[รีวิว] When Evil Lurks - งานสยองขายไอเดียปลุกปั้นปีศาจชนบทสู่ความโกลาหลเกินต้านทาน

บ่อยครั้งที่ภาพยนตร์ “ของดี” จากนอกฮอลลีวูดมักจะมาแบบไม่ทันตั้งตัว และ When Evil Lurks ภาพยนตร์สัญชาติอาร์เจนตินาก็เป็นของดีที่ว่านี้เช่นกัน และมาในแนวทางที่โฉ่งฉ่างน่าสนใจอย่างแนว ระทึกขวัญหรือสยองขวัญ ก็น่าจะเป็นจุดดึงดูดที่ดีให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไม่น้อย บวกกับคำวิจารณ์ในเชิงบวกสุดๆ ที่เป็นเครื่องการันตีคุณภาพได้เป็นอย่างดี

.
เมื่อมีคำว่า Evil แน่นอนว่า ย่อมต้องมี Evil เป็นแกนหลักในการเล่าเรื่อง น่าสนใจตรงที่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ผู้กำกับ เดเมี่ยน รุคน่า (Demián Rugna) วางแนวคิดของ Evil ไว้ให้มีช่องว่างและเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ตีความว่า อำนาจลึกลับในเรื่องนั้นมีความเชื่อมโยงกับสภาพความเป็นจริงอย่างไร ในแง่ของการติดต่อของความตาย ไปจนถึงสภาพทางสังคมที่มีนัยยะถึงความเหลื่อมล้ำและการไร้การเหลียวแลที่ตัวละครต้องประสบ

.
แต่หากตัดเรื่องการตีความออกไป When Evil Lurks ก็ยังสนุกได้ด้วยจังหวะการเล่าเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ มีหลายอย่างที่เราไม่เคยเห็นในภาพยนตร์ฮอลลีวูดด้วยข้อจำกัดต่างๆ โดยความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นต้องบอกว่าค่อนข้างน่าตกใจ ว่าพวกเขาสามารถนำเสนอฉากแบบนี้ก็ได้ด้วย นอกจากนั้น “สิ่งประหลาด” ตามขนมหนังสยองขวัญก็ถูกนำมาใส่ ทั้งตัวละครที่มีอาการแปลกๆ (จากโรค) สภาพจิตใจที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของบางตัวละคร รวมถึงกฏเกี่ยวกับอำนาจชั่วร้ายที่ดูน่าสนใจ และน่าเสียดายที่มันถูกใช้น้อยไปหน่อย (แทบไม่มีผลต่อเรื่อง)

.
ถึงอย่างนั้นจุดที่ทำให้ภาพยนตร์สัญชาติอาร์เจนติน่าเรื่องนี้มีความโดดเด่นอีกหนึ่งอย่าง เห็นทีจะเป็นเรื่องของเทคนิคพิเศษในเรื่องที่ใช้สร้างความแหวก ฟอนเฟะ ชวนคลื่นไส้ ในแบบที่ “ทำถึง” มากๆ ในยุคสมัยที่เราอาจจะคุ้นเคยกับการใช้ CGI เนรมิตฉากต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะบรรดาภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แต่มันแฝงอยู่ทุกอณูของวงการภาพยนตร์ ซึ่งการได้กลับมาเห็น “ของจริง” มันก็ยิ่งทวีรสชาติความสยองของ When Evil Lurks แบบที่อยากจะยกมือขึ้นมาปิดตาปิดจมูกเลยทีเดียว

.
แต่ก็ใช่ว่า When Evil Lurks จะสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง แม้ว่าคอนเซ็ปต์ของ Evil จะดูดีไม่หยอก แต่การจะฉายภาพผลกระทบของมันก็ดูจะทำได้ไม่สุดด้วยข้อจำกัดด้านทุนสร้าง (ซึ่งก็พอเข้าใจได้) ตลอดทั้งเรื่องจึงเต็มไปด้วยฉากเล็กๆ ที่เน้นพื้นที่ปิดที่สามารถถ่ายทำได้ง่ายไม่ซับซ้อน จึงค่อนข้างน่าเสียดายว่า วิสัยทัศน์ของเดเมี่ยน รุคน่า หากมีทุนระดับสตูดิโอใหญ่ๆ จะสามารถสร้างความน่าสะพรึงของ Evil ในเรื่องได้มากกว่านี้แค่ไหน (จะว่าไปบรรยากาศเรื่องนี้ก็คล้ายๆ กับ Bird Box เหมือนกัน)

อีกส่วนที่อาจจะพูดได้ว่าน่าเสียดาย นั่นคือ การเล่าเรื่องในฉากท้ายๆ ของเรื่องมีอาการอ่อนแรงลงประหนึ่งอาการของตัวละครหลักอย่างเปโดร (Ezequiel Rodríguez) และน้องชาย จิมี่ (Demián Salomón) ที่กรำศึกหนักมาตลอด จนทำให้ความสยอง ความน่ากลัวที่สั่งสมมาตลอดทั้งเรื่องจางลงไปทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นความสิ้นหวังอย่างสุดขีดเท่าที่เราจะจินตนาการได้ และคาดว่าหลายคนคงหงุดหงิดกับการตัดสินใจของตัวละครในหลายๆ จังหวะไม่มากก็น้อยเช่นกัน

Story Decoder
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่