เรื่องราวของผม กับ The Voice
สำหรับผม “ดนตรี” ไม่ใช่ ”กีฬา“ ในสายตาของผม
ไม่ใช่การแข่งขัน ผมเป็นคนที่ไม่ชอบการแข่งขันมากๆ
ไม่ใช่เพราะกลัวแพ้ แต่ ผมไม่ชอบเห็นคนผิดหวังและรวมถึงตัวผมด้วย…ผมจึงไม่คิดเข้าแข่งขันรายการประกวดใดๆ
จนเมื่อผมเห็นThe Voice Thailand ครั้งที่1 ผมรู้สึกว่า นี่มันคืออีกโลกของการร้องเพลงหรอว่ะ มันรวมทุกแนวทุกเพศทุกวัย และ ผมมองเห็นแต่มิตรภาพในรายการนี้ ผมเฝ้าดูรายการนี้มาตลอด 3 ซีซั่น จนผมรู้สึกว่าถ้าการที่เรามีความฝันอยากเป็นนักร้อง และ เล่าเรื่องราวผ่านบทเพลงให้คนทั้งโลกได้ยิน “กูควรต้องไปรายการนี้”แล้วลองทำมันให้เต็มที่…
ผมตัดสินใจไปร่วมรายการใน The Voice Thailand 4
ทุกอย่างมันคือครั้งแรกของผมในการร่วมขเ้าแข่งขันกับคนทั้งประเทศ ซึ่ง
บ้ามาก ผมเห็นหลายคนในหลายๆที่ มารวมตัวกัน แต่ล่ะสายคือเก่งๆกันทั้งนั้น สายเรียน สายประกวด และ สายเล่นผับ อย่างผม…
ทุกอย่างตื่นเต้นผมเตรียมตัวมาระดับนึง และเมื่อถึงเวลาที่ผมต้องร้อง มันทำให้ ”ผมผิดหวัง“ ผมออกมาจากห้องๆนั้น โดยที่รู้ตัวดีว่า ผมคงไม่ได้เข้ารอบ100% ด้วยเหตุที่ ผมไม่มีประสบการณ์ “ผมร้องได้เพียงแค่ 10 วินาที รายการก็บอกผมว่าเรียบร้อยแล้วครับ” ผมตกใจมาก มันเป็นสนามรบที่ผมโดนยิงทั้งที่ยังไม่ทันได้ชักปืนด้วยซ้ำ ผมกลับบ้านด้วยความไม่เข้าใจ มีหลายคำถามเมื่อการประกาศผลออกมาว่า ทำไมคนอื่นที่ไปกับผมบางคนได้เข้ารอบ ผมมีอคติติดตัวและผมรู้สึกว่า ผมไม่ควรจะลงประกวดจะไปรายการไหนทั้งสิ้นอีกตลอดชีวิต…
เมื่อหลังจากนั้นไม่นานความคิด และ อคติของผมต้องเปลี่ยนไปเมื่อ ผมได้รับความจริงของคนที่ผ่านเข้ารอบในรายการนี้ว่า ”ผมผิดพลาด ที่ตัวผมเอง“ ผมควรจะเริ่มร้องในสิ่งที่ผมจะโชว์ ไม่ควรใช้ความเป็นคนอื่น ควรเป็นตัวเอง และ ต้องขายตัวเองให้ไวที่สุด…!! แต่นี่แหละคือปัญหา “ผมยังไม่พบเสียง และ คาแรคเตอร์ของตัวเอง”
ผมตั้งหมุดหมายไว้ว่า The Voice Thailand 5 ผมจะกลับไปพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง…✌🏻✌🏻
แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น เมื่อผมใช้ชีวิตผิดผลาดขาดความยั้งคิด ติดพนันบอล อยู่ในวงการสีเทาจน ”หมดตัว“ ผมไร้ซึ่งทางออกของชีวิตและด้วยหนี้สิ้นรุมเร้ากับเคอร์ฟิวช่วงนั้น ร้านที่ผมร้องเพลงอยู่ต้องปิด และบางร้านเวลาไม่ได้ต้องปิดเร็วขึ้น ทำให้ผม ไร้ซึ่งความคิดที่ดี แต่ด้วยคำพูดนั้นสำคัญ หากใครที่ช่วยเราให้เราหยิบยืม เราควรคืนพวกเค้า ผมจึงตัดสิ้นใจในวันนึงผมได้นัดเจ้าหนี้ทั้งหมดรวมตัวเพื่อจะมาเอาเงินคืน…
