ถอด 5 สูตรความสำเร็จช่อง 3 จากสุภาพบุรุษจุฑาเทพ สู่ “ดวงใจเทวพรหม” จักรวาลสร้างทำคนทั้งประเทศ อยากเข้าวังเป็นสะใภ้
The Author By xxapong
Graphic Design By Tomo
May 17, 2024
15 มีนาคม พ.ศ.2556 วันแรกที่ประตูวังของตระกูลจุฑาเทพได้เปิดออกให้ชาวไทยได้เยี่ยมชม ผ่านละครชุด 5 เรื่องอย่าง ธราธร, ปวรุจน์, พุฒิพัฒน์, รัชชานนท์ และรณพีร์ จนสร้างปรากฏการณ์สาว ๆ ทั้งพระนครอยากเก็บกระเป๋าหอบข้าวของเข้าไปเป็นสะใภ้ในวัง !
11 ปีต่อมาประตูวังแห่งนี้ ได้เปิดให้เยี่ยมชมใหม่อีกครั้ง แต่เป็นคราวนี้เป็นคิวของ “วังเทวพรหม” ที่กลับมาสานต่อความฮอตเมื่อครั้งอดีตกับ 5 สาวอย่าง ลออจันทร์, ขวัญฤทัย, ใจพิสุทธิ์, ดุจอัปสร และพรชีวัน
แม้จะผ่านมาเป็นสิบปี แต่เสน่ห์ความคลาสสิกตระกูลจุฑาเทพก็ยังไม่จางหายไปไหน ท่ามกลางคอนเทนต์มหาศาลบนโซเชียล แต่ละครเรื่องนี้ก็สามารถพายอดแฮชแท็กละครขึ้นเทรนด์อันเดับ 1 บน X และปั้นนักแสดงหน้าใหม่ให้กลายเป็นดาวดังในข้ามวัน นี่คือความสำเร็จของช่อง 3 ที่ใครก็ไม่อาจมองข้าม
แถมล่าสุดยังมีการประกาศจัดงานกีฬาสี ดวงใจเทวพรหม Sports Day รู้แพ้ รู้ชนะ รู้ใจคุณ ยกทีมนักแสดงทั้ง 5 เรื่อง มาสร้างสีสันความสนุกรูปแบบใหม่ในราคามิตรภาพ ที่สำคัญคือบัตร Sold Out ไปเป็นที่เรียบร้อยอีกด้วย !
กระแสมาแรงไม่มีแผ่วแบบนี้ แอดเลยอยากชวนทุกคนคุยเจาะลึกถึงเบื้องหลังความสำเร็จของละครชุดนี้กันให้มากขึ้น ถ้าพร้อมแล้ว ก็เก็บกระเป๋าแล้วเข้าวังจุฑาเทพไปด้วยกัน
1. เรื่องราววงในของสังคมชนชั้นสูง ที่คนทั่วไปไม่ได้สัมผัส
อย่างที่เรารู้กันดีว่าฉากหลังของเรื่องราวทั้งหมด เกิดขึ้นในรั้วของตระกูลจุฑาเทพ และเทวพรหม ตระกูลดังแห่งยุคที่มาพร้อมตำแหน่งนำหน้าอย่าง หม่อมเจ้า, หม่อมหลวง ไปจนถึงหม่อมราชวงศ์
ทำให้ตลอดทั้งเรื่องมักจะมีการใช้คำราชาศัพท์, การแต่งตัวที่หรูหราไฮโซ ไปจนถึงบ้านของเหล่าพระเอกที่ใหญ่โตโอ่อ่าจนหลายคนเรียกว่า “วัง” ซึ่งคือเรื่องราวของสัมคมชนชั้นสูงที่คนเดินดินทั่วไปอย่างเราไม่มีทางได้เข้าไปสัมผัส และปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือหนึ่งในเสน่ห์ของละครชุดนี้ที่ทำให้ใครหลายคนติดใจ
เหมือนกับการดูรีวิวคอนโดหลายร้อยล้านที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางเอื้อมถึง แต่เราก็เลือกที่จะดู เพื่อพาตัวเองเข้าไปสัมผัสชีวิตของคนไม่กี่เปอร์เซ็นต์บนโลกนั่นเอง
2. เสน่ห์ละครยุคเก่าสุดขลัง ชวนคนโหยหาอดีตกับอาการ Nostalgia
ว่ากันว่า เรื่องราวในอดีตไม่เคยหายไปไหน แต่มันถูกเก็บซ่อนไว้ในสิ่งของรอบตัวเราต่างหาก บ่อยครั้งที่เรารู้สึกใจฟูไปกับเพลงยุค 90s ที่ถูกเปิดในร้านอาหาร หรืออมยิ้มเมื่อเห็นเทปคาสเซ็ทในห้องเก็บของเก่า
