บช.ก. สนธิกำลังบุกค้น 5 จุด! รวบ นายช่างโยธากทม. เรียกรับสินบน 9 ล้านบาท แก้แบบถนน พร้อมยึดรถหรู เมอร์ซีเดสเบนซ์-ฮาเลย์เดวิสัน อื้อ ชัชชาติ สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ภายใน 60 วัน มั่นใจ ผู้บริหาร กทม.ไม่เกี่ยว
เมื่อวันที่ 20 พ.ค.67 เวลา 06.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. บูรณาการกำลังร่วมกับ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวนรวม 5 จุด ในพื้นที่ จ.นนทบุรี ปทุมธานี และนครราชสีมา เพื่อจับกุมขบวนการเจ้าหน้าที่สำนักงานโยธา กทม. เรียกรับสินบนจำนวน 9 ล้านบาท เพื่อแลกกับการช่วยแก้ไขแบบแนวเขตโครงการถนนเลียบวารี ไม่ให้เข้าไปในเขตสนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่หมู่ 8 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
โดยเป้าหมายสำคัญจุดแรกอยู่ที่บ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายภีมพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล) นายช่างโยธาชำนาญงาน กองจัดกรรมสิทธิ์ สำนักงานโยธา กทม. และภรรยา ผู้ต้องหาคนสำคัญของขบวนการ โดยทันทีที่เจ้าหน้าที่ไปถึงพบนายภีมพงษ์กับภรรยากำลังนอนพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน จึงแสดงตัวขอเข้าตรวจค้น พร้อมกับแสดงหมายจับเข้าทำการจับกุม
ทั้งนี้ จากการตรวจค้นภายในบ้าน เบื้องต้นพบรถยนต์หรูยี่ห้อเมอร์ซีเดสเบนซ์ 1 คัน รถยนต์โตโยต้า รุ่นแคมรี่ 1 คัน พร้อมกับรถจักรยานยนต์ ฮาเลย์เดวิสัน จำนวน 5 คัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด
วันเดียวกัน ที่ศาลาว่าการ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 8/2567 กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายช่างโยธาชำนาญงาน สังกัดสำนักการโยธา (สนย.) ผู้ต้องหาเรียกรับสินบนจำนวน 9 ล้านบาท เพื่อแลกกับการช่วยแก้ไขแบบแนวเขตโครงการถนนเลียบวารี ไม่ให้เข้าไปในเขตสนามกอล์ฟวินด์เซอร์ปาร์ค แอนด์ กอล์ฟคลับ ว่า เรื่องดังกล่าว กทม.รับทราบและเริ่มดำเนินการร่วมกับ บก.ปปป. ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว โดยกทม.มีหน้าที่ให้ข้อมูลแก่ บก.ปปป.ไปดำเนินการสืบสวนจับกุม นอกจากการทุจริตดังกล่าว พบว่ายังมีมากกว่านี้อีก 6 กรณี ยืนยันว่า กทม.ไม่อดทนต่อการทุจริต แต่ต้องเปิดโอกาสให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา
สำหรับการดำเนินการขั้นต่อไป กทม.ต้องรอสรุปผลข้อมูลฐานความผิดที่ชัดเจนจาก บก.ปปป.เพื่อนำมาตั้งคณะกรรมการทางวินัยต่อไป ส่วนรายละเอียดด้านผู้เกี่ยวข้อง การสืบสวน การขยายผลต่าง ๆ กทม.ต้องให้อิสระแก่ บก.ปปป.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ยืนยันว่า เรื่องนี้ กทม.ทราบและให้ความร่วมมือในการประสานข้อมูลเพื่อดำเนินการมาตลอด จากนี้จะดำเนินการตามขั้นตอนคือ ตั้งคณะกรรมการทางวินัย โทษสูงสุดคือไล่ออก คาดว่าใช้เวลาไม่นานหากมีหลักฐานชัดเจน