และในที่สุดผมก็มาได้ทั้งหมดแต่มันคือการที่ ผมไป”ปล้นธนาคาร“ มาคืนให้กับพวกเค้า
ใช่ครับทุกคน “ผมถูกจับ” ในเวลาไม่นาน ผมจึงต้องเข้าไปรับผลกรรมของการกระทำที่ไร้ซึ่งความคิดที่ดี ใน ”เรือนจำ“ และ แทนที่ผมมีฝันว่า อยากจะใช้นามสกุลข้างหลังว่า “ยศ The Voice” แต่กลับต้องมาเปลี่ยนเป็นใช้คำนำหน้าว่า น.ช. แทนคำว่า นาย
ช่วงชีวิตในเรือนจำที่แสนจะทรมาน มันก็ยังมีสิ่งที่ช่วยผมให้หลุดพ้นจากนรกในแต่ล่ะวันได้ยืนมือเข้ามาช่วยผมนั่นก็คือ ”การประกวดร้องเพลงในเรือนจำ“ และผมก็ได้ทำมัน ผมชนะการประกวดร้องเพลง และมันทำให้ผมเป็นนักร้องประจำเรือนจำที่ผมอยู่ และ การร้องเพลงมันพาผมไปไกลมาก เช่น ผมได้เป็นนักร้องในโครงการ “To Be Number 1” ผมได้เสนอโครงการดนตรีบำบัด และ ไปร้องเพลงให้พี่ๆน้องๆ ผู้ต้องขังในแต่ล่ะแดน แต่ล่ะ ความผิดของโทษ ตั้งแต่ ผู้ค้า ยันผู้เสพ ร่วมไปถึงคดีหัวร้อนต่างที่พลาดเข้ามา…
สุดท้ายสิ่งที่ผมภูมิใจที่สุดของผมครั้งนี้ คือ ผมได้ร้องเพลงถวายต่อหน้า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โดยห่างจากพระองค์เพียงแค่ 2-3 เมตรเท่านั้น….
หลังจากนั้นผมก็ใช้เวลาที่อยู่ในเรือนจำ ค้นหาตัวตน และเสียงของผมเอง คาแรคเตอร์ผมเอง โดยมีหมุดหมายหวังถึง The Voice Thailand ในซีซั่นที่ผมจะออกไปประกวด…
แต่แล้วก็ต้อง “ผิดหวังอีกครั้ง” เมื่อThe Voice Thailand หายไป ผมจึงคิดว่าโอกาสของผมคงไม่มีอีกแล้ว…
เมื่อผมพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ
ผมกลับมาร้องเพลงกลางคืน ผมกลับทำอาชีพสุจริต และ ห่างไกลจากวงจรการพนันบอล อีกแบบถาวร
จนกระทั้งผมได้รับโอกาสจาก ”โกบอย“ บุคคลที่เห็นความสำคัญของชีวิต และ ความสามารถของตัวผม เมื่อผมขอไปร่วมร้องเพลงเป็นจิตอาสาเข้าไปให้ความสุขแก่พี่ๆน้องๆในเรือนจำต่างๆ
ผมขอไปกับโกบอยในทุกๆที่ ผมได้ผมพี่ๆศิลปินมากมาย และ ได้เห็นรอยยิ้มของผู้ต้องราชทัณฑ์ทุกคน แล้วมันทำให้ผมรู้สึกมีความสุข และได้เป็น แบบอย่างของผู้ที่เคยผิดพลาดแล้วเริ่มเดินทางใหม่ให้กับทุกท่านๆได้เห็น…
ผมใช้คำว่าผมเป็น “ศิลปินจิตอาสา ช่องโกบอยครัช” ได้อย่างเต็มปาก และ พร้อมทุกจะไปร้องเพลงให้ความสุขกับพี่ๆน้องๆในทุกเรือนจำทั่วประเทศ
