การไม่ตีลูก ย่อมดีกว่า การตีลูก ทำไมถึงเป็นแบบนั้น มาฟังกันเถอะ?

สอนใจเย็นแบบนี้ เด็กจะทำตามกี่โมง!?! เป็นคำถามที่หมอเจอบ่อย ๆ ในเพจค่ะ
.
หมอเชื่อในการสอนโดยไม่ตี หรือทำโทษแรง ๆ แต่เชื่อในการสอนด้วยเหตุผลอย่างใจเย็น และนี่คือ 3 เหตุผลที่หมอเชื่ออย่างนั้นค่ะ
.
หนึ่ง ตี หรือทำโทษแรง ๆ ไม่สร้างทักษะอะไรเลย
.
เด็กเกิดมาพร้อมความรู้สึกมากมาย แต่ไม่มีทักษะจัดการความรู้สึกเหล่านั้น ดังนั้น เค้าจึงปล่อยความรู้สึกออกมาผ่านพฤติกรรมที่เรามองว่า “นิสัยไม่ดี”
.
วิธีเดียวที่จะสร้างนิสัยดีให้ลูกได้ คือการสร้างทักษะให้เค้า บอกเค้าว่าโกรธแล้วทำยังไง เศร้าแล้วทำยังไง หงุดหงิดแล้วทำยังไง ซึ่งการตี การไล่เค้าไปขังในห้อง ไม่ช่วยสอนสิ่งเหล่านี้เลยค่ะ
.
ถ้าลูกเศร้าแล้วโดนตี โกรธแล้วโดนตี เค้าจะเรียนรู้ว่า การเก็บกดอารมณ์คือความปลอดภัย การเอาอกเอาใจพ่อแม่คือความปลอดภัย ... ลูกเอาอกเอาใจเรา อาจดูน่ารัก ว่านอนสอนง่าย ... แต่เราได้สร้างลูกที่มีปัญหาสุขภาพจิตขึ้นแล้ว และเค้าต้องทนทุกข์กับปัญหานี้ไปอีกแสนนาน
.
สอง การทำโทษแรง ๆ สร้างความอับอาย
.
เมื่อเราลงโทษ เด็กจะรู้สึกอับอาย และความอับอาย ทำให้เค้าถูกแช่แข็ง
.
ลูกจะกลัว จะนิ่ง จะเงียบ เค้าอาจจะร้องไห้คนเดียวที่มุมห้อง เค้าอาจจะเงียบไปหลายชั่วโมง ซึ่งในภาวะแช่แข็งแบบนี้ เด็กไม่มีการเรียนรู้ เติบโต หรือเปลี่ยนแปลงใดใด นอกจากเกิดความกลัว ความเศร้า และความหวาดผวาขึ้นในใจ
.
สาม การทำโทษแรง ๆ เป็นการบอกลูกว่า เค้าเป็น “เด็กไม่ดี”
.
เด็ก ๆ มองว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน ผ่านสิ่งที่เราบอกเค้า ... คำพูดของเรา การกระทำของเรา คือสิ่งที่เด็กใช้สร้างตัวตน
.
ดังนั้น ถ้าเราลงโทษลูกด้วยการตีและด่าทอ ไล่เค้าไปในห้อง ด่าเค้าด้วยถ้อยคำที่แรงที่สุด ... ลูกจะมองตัวเองว่าเป็นคนไม่ได้เรื่อง เป็นคนที่พ่อแม่อยากให้ไปไกล ๆ เป็นสิ่งมีชีวิตไร้ค่าที่ต้องโดนทำร้าย
.
ลูกจะเป็นเด็กดีได้ จะนิสัยดีได้ เค้าต้องรู้สึกดีจากข้างในก่อน และคนเดียวที่ช่วยเค้าได้ คือ “พ่อแม่” ถ้าอยากให้เค้าเรียนรู้และเติบโต มีวิธีสอนมากมายหลายล้านอย่าง ... แต่ไม่ใช่การตีหรือทำโทษแรงๆค่ะ
.
#ไม่ตีเด็ก
#ไม่ทำโทษรุนแรง
#คำคมหมอพลอย
#หมอพลอยลูกอัจฉริยะสร้างได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่