นี่ความรู้สึกโหยหาอดีตที่เรียกว่า ‘Nostalgia’ ซึ่งละครชุดนี้เองก็ทำงานกับความคิดถึงของเราได้เป็นอย่างดี โดยในเรื่องราวภาคแรกสุภาพบุรุษจุฑาเทพ นำเสนอเรื่องราวในช่วงยุค พ.ศ. 2500 ต้น ๆ จึงเรียกว่าเป็นละครพีเรียดยุคคุณตาคุณยายได้อย่างเต็มปาก
แต่พอขยับมาในรุ่นลูกอย่าง “ดวงใจเทวพรหม” ที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นช่วงยุค 90s ที่หลายคนน่าจะคุ้นตากับไอเท็มและการแต่งตัวที่ไม่เก่าเท่าภาคแรกมากนัก ทำให้เกิดความรู้สึกคิดถึงอดีต และผูกพันกับละครเรื่องนี้ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
3. ครบถ้วนขนบละครไทย ชูพระเอกดูดีที่หาไม่ได้ในชีวิตจริง
ไม่ใช่แค่เกาหลีเท่านั้น ที่ขับเคลื่อนซีรีส์ด้วยพระเอกสุดเพอร์เฟกต์ ใจดี อบอุ่น พร้อมกางร่มให้เราตอนฝนตก แต่ถ้าสังเกตดี ๆ ละครไทยเอง ก็เชิดชูพระเอกที่เพียบพร้อมไม่ต่างกัน
ยิ่งเหล่าผู้ชายตระกูลจุฑาเทพ ที่มาพร้อมโปรไฟล์แบบที่หาที่ไหนบนโลกไม่ได้ เริ่มตั้งแต่รุ่นพ่อที่ได้ฉายาว่าห้าสิงห์จุฑาเทพ ครบสูตรความหล่อ รวย เก่งกาจมากความสามารถ เป็นชายในฝันที่สาว ๆ ทั้งพระนครเรียกหา ต่อมาในรุ่นลูกก็ไม่มีแผ่ว เพราะ DNA ความเพอร์เฟกต์มันส่งต่อกันได้สุด ๆ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้เราจะเรียกร้องละครสะท้อนสังคม ตีแผ่ชีวิตมากแค่ไหน แต่ภาพความสวยงามที่จับต้องไม่ได้ ก็ยังเป็นสิ่งที่หลายคนมองหา เพื่อเยียวยาความเหนื่อยล้าที่เราเจอในปัจจุบันอยู่ดี
4. เล่นกับความผูกพันของคนดู ส่งต่อความรักจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก
ไม่ใช่แค่แบรนด์เท่านั้น ที่สามารถสร้างความ Loyalty ให้กับผู้บริโภคให้ติดหนึบจนไม่สามารถใช้สินค้าไหนได้อีก แต่ในฝั่งของละครเองก็มีแฟนคลับได้เช่นกัน
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ละครชุดนี้มีแฟนคลับที่เหนียวแน่นมาตั้งแต่ภาคแรก เป็นเพราะการถ่ายทอดเรื่องราวความผูกพันในครอบครัวของแต่ละตัวละคร เราได้เห็นความรักของย่าเอียด และย่าอ่อนที่มีให้หลาน ๆ เห็นมิตรภาพของเหล่าคุณชายทั้ง 5 ที่ส่งต่อมายังรุ่นลูกได้อย่างพิถีพิถัน จนกลายเป็นความอบอุ่นที่คนดูอย่างเราสัมผัสได้
จึงไม่แปลกใจที่มีแฟน ๆ จำนวนไม่น้อยที่ยังคงหาทางออกจากจักรวาลจุฑาเทพแห่งนี้ไม่ได้
5. การแคสติ้งนักแสดงสุดเนี้ยบ สวมจิตวิญญาณภาคต่อได้อย่างสมบูรณ์