มีหลายรายการที่ผมไปเพื่อ บอกเล่าประสบการณ์ชีวิตในทางที่ผิดพลาดเกี่ยวกับการพนัน พูดคุยถกเรื่องปัญหา ของการสังคมจะต้องให้โอกาสกับคนที่พ้นโทษออกมาจากเรือนจำเพื่อเป็นตัวแทนพี่ๆน้องๆที่ผิดพลาดไปแล้วต้องการโอกาสจากสังคมเมื่อออกมาแล้วอยากใช้ชีวิตในทางสุจริตชน และ ขอให้สังคมเปิดรับพวกเขา ด้วยความเต็มใจ ไม่รังเกียจกัน
“รางวัลแห่งการทำความดี” ก็มีส่วนให้ผม เลือกที่จะทำต่อไปเพราะรู้สึกว่า ยังมีคนที่เห็น ไม่ใช่แค่ “อตีดที่เราเลว แต่วันนี้ที่เราดี เค้าก็ยังมองเราอยู่”
การร้องเพลง มันพามาไกลจากจุดแย่ๆของชีวิตผมมาก
จนถึงวันนี้…
วันที่ผมได้รับข่าวดีว่า เวทีที่ผมรอคอยมานานหลายปี กลับมาแล้ว และ ผมไม่ควรจะพลาดมัน ผมจะต้องเอาตัวเองไปยืนที่นั่นแล้วพิสูจน์ให้ทุกคนได้รู้ว่า ครั้งนี้ ผมจะมาแก้ 10 วินาทีนั้น ให้ได้ ด้วยหลายๆกำลังใจจากหลายๆคน ทำให้ผมไม่ควรพลาดรายการนี้ “The Voice Thailand 2024”
แน่นอนครับผมไม่รอช้า ผมลางานร้องกลางคืนเพื่อเตรียมตัว เตรียมเสียงไปAudition ในวันแรกของภาคกลาง วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ผมเดินทางยังจุดหมาย แต่แล้วหนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ใช่ครับผมไปไม่ทันคน 800 คิวเต็มเป็นที่เรียบร้อยในเวลาอันสั้น… ผมกลับบ้านทันที่ และ เริ่มวางแผนใหม่
ด้วยความยอมแพ้
คืนวันที่ 23 พฤษภาคมผมมีร้องเพลงลงจากเวทีเวลา 00.00 ผมเดินทางจากร้านที่ผมร้องไปถึงจุดรับสมัคร Audition ในวันที่ 24 พฤษภาคม เวลา 01.00 น และ แน่นอนผมชนะแล้ว ผมได้คิวลำดับที่ 180 และ ไม่ได้นอนจนไปถึงเตรียมตัวเข้าตู้ร้องใน เวลา 13.00 น 12 ชั่วโมง แห่งความอดทนด้วยร่างกาย และ คุณภาพของเสียง
ผมไม่มีความกังวนใดๆ เพราะผมมาเพื่อแก้ไข 10 วินาที ของผมใน ซีซั่นที่4 และ ขอขอบคุณผู้จัดมากๆสำหรับซีซั่นนี้ ให้เวลาร้อง คนล่ะ 60 วินาที
ผมใช้ความคิดทำให้ 60 วินาทีของผมมีค่าที่สุดและทำให้ The Voice 2024 ต้องได้ยินเสียงผม และ “ผมทำมันอย่างเต็มที่” โดยที่ไม่มีความเสียใจ ไม่มีความเสียดาย ติดตัวออกมาเลยเมื่อเดินออกมาจากตู้ Audition ผมได้แก้ 10 วินาทีของผมแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่ที่ความชอบของทางรายการแล้ว ว่าผมควรไปต่อหรือไม่
การเดินทางของผมจะสิ้นสุด หรือ ไม่ผมไม่รู้แต่ที่รู้ ถ้า60 วินาที ของปีนี้ไม่ได้ผล ปีหน้าทุกคนจะเจอผมอีกแน่ จนกว่าผมจะร้องไม่ไหว หรือ ตายไปเลย
เรื่องเล่าจากผม : ยศ THAIVODKA (V40904)
