สวัสดีค่ะ เราอายุ 21 ปี เรียนอยู่ปี 3 คุณพ่อจากไปได้ 11 วันแล้ว ยังทำใจไม่ได้ และรับไม่ได้เลยค่ะ คิดว่าทำใจได้แล้ว แต่ยังร้องไห้อยู่ทุกวัน นึกแล้วทรมานหัวใจมากๆค่ะ
เราสนิทกับพ่อมาก หลังๆมาช่วงโควิด พ่อ work from home เราก็เรียน online ทำให้เราอยู่บ้านกับพ่อ 2 คนมาตั้งแต่สมัยเรา ม.5 แม่กับพี่ไปทำงานตามปกติ พอเราขึ้นมหาลัยปี 3 พ่อเราเกษียณพอดี ทำให้เราอยู่หอไปเรียนแค่ จ-พฤ ทุกๆเย็นวันพฤ พ่อจะมารับกลับบ้าน ไปกินข้าวอร่อยๆด้วยกัน ไปให้อาหารปลาด้วยกันก่อนกลับ เราอยากกินอะไร พ่อจะพาไปเสมอ และจะขับรถมารับเราที่หอตลอด เราจะหอบของพลุงพลังลงจากหอ เพื่อกลับบ้านเอาผ้าไปซักทุกอาทิตย์ เปิดประตูหอชั้นล่างจะพบพ่อนั่งรอ ช่วยเราถือของขึ้นรถทุกครั้ง เป็นภาพที่เรามีความสุขมากๆ เราเคยทะเลาะกับเพื่อนที่มหาลัยช่วงนึง เราก็กลับบ้านบ่อยๆ มาอยู่กับครอบครัว เรามีความสุขมาก เราคิดตลอดว่า อย่างน้อยเราก็มีครอบครัวของเราเสมอ ทุกๆวันหยุดยาว หรือว่างๆ พ่อจะขับพาเราไปเที่ยวหัวหิน ไปกินอะไรอร่อยๆกัน บ้านเราอยู่นนทบุรี มีอยู่วันนึงอยากกินหมูกรอบนครปฐม พ่อก็ขับพาเราไปกิน มันคือชีวิตที่เรามีความสุขมากๆ
พ่อเราเส้นเลือดในสมองแตก วันเกิดเรื่องคือวันศุกร์ วันพฤพ่อเราก็พึ่งรับเรากลับจากมหาลัย ไปกินอะไรอร่อยๆด้วยกันเต็มเลย ใครจะคิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย วันศุกร์วันนั้นเราอยู่บนห้องนอน เวลาประมาณ 11:30 พ่อขึ้นมาปลุกเราตามปกติ มาถามว่าข้าวเช้าวันนี้กินอะไร เดี๋ยวพ่อจะออกไปร้านน้ำ หนูเอาอะไร ไม่มีสัญญาณอะไรเลย ผ่านไป 20 นาที ประมาณ 11:50 พ่อขึ้นมาอีกครั้งด้วยอาการปวดหัวรุนแรง พ่อเดินมาหาเราที่ห้องแล้วบอกเราว่า พ่อเป็นอะไรไม่รู้ปวดหัวมากๆ แล้วนั่งลงพิงเตียงเรา เรายื่นยาดมให้ เพราะคิดว่าพ่อจะเป็นลมรึป่าว อากาศมันร้อน พ่อก็ไม่ค่อยสนใจยาดมเราเลย ดูหลับตาส่ายไปมา หน้าตาพ่อและเสียงที่ร้องออกมา เรารับรู้ได้ว่าพ่อทรมานมากๆ เราโทร 1669 เรียกรถพยาบาลตอนนั้น รอรถมา เราตกใจ กลัว กลัวว่าพ่อจะเป็นอะไรหนักเรากลัวมาก ซักพักพ่ออาเจียน เรายื่นกระโถนให้ พ่อก็ไม่สนใจกระโถนเราเลย เขาดูไม่โฟกัสกับสิ่งรอบข้างแล้ว เรารีบลงไปเคลียบ้าน เตรียมของ ย้ายราวตากผ้า เปิดประตูบ้าน สำหรับให้รถรพมายกพ่อลงไป เราอยู่คนเดียว