อย่างที่เรารู้กันดีว่าละครชุดนี้นั้นถูกนำมาจากบทประพันธ์ชื่อดังที่แต่งโดย 5 นักเขียนชื่อดังอย่าง ณารา, ร่มแก้ว, เก้าแต้ม, ซ่อนกลิ่น และแพรณัฐ ขึ้นชื่อว่าเป็นละครจากนิยายนั้น ความยากคือการหานักแสดงมาสวมบทให้ได้ตรงคาแรกเตอร์เพื่อเป็นการเคารพต้นฉบับมากที่สุด
ในภาคแรกทีมผู้สร้างก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเหล่าคุณชายและสะใภ้ของพวกเขานั้น เหมือนหลุดออกมาจากนิยายเลยทีเดียว และในยุคของเทวพรหมที่ทวีความยากมากขึ้นไปอีกกับการหานักแสดงที่มารับไม้ต่อ ทั้งรุ่นลูก และรุ่นพ่อแม่
แต่ด้วยสายตาที่เฉียบแหลมและประสบการณ์ของทีมงาน ทำให้พวกเขาสามารถแคสติ้งนักแสดงออกมาได้อย่างไร้ที่ติ จนเกิดเสียงชื่นชมมาอย่างหนาหูเลยทีเดียว ว่านักแสดงเซตนี้ ถูกทุกประการ
ทั้งหมคคือข้อพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าในยุคที่ใครก็บอกว่าละครทีวีกำลังจะถึงคราวอวสาน แต่หนุ่ม ๆ จากตระกูลจุฑาเทพได้เข้ามาสร้างความคึกคักให้วงการนี้อีกครั้ง พร้อมแสดงให้เราเห็นว่าละครไทยเอง ไปได้ไกลไม่ต่างจากซีรีส์ชาติอื่น ๆ เช่นกัน
เครดิต เพจAD ADDICT
https://adaddictth.com/knowledge/Heart-of-Dhevaprom?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2K3kDKF9ippYpiS2yu7kYNY2pmioeMGCmf749dbaRlYU00tF-eoESP21o_aem_AX6MblsunwXs57_AdG2Q3j_MvSDVqoIanZJKT2lOsstzEI9MZ9BnduYucsShtZC8HIGkaszmbamkwq7V4L7ByYF7
ถอด 5 สูตรความสำเร็จช่อง 3 จากสุภาพบุรุษจุฑาเทพ สู่ "ดวงใจเทวพรหม"
The Author By xxapong
Graphic Design By Tomo
May 17, 2024
15 มีนาคม พ.ศ.2556 วันแรกที่ประตูวังของตระกูลจุฑาเทพได้เปิดออกให้ชาวไทยได้เยี่ยมชม ผ่านละครชุด 5 เรื่องอย่าง ธราธร, ปวรุจน์, พุฒิพัฒน์, รัชชานนท์ และรณพีร์ จนสร้างปรากฏการณ์สาว ๆ ทั้งพระนครอยากเก็บกระเป๋าหอบข้าวของเข้าไปเป็นสะใภ้ในวัง !
11 ปีต่อมาประตูวังแห่งนี้ ได้เปิดให้เยี่ยมชมใหม่อีกครั้ง แต่เป็นคราวนี้เป็นคิวของ “วังเทวพรหม” ที่กลับมาสานต่อความฮอตเมื่อครั้งอดีตกับ 5 สาวอย่าง ลออจันทร์, ขวัญฤทัย, ใจพิสุทธิ์, ดุจอัปสร และพรชีวัน
แม้จะผ่านมาเป็นสิบปี แต่เสน่ห์ความคลาสสิกตระกูลจุฑาเทพก็ยังไม่จางหายไปไหน ท่ามกลางคอนเทนต์มหาศาลบนโซเชียล แต่ละครเรื่องนี้ก็สามารถพายอดแฮชแท็กละครขึ้นเทรนด์อันเดับ 1 บน X และปั้นนักแสดงหน้าใหม่ให้กลายเป็นดาวดังในข้ามวัน นี่คือความสำเร็จของช่อง 3 ที่ใครก็ไม่อาจมองข้าม
แถมล่าสุดยังมีการประกาศจัดงานกีฬาสี ดวงใจเทวพรหม Sports Day รู้แพ้ รู้ชนะ รู้ใจคุณ ยกทีมนักแสดงทั้ง 5 เรื่อง มาสร้างสีสันความสนุกรูปแบบใหม่ในราคามิตรภาพ ที่สำคัญคือบัตร Sold Out ไปเป็นที่เรียบร้อยอีกด้วย !