✨เรื่องราวของผม กับ The Voice Thailand
สำหรับผม “ดนตรี” ไม่ใช่ ”กีฬา“ ในสายตาของผม
ไม่ใช่การแข่งขัน ผมเป็นคนที่ไม่ชอบการแข่งขันมากๆ
ไม่ใช่เพราะกลัวแพ้ แต่ ผมไม่ชอบเห็นคนผิดหวังและรวมถึงตัวผมด้วย…ผมจึงไม่คิดเข้าแข่งขันรายการประกวดใดๆ
จนเมื่อผมเห็นThe Voice Thailand ครั้งที่1 ผมรู้สึกว่า นี่มันคืออีกโลกของการร้องเพลงหรอว่ะ มันรวมทุกแนวทุกเพศทุกวัย และ ผมมองเห็นแต่มิตรภาพในรายการนี้ ผมเฝ้าดูรายการนี้มาตลอด 3 ซีซั่น จนผมรู้สึกว่าถ้าการที่เรามีความฝันอยากเป็นนักร้อง และ เล่าเรื่องราวผ่านบทเพลงให้คนทั้งโลกได้ยิน “กูควรต้องไปรายการนี้”แล้วลองทำมันให้เต็มที่…
ผมตัดสินใจไปร่วมรายการใน The Voice Thailand 4
ทุกอย่างมันคือครั้งแรกของผมในการร่วมขเ้าแข่งขันกับคนทั้งประเทศ ซึ่งบ้ามาก ผมเห็นหลายคนในหลายๆที่ มารวมตัวกัน แต่ล่ะสายคือเก่งๆกันทั้งนั้น สายเรียน สายประกวด และ สายเล่นผับ อย่างผม…
ทุกอย่างตื่นเต้นผมเตรียมตัวมาระดับนึง และเมื่อถึงเวลาที่ผมต้องร้อง มันทำให้ ”ผมผิดหวัง“ ผมออกมาจากห้องๆนั้น โดยที่รู้ตัวดีว่า ผมคงไม่ได้เข้ารอบ100% ด้วยเหตุที่ ผมไม่มีประสบการณ์ “ผมร้องได้เพียงแค่ 10 วินาที รายการก็บอกผมว่าเรียบร้อยแล้วครับ” ผมตกใจมาก มันเป็นสนามรบที่ผมโดนยิงทั้งที่ยังไม่ทันได้ชักปืนด้วยซ้ำ ผมกลับบ้านด้วยความไม่เข้าใจ มีหลายคำถามเมื่อการประกาศผลออกมาว่า ทำไมคนอื่นที่ไปกับผมบางคนได้เข้ารอบ ผมมีอคติติดตัวและผมรู้สึกว่า ผมไม่ควรจะลงประกวดจะไปรายการไหนทั้งสิ้นอีกตลอดชีวิต…
เมื่อหลังจากนั้นไม่นานความคิด และ อคติของผมต้องเปลี่ยนไปเมื่อ ผมได้รับความจริงของคนที่ผ่านเข้ารอบในรายการนี้ว่า ”ผมผิดพลาด ที่ตัวผมเอง“ ผมควรจะเริ่มร้องในสิ่งที่ผมจะโชว์ ไม่ควรใช้ความเป็นคนอื่น ควรเป็นตัวเอง และ ต้องขายตัวเองให้ไวที่สุด…!! แต่นี่แหละคือปัญหา “ผมยังไม่พบเสียง และ คาแรคเตอร์ของตัวเอง”
ผมตั้งหมุดหมายไว้ว่า The Voice Thailand 5 ผมจะกลับไปพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง…✌🏻✌🏻
แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น เมื่อผมใช้ชีวิตผิดผลาดขาดความยั้งคิด ติดพนันบอล อยู่ในวงการสีเทาจน ”หมดตัว“ ผมไร้ซึ่งทางออกของชีวิตและด้วยหนี้สิ้นรุมเร้ากับเคอร์ฟิวช่วงนั้น ร้านที่ผมร้องเพลงอยู่ต้องปิด และบางร้านเวลาไม่ได้ต้องปิดเร็วขึ้น ทำให้ผม ไร้ซึ่งความคิดที่ดี แต่ด้วยคำพูดนั้นสำคัญ หากใครที่ช่วยเราให้เราหยิบยืม เราควรคืนพวกเค้า ผมจึงตัดสิ้นใจในวันนึงผมได้นัดเจ้าหนี้ทั้งหมดรวมตัวเพื่อจะมาเอาเงินคืน…
