อไปแน่นอน เพราะแนนมีผลงานอ้างอิงกับทีมชาติที่จับต้องได้มากกว่าเดียร์
3.2 โปรไฟล์ส่วนตัวของนักกีฬา
- เนื่องจากสถิติในสนาม 1 ต่างทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานทั้งแนนและเดียร์ เราจึงไม่ควรเอาสถิติด้านลบของนักกีฬา 2 คนมาใช้เปรียบเทียบกันตามเหตุผลที่ได้กล่าวไปแล้วในข้อ 2 ด้วยเหตุนี้จึงต้องใช้ข้อมูลด้านอื่นมาเปรียบเทียบพิจารณา สำหรับผม ผมจะดูโปรไฟล์ของนักกีฬาแต่ละคน มันคือแฟ้มประวัติส่วนตัวของนักกีฬาคนนั้น แน่นอนว่า โปรไฟล์ของแนนดีกว่าเดียร์ชนิดห่างกันหลายขุม ส่วนสูงก็ดีกว่า อายุก็น้อยกว่าเดียร 1 ปี เรียกว่า เปรียบเทียบคุณสมบัติแนนดีกว่าเดียร์แทบทุกด้าน ผมถึงกล้าสรุปว่า ไพ่แนนมีศักดิ์และแต้มของไพ่ใหญ่กว่าไพ่เดียร์ คนถือไพ่เขาย่อมรู้ดีว่า เขาควรเก็บไพ่ใบไหนไว้ แล้วตีไพ่ใบไหนออก
3.3 ผลงานในสนามที่ 1 ผมจะเอามาเป็นแต้มลบหักออกจากแต้มบวกที่นักกีฬาทั้งสองคนทำได้ กรณีนี้ แนนจะถูกลดฐานะการเป็นนักกีฬาตัวจริงลงมาเป็นนักกีฬาตัวสำรอง ส่วนเดียร์ซึ่งมีฐานะเป็นตัวสำรองอยู่แล้ว ก็ยังคงเป็นตัวสำรองเหมือนเดิม เพราะผลงานปกติของเดียร์ก็ประมาณนี้ไม่ได้มีอะไรเซอร์ไพร้ซ์หรือทำให้ทุกคนตกตะลึงในความปังอย่างไม่คาดฝันมาก่อน ส่วนเหตุผลที่เดียร์หลุด 14 คนผมอธิบายไว้ในข้อ 4 แล้ว
4. สิ่งที่กองเชียร์ของนักกีฬาตัวสำรองควรรับรู้และยอมรับความจริงให้ได้ คือ นักกีฬาตัวสำรองยังไงก็เป็นตัวสำรอง ไม่มีทางที่โค้ชจะไว้ใจหรือเชื่อถือตัวสำรองเท่ากับนักกีฬาตัวจริง เพราะตัวสำรองเป็นได้แค่ไพ่แต้มเล็กในมือโค้ช เมื่อไหร่ที่โค้ชเห็นว่าตัวสำรองใช้ทำประโยชน์ได้น้อย หรือทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ถือไว้ก็ไม่มีประโยชน์ โค้ชก็พร้อมที่จะตีไพ่แต้มเล็กใบนั้นออกจากมือได้ทุกเมื่อ ติ่งอย่าพยายามโต้แย้งหรือทวงถามความยุติธรรมให้กับไพ่แต้มเล็ก กับโค้ช เป็นธรรมดาที่โค้ชจะต้องเลือกถือแต่ไพ่แต้มใหญ่ (นักกีฬาตัวจริง) ไว้ในมือ และจะตีไพ่แต้มเล็ก (ตัวสำรอง) ออกเพื่อจั่วไพ่ใบใหม่เข้ามาถือแทนเสมอ ถ้าไพ่ที่จั่วเข้ามาใหม่ยังคงเป็นไพ่แต้มเล็กอยู่ดี ไพ่ใบนั้นก็มีสิทธิ์ถูกตีออกเพื่อจั่วไพ่ใบใหม่เข้ามาถือแทนในรอบต่อไป ตราบใดที่ตัวสำรองได้รับโอกาสแล้วแต่ยังพิสูจน์ตัวเองให้โค้ชเห็นไม่ได้ คุณก็ยังเป็นตัวสำรองหรือไพ่แต้มเล็กในสายตาโค้ชอยู่ดี ไม่มีโค้ชคนไหนไว้ใจเชื่อใจและไว้ใจนักกีฬาตัวสำรองมากไปกว่านักกีฬาตัวจริง ต่อให้นักกีฬาตัวจริงทำผลงานได้ไม่ดีในบางแมทช์ ในขณะที่ตัวสำรองก็ทำผลงานในระดับปกติเสมอตัว