ส่วนแนวทางป้องกันต่อจากนี้คือ 1.เมื่อมีการแจ้งปัญหาทุจริตแล้ว ต้องดำเนินการ ไม่ซุกใต้พรม โดยปัจจุบันมีประชาชนกล้าแจ้งเรื่องทุจริตแก่ กทม.มากขึ้น สะท้อนความไว้ใจว่าปัญหาได้รับการแก้ไข 2.การเปิดเผยข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างช่องทางออนไลน์ เพื่อความโปร่งใส ประชาชนเข้าถึงข้อมูลสะดวกมากขึ้น 3.ลดการใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ลง เช่น การเปิดขออนุญาตก่อสร้างออนไลน์ ตามขั้นตอนที่กำหนด เพื่อลดการเจอหน้ากันระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน
"การได้รับเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการต่าง ๆ เชื่อว่าสถานการณ์ก็ดีขึ้น ยอมรับว่าคนที่ไม่ดีก็ยังมีอยู่ แต่เชื่อว่าจะดีขึ้น ถามว่าทำไมเรากล้าพูดเรื่องนี้ (ทุจริต) เพราะเรามั่นใจว่าผู้บริหาร กทม.ไม่มีเกี่ยวข้องทั้งสิ้น จึงกล้าดำเนินการเรื่องนี้โดยไม่กลัวผลกระทบใด ๆ" นายชัชชาติ กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 60 วัน เพราะต้องสอบข้อเท็จจริงหลายปาก ขณะเดียวกันต้องรอผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว หากมีมูลความผิดจริง จึงตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงอีก 60 วัน ก่อนเสนอปลัดกทม. ลงนามไล่ออกหรือปลดออก
รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีดังกล่าวเดิมผู้เสียหายได้เข้าปรึกษากับ กทม.ว่าถูกเรียกรับสินบนจำนวน 11 ล้านบาท เพื่อแลกกับการช่วยแก้ไขแบบแนวเขตโครงการดังกล่าว กทม.จึงประสานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) จากนั้นได้มีการสืบสวนหาข้อมูลในทางลับ โดยใช้เวลา 6-7 เดือน ก่อนผู้เสียหายจะจ่ายเงินให้ 9 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักฐานนำสู่การจับกุมในวันนี้
https://siamrath.co.th/n/537681
จนท.บุกรวบนายช่างโยธารีดสินบน9ล.แก้แบบถนน
บช.ก. สนธิกำลังบุกค้น 5 จุด! รวบ นายช่างโยธากทม. เรียกรับสินบน 9 ล้านบาท แก้แบบถนน พร้อมยึดรถหรู เมอร์ซีเดสเบนซ์-ฮาเลย์เดวิสัน อื้อ ชัชชาติ สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ภายใน 60 วัน มั่นใจ ผู้บริหาร กทม.ไม่เกี่ยว
เมื่อวันที่ 20 พ.ค.67 เวลา 06.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. บูรณาการกำลังร่วมกับ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวนรวม 5 จุด ในพื้นที่ จ.นนทบุรี ปทุมธานี และนครราชสีมา เพื่อจับกุมขบวนการเจ้าหน้าที่สำนักงานโยธา กทม. เรียกรับสินบนจำนวน 9 ล้านบาท เพื่อแลกกับการช่วยแก้ไขแบบแนวเขตโครงการถนนเลียบวารี ไม่ให้เข้าไปในเขตสนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่หมู่ 8 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
โดยเป้าหมายสำคัญจุดแรกอยู่ที่บ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายภีมพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล) นายช่างโยธาชำนาญงาน กองจัดกรรมสิทธิ์ สำนักงานโยธา กทม. และภรรยา ผู้ต้องหาคนสำคัญของขบวนการ โดยทันทีที่เจ้าหน้าที่ไปถึงพบนายภีมพงษ์กับภรรยากำลังนอนพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน จึงแสดงตัวขอเข้าตรวจค้น พร้อมกับแสดงหมายจับเข้าทำการจับกุม
ทั้งนี้ จากการตรวจค้นภายในบ้าน เบื้องต้นพบรถยนต์หรูยี่ห้อเมอร์ซีเดสเบนซ์ 1 คัน รถยนต์โตโยต้า รุ่นแคมรี่ 1 คัน พร้อมกับรถจักรยานยนต์ ฮาเลย์เดวิสัน จำนวน 5 คัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด
วันเดียวกัน ที่ศาลาว่าการ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 8/2567 กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายช่างโยธาชำนาญงาน สังกัดสำนักการโยธา (สนย.) ผู้ต้องหาเรียกรับสินบนจำนวน 9 ล้านบาท เพื่อแลกกับการช่วยแก้ไขแบบแนวเขตโครงการถนนเลียบวารี ไม่ให้เข้าไปในเขตสนามกอล์ฟวินด์เซอร์ปาร์ค แอนด์ กอล์ฟคลับ ว่า เรื่องดังกล่าว กทม.รับทราบและเริ่มดำเนินการร่วมกับ บก.ปปป. ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว โดยกทม.มีหน้าที่ให้ข้อมูลแก่ บก.ปปป.ไปดำเนินการสืบสวนจับกุม นอกจากการทุจริตดังกล่าว พบว่ายังมีมากกว่านี้อีก 6 กรณี ยืนยันว่า กทม.ไม่อดทนต่อการทุจริต แต่ต้องเปิดโอกาสให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา
สำหรับการดำเนินการขั้นต่อไป กทม.ต้องรอสรุปผลข้อมูลฐานความผิดที่ชัดเจนจาก บก.ปปป.เพื่อนำมาตั้งคณะกรรมการทางวินัยต่อไป ส่วนรายละเอียดด้านผู้เกี่ยวข้อง การสืบสวน การขยายผลต่าง ๆ กทม.ต้องให้อิสระแก่ บก.ปปป.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ยืนยันว่า เรื่องนี้ กทม.ทราบและให้ความร่วมมือในการประสานข้อมูลเพื่อดำเนินการมาตลอด จากนี้จะดำเนินการตามขั้นตอนคือ ตั้งคณะกรรมการทางวินัย โทษสูงสุดคือไล่ออก คาดว่าใช้เวลาไม่นานหากมีหลักฐานชัดเจน
ส่วนแนวทางป้องกันต่อจากนี้คือ 1.เมื่อมีการแจ้งปัญหาทุจริตแล้ว ต้องดำเนินการ ไม่ซุกใต้พรม โดยปัจจุบันมีประชาชนกล้าแจ้งเรื่องทุจริตแก่ กทม.มากขึ้น สะท้อนความไว้ใจว่าปัญหาได้รับการแก้ไข 2.การเปิดเผยข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างช่องทางออนไลน์ เพื่อความโปร่งใส ประชาชนเข้าถึงข้อมูลสะดวกมากขึ้น 3.ลดการใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ลง เช่น การเปิดขออนุญาตก่อสร้างออนไลน์ ตามขั้นตอนที่กำหนด เพื่อลดการเจอหน้ากันระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน
"การได้รับเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการต่าง ๆ เชื่อว่าสถานการณ์ก็ดีขึ้น ยอมรับว่าคนที่ไม่ดีก็ยังมีอยู่ แต่เชื่อว่าจะดีขึ้น ถามว่าทำไมเรากล้าพูดเรื่องนี้ (ทุจริต) เพราะเรามั่นใจว่าผู้บริหาร กทม.ไม่มีเกี่ยวข้องทั้งสิ้น จึงกล้าดำเนินการเรื่องนี้โดยไม่กลัวผลกระทบใด ๆ" นายชัชชาติ กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 60 วัน เพราะต้องสอบข้อเท็จจริงหลายปาก ขณะเดียวกันต้องรอผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว หากมีมูลความผิดจริง จึงตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงอีก 60 วัน ก่อนเสนอปลัดกทม. ลงนามไล่ออกหรือปลดออก
รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีดังกล่าวเดิมผู้เสียหายได้เข้าปรึกษากับ กทม.ว่าถูกเรียกรับสินบนจำนวน 11 ล้านบาท เพื่อแลกกับการช่วยแก้ไขแบบแนวเขตโครงการดังกล่าว กทม.จึงประสานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) จากนั้นได้มีการสืบสวนหาข้อมูลในทางลับ โดยใช้เวลา 6-7 เดือน ก่อนผู้เสียหายจะจ่ายเงินให้ 9 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักฐานนำสู่การจับกุมในวันนี้
https://siamrath.co.th/n/537681