และในที่สุดผมก็มาได้ทั้งหมดแต่มันคือการที่ ผมไป”ปล้นธนาคาร“ มาคืนให้กับพวกเค้า
ใช่ครับทุกคน “ผมถูกจับ” ในเวลาไม่นาน ผมจึงต้องเข้าไปรับผลกรรมของการกระทำที่ไร้ซึ่งความคิดที่ดี ใน ”เรือนจำ“ และ แทนที่ผมมีฝันว่า อยากจะใช้นามสกุลข้างหลังว่า “ยศ The Voice” แต่กลับต้องมาเปลี่ยนเป็นใช้คำนำหน้าว่า น.ช. แทนคำว่า นาย
ช่วงชีวิตในเรือนจำที่แสนจะทรมาน มันก็ยังมีสิ่งที่ช่วยผมให้หลุดพ้นจากนรกในแต่ล่ะวันได้ยืนมือเข้ามาช่วยผมนั่นก็คือ ”การประกวดร้องเพลงในเรือนจำ“ และผมก็ได้ทำมัน ผมชนะการประกวดร้องเพลง และมันทำให้ผมเป็นนักร้องประจำเรือนจำที่ผมอยู่ และ การร้องเพลงมันพาผมไปไกลมาก เช่น ผมได้เป็นนักร้องในโครงการ “To Be Number 1” ผมได้เสนอโครงการดนตรีบำบัด และ ไปร้องเพลงให้พี่ๆน้องๆ ผู้ต้องขังในแต่ล่ะแดน แต่ล่ะ ความผิดของโทษ ตั้งแต่ ผู้ค้า ยันผู้เสพ ร่วมไปถึงคดีหัวร้อนต่างที่พลาดเข้ามา…
สุดท้ายสิ่งที่ผมภูมิใจที่สุดของผมครั้งนี้ คือ ผมได้ร้องเพลงถวายต่อหน้า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โดยห่างจากพระองค์เพียงแค่ 2-3 เมตรเท่านั้น….
หลังจากนั้นผมก็ใช้เวลาที่อยู่ในเรือนจำ ค้นหาตัวตน และเสียงของผมเอง คาแรคเตอร์ผมเอง โดยมีหมุดหมายหวังถึง The Voice Thailand ในซีซั่นที่ผมจะออกไปประกวด…
แต่แล้วก็ต้อง “ผิดหวังอีกครั้ง” เมื่อThe Voice Thailand หายไป ผมจึงคิดว่าโอกาสของผมคงไม่มีอีกแล้ว…
เมื่อผมพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ
ผมกลับมาร้องเพลงกลางคืน ผมกลับทำอาชีพสุจริต และ ห่างไกลจากวงจรการพนันบอล อีกแบบถาวร
จนกระทั้งผมได้รับโอกาสจาก ”โกบอย“ บุคคลที่เห็นความสำคัญของชีวิต และ ความสามารถของตัวผม เมื่อผมขอไปร่วมร้องเพลงเป็นจิตอาสาเข้าไปให้ความสุขแก่พี่ๆน้องๆในเรือนจำต่างๆ
ผมขอไปกับโกบอยในทุกๆที่ ผมได้ผมพี่ๆศิลปินมากมาย และ ได้เห็นรอยยิ้มของผู้ต้องราชทัณฑ์ทุกคน แล้วมันทำให้ผมรู้สึกมีความสุข และได้เป็น แบบอย่างของผู้ที่เคยผิดพลาดแล้วเริ่มเดินทางใหม่ให้กับทุกท่านๆได้เห็น…
ผมใช้คำว่าผมเป็น “ศิลปินจิตอาสา ช่องโกบอยครัช” ได้อย่างเต็มปาก และ พร้อมทุกจะไปร้องเพลงให้ความสุขกับพี่ๆน้องๆในทุกเรือนจำทั่วประเทศ