กระแสมาแรงไม่มีแผ่วแบบนี้ แอดเลยอยากชวนทุกคนคุยเจาะลึกถึงเบื้องหลังความสำเร็จของละครชุดนี้กันให้มากขึ้น ถ้าพร้อมแล้ว ก็เก็บกระเป๋าแล้วเข้าวังจุฑาเทพไปด้วยกัน
1. เรื่องราววงในของสังคมชนชั้นสูง ที่คนทั่วไปไม่ได้สัมผัส
อย่างที่เรารู้กันดีว่าฉากหลังของเรื่องราวทั้งหมด เกิดขึ้นในรั้วของตระกูลจุฑาเทพ และเทวพรหม ตระกูลดังแห่งยุคที่มาพร้อมตำแหน่งนำหน้าอย่าง หม่อมเจ้า, หม่อมหลวง ไปจนถึงหม่อมราชวงศ์
ทำให้ตลอดทั้งเรื่องมักจะมีการใช้คำราชาศัพท์, การแต่งตัวที่หรูหราไฮโซ ไปจนถึงบ้านของเหล่าพระเอกที่ใหญ่โตโอ่อ่าจนหลายคนเรียกว่า “วัง” ซึ่งคือเรื่องราวของสัมคมชนชั้นสูงที่คนเดินดินทั่วไปอย่างเราไม่มีทางได้เข้าไปสัมผัส และปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือหนึ่งในเสน่ห์ของละครชุดนี้ที่ทำให้ใครหลายคนติดใจ
เหมือนกับการดูรีวิวคอนโดหลายร้อยล้านที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางเอื้อมถึง แต่เราก็เลือกที่จะดู เพื่อพาตัวเองเข้าไปสัมผัสชีวิตของคนไม่กี่เปอร์เซ็นต์บนโลกนั่นเอง
2. เสน่ห์ละครยุคเก่าสุดขลัง ชวนคนโหยหาอดีตกับอาการ Nostalgia
ว่ากันว่า เรื่องราวในอดีตไม่เคยหายไปไหน แต่มันถูกเก็บซ่อนไว้ในสิ่งของรอบตัวเราต่างหาก บ่อยครั้งที่เรารู้สึกใจฟูไปกับเพลงยุค 90s ที่ถูกเปิดในร้านอาหาร หรืออมยิ้มเมื่อเห็นเทปคาสเซ็ทในห้องเก็บของเก่า
นี่ความรู้สึกโหยหาอดีตที่เรียกว่า ‘Nostalgia’ ซึ่งละครชุดนี้เองก็ทำงานกับความคิดถึงของเราได้เป็นอย่างดี โดยในเรื่องราวภาคแรกสุภาพบุรุษจุฑาเทพ นำเสนอเรื่องราวในช่วงยุค พ.ศ. 2500 ต้น ๆ จึงเรียกว่าเป็นละครพีเรียดยุคคุณตาคุณยายได้อย่างเต็มปาก
แต่พอขยับมาในรุ่นลูกอย่าง “ดวงใจเทวพรหม” ที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นช่วงยุค 90s ที่หลายคนน่าจะคุ้นตากับไอเท็มและการแต่งตัวที่ไม่เก่าเท่าภาคแรกมากนัก ทำให้เกิดความรู้สึกคิดถึงอดีต และผูกพันกับละครเรื่องนี้ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
3. ครบถ้วนขนบละครไทย ชูพระเอกดูดีที่หาไม่ได้ในชีวิตจริง
ไม่ใช่แค่เกาหลีเท่านั้น ที่ขับเคลื่อนซีรีส์ด้วยพระเอกสุดเพอร์เฟกต์ ใจดี อบอุ่น พร้อมกางร่มให้เราตอนฝนตก แต่ถ้าสังเกตดี ๆ ละครไทยเอง ก็เชิดชูพระเอกที่เพียบพร้อมไม่ต่างกัน
ยิ่งเหล่าผู้ชายตระกูลจุฑาเทพ ที่มาพร้อมโปรไฟล์แบบที่หาที่ไหนบนโลกไม่ได้ เริ่มตั้งแต่รุ่นพ่อที่ได้ฉายาว่าห้าสิงห์จุฑาเทพ ครบสูตรความหล่อ รวย เก่งกาจมากความสามารถ เป็นชายในฝันที่สาว ๆ ทั้งพระนครเรียกหา ต่อมาในรุ่นลูกก็ไม่มีแผ่ว เพราะ DNA ความเพอร์เฟกต์มันส่งต่อกันได้สุด ๆ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้เราจะเรียกร้องละครสะท้อนสังคม ตีแผ่ชีวิตมากแค่ไหน แต่ภาพความสวยงามที่จับต้องไม่ได้ ก็ยังเป็นสิ่งที่หลายคนมองหา เพื่อเยียวยาความเหนื่อยล้าที่เราเจอในปัจจุบันอยู่ดี