ไม่มีใครอยู่กับพ่อข้างบนช่วงนั้น เราขึ้นไปอีกที พ่อเราก็นอนลงกับพื้น แม่เราโทรเรียกน้าข้างบ้านมาช่วย พอดีกับรถรพมาพอดี รถรพขึ้นมาหาพ่อบอกพ่อเป็นผู้ป่วยแดง เขามากัน 2 คนไม่สามารถยกได้ ขอกำลังเสริมก็ไม่ว่าง เราเลยรีบวิ่งออกจากบ้านไปหายามในหมู่บ้านให้มาช่วยยกพ่อ พอวิ่งกลับมาบ้าน รถรพให้เราเตรียมของ เสื้อผ้าพ่อ ปลั๊กพ่วง บัตรประชาชน เราของเต็มไม้เต็มมือ หาถุงใส่ไม่ทัน ไม่ได้จับตัวพ่อ คุยกับพ่อเลย สุดท้ายเราขึ้นรถรพมากับพ่อ ได้นวดๆขาให้ ขาเย็นมาก ทำไมเราถึงไม่จับมือนะ ตอนนั้นพ่อเราก็ไม่ได้สติแล้ว สุดท้ายหลังผ่าตัด พ่อก็จากเราไปตลอดกาล คุณน้าข้างบ้านเขามาเล่าให้แม่เราฟังทีหลัง ว่าตอนน้าขึ้นไป พ่อบีบแขนน้าแรงมาก และยังลืมตาอยู่ พ่อเรายังรับรู้ เราฟังแล้วเราเสียใจมาก เป็นความเสียใจที่เราทรมานใจ และอธิบายไม่ถูก น้ำตาเราไหลและพูดไม่ออกทุกครั้งที่นึกถึง เราคิดว่าทำไมคนตรงนั้นไม่ใช่เราที่อยู่ข้างๆพ่อ ไม่ใช่เราที่พ่อบีบแขนและรับรู้ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต เรามัวไปอยู่ไหน เราไปทำอะไร เราไม่ได้อิจฉาคุณน้า เรารู้สึกดีด้วย ที่อย่างน้อยพ่อเราไม่โดดเดี่ยว แต่พ่อเราจะรู้สึกมั้ย ว่าลูกสาวที่อยู่บ้านกับเขา 2 คน ไปไหน ทำไมคนข้างๆ ที่อยู่ด้วยตอนพ่อทรมานมากที่สุดในชีวิต เป็นคนอื่น เราไม่ได้แม้แต่จับมือพ่อ คุยกับพ่อตอนนั้น เอาจริงๆมันก็พอมีช่วงเวลาว่างบ้างตอนรอรถรพ ให้เราสามารถเข้าไปหาพ่อ แต่ตอนนั้นเรากลัวและตกใจ บางทีเราก็คิดว่าการเตรียมของ เหมือนเป็นข้ออ้างให้กับความกลัวของตัวเอง ทำไมตอนนั้นเราไม่กล้าซักนิด เราทำอะไรอยู่ เราได้มาจับมือตอนพ่อไม่รู้สึกตัวอีกแล้ว เราไม่ได้อยู่ข้างๆพ่อตอนนั้น ไม่ใช่คนที่พ่อเห็นและได้ยิน ภาพสุดท้ายของพ่อ เราไปอยู่ไหน เราคิดแล้วเสียใจมาก มันทรมานมากๆ เราได้แต่คิดว่าเราแย่มากๆ เป็นลูกแบบไหน ทำไมถึงไม่เข้าไปอยู่ข้างๆเขา เราเสียใจ เสียใจมากๆ ภาพ เสียง สีหน้า อาการของพ่อตอนเกิดเหตุยังอยู่ในหัวเราไม่เคยลืม พ่อทรมานมาก เราก็ทรมานที่เห็นพ่อทรมาน และสุดท้ายพ่อก็จากเราไป ไม่มีโอกาสได้ขอโทษ ที่หนูไม่ได้อยู่ข้างๆ พ่อในวินาทีสุดท้าย เราคิดว่าช่วงนั้นอาการพ่อหนัก เราได้แต่ให้กำลังใจและอยู่ข้างๆ แต่แค่กำลังใจและการอยู่ข้างๆพ่อ เรายังไม่ได้ทำเลย เราคิดแล้วก็เสียใจมากที่สุด