มีหลายรายการที่ผมไปเพื่อ บอกเล่าประสบการณ์ชีวิตในทางที่ผิดพลาดเกี่ยวกับการพนัน พูดคุยถกเรื่องปัญหา ของการสังคมจะต้องให้โอกาสกับคนที่พ้นโทษออกมาจากเรือนจำเพื่อเป็นตัวแทนพี่ๆน้องๆที่ผิดพลาดไปแล้วต้องการโอกาสจากสังคมเมื่อออกมาแล้วอยากใช้ชีวิตในทางสุจริตชน และ ขอให้สังคมเปิดรับพวกเขา ด้วยความเต็มใจ ไม่รังเกียจกัน
“รางวัลแห่งการทำความดี” ก็มีส่วนให้ผม เลือกที่จะทำต่อไปเพราะรู้สึกว่า ยังมีคนที่เห็น ไม่ใช่แค่ “อตีดที่เราเลว แต่วันนี้ที่เราดี เค้าก็ยังมองเราอยู่”
การร้องเพลง มันพามาไกลจากจุดแย่ๆของชีวิตผมมาก
จนถึงวันนี้…
วันที่ผมได้รับข่าวดีว่า เวทีที่ผมรอคอยมานานหลายปี กลับมาแล้ว และ ผมไม่ควรจะพลาดมัน ผมจะต้องเอาตัวเองไปยืนที่นั่นแล้วพิสูจน์ให้ทุกคนได้รู้ว่า ครั้งนี้ ผมจะมาแก้ 10 วินาทีนั้น ให้ได้ ด้วยหลายๆกำลังใจจากหลายๆคน ทำให้ผมไม่ควรพลาดรายการนี้ “The Voice Thailand 2024”
แน่นอนครับผมไม่รอช้า ผมลางานร้องกลางคืนเพื่อเตรียมตัว เตรียมเสียงไปAudition ในวันแรกของภาคกลาง วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ผมเดินทางยังจุดหมาย แต่แล้วหนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ใช่ครับผมไปไม่ทันคน 800 คิวเต็มเป็นที่เรียบร้อยในเวลาอันสั้น… ผมกลับบ้านทันที่ และ เริ่มวางแผนใหม่
ด้วยความยอมแพ้
คืนวันที่ 23 พฤษภาคมผมมีร้องเพลงลงจากเวทีเวลา 00.00 ผมเดินทางจากร้านที่ผมร้องไปถึงจุดรับสมัคร Audition ในวันที่ 24 พฤษภาคม เวลา 01.00 น และ แน่นอนผมชนะแล้ว ผมได้คิวลำดับที่ 180 และ ไม่ได้นอนจนไปถึงเตรียมตัวเข้าตู้ร้องใน เวลา 13.00 น 12 ชั่วโมง แห่งความอดทนด้วยร่างกาย และ คุณภาพของเสียง
ผมไม่มีความกังวนใดๆ เพราะผมมาเพื่อแก้ไข 10 วินาที ของผมใน ซีซั่นที่4 และ ขอขอบคุณผู้จัดมากๆสำหรับซีซั่นนี้ ให้เวลาร้อง คนล่ะ 60 วินาที
ผมใช้ความคิดทำให้ 60 วินาทีของผมมีค่าที่สุดและทำให้ The Voice 2024 ต้องได้ยินเสียงผม และ “ผมทำมันอย่างเต็มที่” โดยที่ไม่มีความเสียใจ ไม่มีความเสียดาย ติดตัวออกมาเลยเมื่อเดินออกมาจากตู้ Audition ผมได้แก้ 10 วินาทีของผมแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่ที่ความชอบของทางรายการแล้ว ว่าผมควรไปต่อหรือไม่
การเดินทางของผมจะสิ้นสุด หรือ ไม่ผมไม่รู้แต่ที่รู้ ถ้า60 วินาที ของปีนี้ไม่ได้ผล ปีหน้าทุกคนจะเจอผมอีกแน่ จนกว่าผมจะร้องไม่ไหว หรือ ตายไปเลย
เรื่องเล่าจากผม : ยศ THAIVODKA (V40904)