ศาสนาคริสต์

พอดีมีเพื่อนที่เป็นคริสต์ คุยกันถูกคอมาก รู้สึกมีพลังบวกมากขึ้น ให้กำลังใจดี แต่กลับไปต่างประเทศแล้ว เลยอยากลองศึกษาเรียนรู้แบบจริงจังดู แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงก่อนดีครับ อยากสอบภามเพื่อนๆพี่ๆผู้รู้ดูก่อนครับ ผมอยู่พื้นที่ ขอนแก่น ครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ท่านสามารถศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้จากลิงค์นี้ครับ  http://www.ireadbible.org  หรือสั่งซื้อได้ที่สมาคมพระคริสตธรรมไทย และร้านหนังสือคริสเตียน  
โดยคัมภีร์ไบเบิล (พระคริสตธรรมคัมภีร์)  ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
     (1) ภาคพันธสัญญาเดิม (ก่อนพระเยซูคริสต์ประสูติ)
     (2) ภาคพันธสัญญาใหม่ (หลังพระเยซูคริสต์ประสูติ)

สำหรับผู้ที่เริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิล  ขอแนะนำให้อ่านภาคพันธสัญญาใหม่ก่อน  เนื่องจากเข้าใจง่ายและมีจำนวนหน้าน้อยกว่ามาก
โดยเน้นในพระกิตติคุณ 4 เล่มแรกก่อน  ประกอบด้วยหนังสือ  มัทธิว  มาระโก  ลูกา  และยอห์น (โดยอ่านหลายๆรอบก่อน  แล้วจึงไปอ่านเล่มอื่น)
หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามจากผู้นำคริสตจักรทุกแห่งในวันอาทิตย์  (เราเรียกตำแหน่งนี้ว่า "ศิษยาภิบาล")

สอบถามคริสตจักรใกล้บ้านพร้อมเบอร์โทรติดต่อได้ที่  สมาคมพระคริสตธรรมไทย  โทร 02 279 8341-4  http://www.thaibible.or.th
หรือค้นหาได้จาก  https://tuthai.org/directory/area/  และ  https://www.christiansiam.com/Church/Church.html

เมื่อเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์แล้ว  ควรไปนมัสการพระเจ้าที่โบสถ์เป็นประจำ (หรือนมัสการพระเจ้าทางออนไลน์)
เพื่อเรียนรู้เรื่องราวของพระเจ้าให้มากขึ้น และเสริมสร้างจิตวิญญาณของเราให้เข้มแข็ง  

นิกายหลักของศาสนาคริสต์ที่ทั่วโลกยอมรับมี 3 นิกาย

1. โรมันคาทอลิก (Roman Catholic)  หรือเรียกชื่อย่อว่า "คาทอลิก"  มีนักบวช  สถานประกอบพิธีทางศาสนาเรียกว่าวัด
เช่น  วัดพระมหาไถ่  วัดพระแม่มหาการุณย์  วัดพระแม่สกลสงเคราะห์ เป็นต้น  มักจะมีโบสถ์ (วิหาร) ที่สวยงาม  
ทั้งภายในและภายนอกโบสถ์มีรูปเคารพ เช่น  รูปปั้นหรือภาพวาดพระเยซู / พระแม่มารี / นักบุญต่างๆ  
นิยมเรียกพระวิญญาณของพระเจ้าว่า "พระจิต"  ในเมืองไทยนิยมเรียกผู้ที่นับถือนิกายนี้ว่า "คริสตัง" หรือ "คาทอลิก"  
ในบางครั้งจะขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าผู้ประเสริฐผ่านทางพระแม่มารีหรือนักบุญต่างๆ

2. ออร์ทอดอกซ์ (Orthodox)  เป็นนิกายที่เก่าแก่เท่ากับนิกายคาทอลิก  มีนักบวช  และมักจะมีโบสถ์ (วิหาร) ที่สวยงาม  
ภายในโบสถ์จะมีรูปเคารพ  เช่น  ภาพวาดพระเยซู / พระแม่มารี / นักบุญต่างๆ  นิกายนี้แพร่หลายในประเทศรัสเซีย  
ในเมืองไทยเริ่มมีให้เห็นบ้างแล้ว

3. โปรเตสแตนต์ (Protestant)  แยกตัวออกมาจากนิกายคาทอลิก  เป็นนิกายเดียวที่ไม่มีนักบวช (ยกเว้นคณะแองกลิกัน)  
เวลาประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำอาจแต่งกายด้วยชุดคลุมสวมทับชุดปกติ  สถานประกอบพิธีทางศาสนาเรียกว่าคริสตจักร  
เช่น  คริสตจักรสะพานเหลือง  คริสตจักรสร้างสรรค์กรุงเทพ  คริสตจักรใจสมาน เป็นต้น  อาคารคริสตจักร (โบสถ์)
มีหลากหลายรูปแบบ  ทั้งแบบธรรมดาโดยดัดแปลงจากบ้านพักอาศัย  หรือแบบหรูหราสง่างามก็มี  โดยไม่ได้ยึดติดกับรูปแบบอาคาร  
ทั้งภายในและภายนอกโบสถ์ไม่มีรูปเคารพ  นิยมเรียกพระวิญญาณของพระเจ้าว่า "พระวิญญาณบริสุทธิ์"  ในเมืองไทยนิยมเรียกผู้ที่นับถือ
นิกายนี้ว่า "คริสเตียน"

ศาสนาคริสต์มีความเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ (พระเจ้าผู้สูงสุด) ที่มาเกิดเป็นมนุษย์ในสถานะพระบุตร  
โดยพระบุตรมีความเท่าเทียมกับพระบิดาในสวรรค์ และพระวิญญาณของพระเจ้า  และพระเจ้าผู้ประเสริฐทั้ง 3 สถานะเป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน  
แต่ดำรงอยู่ต่างสถานะกัน  เปรียบเหมือนกับน้ำที่มี 3 สถานะ คือ ของแข็ง  ของเหลว  และก๊าซ  แต่ก็เป็นน้ำเหมือนกัน
นั่นคือ พระเจ้าผู้ประเสริฐทรงมี 3 สถานะ คือ  พระบิดา  พระบุตร  และพระวิญญาณของพระเจ้า  โดยที่พระเจ้าทั้ง 3 สถานะสามารถพูดคุยกันได้
ความเชื่อนี้เรียกว่า "ตรีเอกภาพ" หรือ "ตรีเอกานุภาพ"  โดยพระเยซูคริสต์เป็นผู้ประทานความรอดให้แก่มนุษย์  และจะนำให้มนุษย์ไปอยู่ในสวรรค์

คำสอนของพระเจ้าผู้ประเสริฐจากคัมภีร์ไบเบิล

1. อิสยาห์ 55:6-7  
จงแสวงหาพระเจ้า เพื่อจะพบพระองค์ได้  จงอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระองค์ในขณะที่พระองค์ทรงอยู่ใกล้
ให้คนบาปเลิกทำบาป และเลิกคิดในสิ่งที่ชั่ว  ให้เขากลับมายังพระเจ้าเพื่อพระองค์จะทรงเมตตา และให้อภัยทุกอย่าง

2. มัทธิว 11:28-30   พระเยซูคริสต์ตรัสดังนี้
บรรดาผู้ที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยและมีภาระหนักจงมาหาเรา  แล้วเราจะทำให้ท่านหายเหนื่อยและเป็นสุข
จงมอบภาระทุกอย่างไว้กับเรา แล้วเรียนรู้จากเรา  เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม แล้วจิตใจของท่านจะได้พัก
เพราะว่าเรารับภาระของท่านได้ทุกอย่าง และภาระของเราก็เบา

ทุกคนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดหรือไม่นับถือศาสนา  ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าผู้ประเสริฐได้
แต่จะต้องไม่ขอเพื่อสนองกิเลสตัณหา  โดยสิ่งที่ขอนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ดี  เป็นสิ่งจำเป็น  และเป็นสิ่งที่เหมาะสม
หากสิ่งที่ขอสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์  พระองค์ก็จะช่วยเหลือด้วยการอัศจรรย์  โดยพระองค์จะช่วยเหลือแบบให้เปล่า

เมื่อรับเชื่อพระเจ้าเป็นคริสตชนแล้ว  สามารถเลือกที่จะเดินในทางชอบธรรมของพระเจ้าหรือไม่ก็ได้ (พระเจ้าให้เสรีภาพแก่ทุกคน)
โดยหากผู้ใดไม่เดินในทางชอบธรรมของพระเจ้า  พระเจ้าจะไม่นับเป็นลูกของพระองค์อีกต่อไป  เมื่อตายไปแล้วจะไม่ได้ไปสวรรค์
และผู้ใดเดินในทางชอบธรรมของพระเจ้า  ผู้นั้นจะดำเนินชีวิตได้ดีและมีสันติสุข  โดยพระเจ้าเป็นผู้ประทานสันติสุขให้แก่ผู้นั้น
หากผู้ใดเดินในทางชอบธรรมของพระเจ้าอย่างมั่นคง  เมื่อตายไปแล้วพระเจ้าจะรับไปอยู่ในสวรรค์ชั่วนิรันดร์
หมายเหตุ  
(1) การเดินในทางชอบธรรมของพระเจ้า ประกอบด้วย  วางใจพระเจ้า  ไม่ทำบาป  และมุ่งทำความดี
(2) วางใจพระเจ้า หมายถึง  ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า  โดยเชื่อว่าพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่