ไม่ได้พีคหรือโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับนักกีฬาตัวจริง คุณก็ต้องพร้อมเตรียมใจยอมรับการถูกตีไพ่ออกตลอดเวลา ยังไงโค้ชก็ต้องตีไพ่แต้มเล็กทิ้งก่อนไพ่แต้มใหญ่เสมอ เพราะหน้าที่ของโค้ชคือส่งไพ่ 6 ใบจาก 14 ใบในมือที่คิดว่าแต้มใหญ่สุดลงไปสู้กับไพ่ 6 ใบของทีมคู่แข่ง เพื่อต่อสู้กันว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ การถือไพ่แต้มใหญ่ (ตัวจริง) ในมือยังไงก็มีสิทธิ์ลุ้นหวังชนะทีมคู่แข่งได้มากกว่าการถือไพ่แต้มเล็กอยู่แล้ว
อ่านถึงตรงนี้มีใครไม่ยอมรับ หรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมชี้แจงและอธิบายก็ไม่เป็นไร ผมแค่อธิบายให้เห็นหลักการและกฎธรรมชาติของฐานะนักกีฬาตัวจริงกับนักกีฬาตัวสำรอง เมื่อคุณเป็นนักกีฬาตัวสำรองยังไงคุณก็ไม่มีทางได้รับการยอมรับและได้รับการปฏิบัติจากผู้อื่นเหมือนนักกีฬาตัวจริง ก็เหมือนกับการยอมรับดารานักแสดง ผู้กำกับต้องให้ความสำคัญกับนักแสดงตัวเอกของเรื่องอย่างพระเอกกับนางเอกมากกว่านักแสดงสมทบหรือนักแสดงตัวประกอบอยู่แล้ว ค่าตัวของนักแสดงตัวเอกก็ต้องมากกว่าตัวประกอบหรือตัวสมทบ ถ้าคุณเป็นแค่นักแสดงตัวประกอบหรือนักแสดงสมทบ คุณจะมาเรียกร้องสิทธิ์ความเท่าเทียม ต้องการได้ค่าตัวสูงเหมือนพระเอกนางเอก คงไม่มีผู้กำกับคนไหนเขาสามารถให้ในสิ่งที่คุณเรียกร้องได้ แถมถ้าผู้กำกับต้องตัดนักแสดงบางรายออก ด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผู้กำกับต้องเลือกตัดนักแสดงตัวประกอบหรือนักแสดงสมทบออกก่อน เพราะมันไม่ส่งผลกระทบต่อบทละครมากเหมือนกับเปลี่ยนนักแสดงตัวเอกของเรื่อง คุณน่าจะเคยได้ยินว่า ถ้าพระเอกตายหนังก็จบ ทำนองเดียวกัน ถ้าตัดแนนออกโดยที่ไม่มี MB ตัวจริงคนใหม่ขึ้นมาแทน ทีมชาติก็พังแน่นอน
คนที่ออกมาเรียกร้อง ตัดสินโค้ชตามมุมมองของตัวเอง ไม่ได้พิจารณาในมุมของโค้ชหรือผู้กำกับการแสดงว่าทำไมเขาต้องเก็บคนนี้ไว้ แล้วตัดอีกคนหนึ่งออก ตราบใดที่คุณยังไม่เข้าใจฐานะ บทบาท ของนักกีฬาตัวจริงว่ามีความสำคัญกับทีมชาติมากกว่านักกีฬาตัวสำรอง คุณก็เรียกร้องไม่มีวันสิ้นสุด และจะต้องหงุดหงิดที่ข้อเรียกร้องไม่ได้ดังใจทุกครั้ง จิตใจมีแต่ความกลัดกลุ้ม อารมณ์ไม่ดี เชียร์กีฬาอย่างไม่มีความสุขไปตลอด บางคนเป็นเอามากถึงขนาดแช่งให้ทีมไทยแพ้ หันไปเชียร์ทีมคู่แข่งแทนก็มี ทั้งหมดเป็นเพราะโมหะจริต และความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับการตัดสินใจของผู้อื่นนั่นเอง