4. เล่นกับความผูกพันของคนดู ส่งต่อความรักจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก
ไม่ใช่แค่แบรนด์เท่านั้น ที่สามารถสร้างความ Loyalty ให้กับผู้บริโภคให้ติดหนึบจนไม่สามารถใช้สินค้าไหนได้อีก แต่ในฝั่งของละครเองก็มีแฟนคลับได้เช่นกัน
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ละครชุดนี้มีแฟนคลับที่เหนียวแน่นมาตั้งแต่ภาคแรก เป็นเพราะการถ่ายทอดเรื่องราวความผูกพันในครอบครัวของแต่ละตัวละคร เราได้เห็นความรักของย่าเอียด และย่าอ่อนที่มีให้หลาน ๆ เห็นมิตรภาพของเหล่าคุณชายทั้ง 5 ที่ส่งต่อมายังรุ่นลูกได้อย่างพิถีพิถัน จนกลายเป็นความอบอุ่นที่คนดูอย่างเราสัมผัสได้
จึงไม่แปลกใจที่มีแฟน ๆ จำนวนไม่น้อยที่ยังคงหาทางออกจากจักรวาลจุฑาเทพแห่งนี้ไม่ได้
5. การแคสติ้งนักแสดงสุดเนี้ยบ สวมจิตวิญญาณภาคต่อได้อย่างสมบูรณ์
อย่างที่เรารู้กันดีว่าละครชุดนี้นั้นถูกนำมาจากบทประพันธ์ชื่อดังที่แต่งโดย 5 นักเขียนชื่อดังอย่าง ณารา, ร่มแก้ว, เก้าแต้ม, ซ่อนกลิ่น และแพรณัฐ ขึ้นชื่อว่าเป็นละครจากนิยายนั้น ความยากคือการหานักแสดงมาสวมบทให้ได้ตรงคาแรกเตอร์เพื่อเป็นการเคารพต้นฉบับมากที่สุด
ในภาคแรกทีมผู้สร้างก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเหล่าคุณชายและสะใภ้ของพวกเขานั้น เหมือนหลุดออกมาจากนิยายเลยทีเดียว และในยุคของเทวพรหมที่ทวีความยากมากขึ้นไปอีกกับการหานักแสดงที่มารับไม้ต่อ ทั้งรุ่นลูก และรุ่นพ่อแม่
แต่ด้วยสายตาที่เฉียบแหลมและประสบการณ์ของทีมงาน ทำให้พวกเขาสามารถแคสติ้งนักแสดงออกมาได้อย่างไร้ที่ติ จนเกิดเสียงชื่นชมมาอย่างหนาหูเลยทีเดียว ว่านักแสดงเซตนี้ ถูกทุกประการ
ทั้งหมคคือข้อพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าในยุคที่ใครก็บอกว่าละครทีวีกำลังจะถึงคราวอวสาน แต่หนุ่ม ๆ จากตระกูลจุฑาเทพได้เข้ามาสร้างความคึกคักให้วงการนี้อีกครั้ง พร้อมแสดงให้เราเห็นว่าละครไทยเอง ไปได้ไกลไม่ต่างจากซีรีส์ชาติอื่น ๆ เช่นกัน
เครดิต เพจAD ADDICT
https://adaddictth.com/knowledge/Heart-of-Dhevaprom?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2K3kDKF9ippYpiS2yu7kYNY2pmioeMGCmf749dbaRlYU00tF-eoESP21o_aem_AX6MblsunwXs57_AdG2Q3j_MvSDVqoIanZJKT2lOsstzEI9MZ9BnduYucsShtZC8HIGkaszmbamkwq7V4L7ByYF7