ทุกวันนี้ยังทำใจไม่ได้ ทำไม่ได้เลย เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่จริง นอนไม่ค่อยหลับ สะดุ้งตื่นตลอด พอตื่นมาพบว่าไม่มีพ่อแล้ว บางทีเราก็ไม่อยากตื่น อยากหลับยาวๆ ไม่ใช่อยากตายอะไร แต่ไม่อยากตื่นมาพบกับความรู้สึกหนัก เสียใจ ทรมานในใจแบบนี้ มันทรมานมากๆ บางเวลาเราก็ทำใจได้ ว่าโลกให้เวลาเขามาแค่นี้ แต่มันก็ไวมากๆ พ่อเรายังแข็งแรงมาก ไม่มีสัญญาณอะไร วันก่อนเกิดเรื่อง พ่อยังบอกเราอยู่เลย ว่าเนี่ยอากาศช่วงนี้ร้อนมาก พ่อ60 ซัก 70 80 คงร้อนกว่านี้ พ่อจะอยู่ถึงมั้ยเนี่ย เราก็ตอบพ่ออยู่เลย ว่าถึงอยู่แล้ว พ่อพึ่งจะ 60 เอง พอเกิดเรื่องแบบนี้ทำใจไม่ได้เลยค่ะ แต่บ้านเรามีแม่และพี่สาวอีกคน ก็สู้เพื่อแม่ แม่เศร้ามากเหมือนกัน เขาอยู่กันมาก่อนเราเกิดอีก เข้มแข็งก็เพื่อแม่ แต่เหมือนเสาหลักของบ้านหาย พ่อเป็นผู้ชายคนเดียวของบ้าน ขับรถคอยรับส่งคนในครอบครัวตลอด ขับไปเที่ยวได้สบายๆ พ่อชอบเที่ยว ขับไปภูเก็ต เชียงราย เพื่อพาครอบครัวไปเที่ยว พ่อเป็น family man มากๆ เราคิดถึงพ่อสุดหัวใจ คิดถึงเสียง ภาพ เราย้ายกลับมาอยู่บ้านกับแม่ ขายหอไป แล้วขับรถไปกลับมอแทน ทุกครั้งที่อยู่บ้านคนเดียว บ้านเงียบมากๆ เพราะปกติเราจะอยู่กับพ่อ 2 คนเสมอ มองอะไรก็เห็นแต่ภาพพ่อ ทรมานจังค่ะ คิดว่าเวลาคงจะช่วย มันกระทันหันมาก ช่วงนี้ตรงกับสอบ final ของมอด้วย เราก็พยายามตั้งใจอ่าน ไม่ให้พ่อเขาห่วง แต่ก็อดนึกถึงพ่อไม่ได้ ยังร้องไห้ตลอด เราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปยังไงดีคะ ขอบคุณทุกคนมากๆค่ะที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณจริงๆค่ะ
ทรมานกับการตื่นมาในโลกที่ไม่มีพ่อ ขอวิธีฟื้นฟูจิตใจค่ะ
เราสนิทกับพ่อมาก หลังๆมาช่วงโควิด พ่อ work from home เราก็เรียน online ทำให้เราอยู่บ้านกับพ่อ 2 คนมาตั้งแต่สมัยเรา ม.5 แม่กับพี่ไปทำงานตามปกติ พอเราขึ้นมหาลัยปี 3 พ่อเราเกษียณพอดี ทำให้เราอยู่หอไปเรียนแค่ จ-พฤ ทุกๆเย็นวันพฤ พ่อจะมารับกลับบ้าน ไปกินข้าวอร่อยๆด้วยกัน ไปให้อาหารปลาด้วยกันก่อนกลับ เราอยากกินอะไร พ่อจะพาไปเสมอ และจะขับรถมารับเราที่หอตลอด เราจะหอบของพลุงพลังลงจากหอ เพื่อกลับบ้านเอาผ้าไปซักทุกอาทิตย์ เปิดประตูหอชั้นล่างจะพบพ่อนั่งรอ ช่วยเราถือของขึ้นรถทุกครั้ง เป็นภาพที่เรามีความสุขมากๆ เราเคยทะเลาะกับเพื่อนที่มหาลัยช่วงนึง เราก็กลับบ้านบ่อยๆ มาอยู่กับครอบครัว เรามีความสุขมาก เราคิดตลอดว่า อย่างน้อยเราก็มีครอบครัวของเราเสมอ ทุกๆวันหยุดยาว หรือว่างๆ พ่อจะขับพาเราไปเที่ยวหัวหิน ไปกินอะไรอร่อยๆกัน บ้านเราอยู่นนทบุรี มีอยู่วันนึงอยากกินหมูกรอบนครปฐม พ่อก็ขับพาเราไปกิน มันคือชีวิตที่เรามีความสุขมากๆ
พ่อเราเส้นเลือดในสมองแตก วันเกิดเรื่องคือวันศุกร์ วันพฤพ่อเราก็พึ่งรับเรากลับจากมหาลัย ไปกินอะไรอร่อยๆด้วยกันเต็มเลย ใครจะคิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย วันศุกร์วันนั้นเราอยู่บนห้องนอน เวลาประมาณ 11:30 พ่อขึ้นมาปลุกเราตามปกติ มาถามว่าข้าวเช้าวันนี้กินอะไร เดี๋ยวพ่อจะออกไปร้านน้ำ หนูเอาอะไร ไม่มีสัญญาณอะไรเลย ผ่านไป 20 นาที ประมาณ 11:50 พ่อขึ้นมาอีกครั้งด้วยอาการปวดหัวรุนแรง พ่อเดินมาหาเราที่ห้องแล้วบอกเราว่า พ่อเป็นอะไรไม่รู้ปวดหัวมากๆ แล้วนั่งลงพิงเตียงเรา เรายื่นยาดมให้ เพราะคิดว่าพ่อจะเป็นลมรึป่าว อากาศมันร้อน พ่อก็ไม่ค่อยสนใจยาดมเราเลย ดูหลับตาส่ายไปมา หน้าตาพ่อและเสียงที่ร้องออกมา เรารับรู้ได้ว่าพ่อทรมานมากๆ เราโทร 1669 เรียกรถพยาบาลตอนนั้น รอรถมา เราตกใจ กลัว กลัวว่าพ่อจะเป็นอะไรหนักเรากลัวมาก ซักพักพ่ออาเจียน เรายื่นกระโถนให้ พ่อก็ไม่สนใจกระโถนเราเลย เขาดูไม่โฟกัสกับสิ่งรอบข้างแล้ว เรารีบลงไปเคลียบ้าน เตรียมของ ย้ายราวตากผ้า เปิดประตูบ้าน สำหรับให้รถรพมายกพ่อลงไป เราอยู่คนเดียว ไม่มีใครอยู่กับพ่อข้างบนช่วงนั้น เราขึ้นไปอีกที พ่อเราก็นอนลงกับพื้น แม่เราโทรเรียกน้าข้างบ้านมาช่วย พอดีกับรถรพมาพอดี รถรพขึ้นมาหาพ่อบอกพ่อเป็นผู้ป่วยแดง เขามากัน 2 คนไม่สามารถยกได้ ขอกำลังเสริมก็ไม่ว่าง เราเลยรีบวิ่งออกจากบ้านไปหายามในหมู่บ้านให้มาช่วยยกพ่อ พอวิ่งกลับมาบ้าน รถรพให้เราเตรียมของ เสื้อผ้าพ่อ ปลั๊กพ่วง บัตรประชาชน เราของเต็มไม้เต็มมือ หาถุงใส่ไม่ทัน ไม่ได้จับตัวพ่อ คุยกับพ่อเลย สุดท้ายเราขึ้นรถรพมากับพ่อ ได้นวดๆขาให้ ขาเย็นมาก ทำไมเราถึงไม่จับมือนะ ตอนนั้นพ่อเราก็ไม่ได้สติแล้ว สุดท้ายหลังผ่าตัด พ่อก็จากเราไปตลอดกาล คุณน้าข้างบ้านเขามาเล่าให้แม่เราฟังทีหลัง ว่าตอนน้าขึ้นไป พ่อบีบแขนน้าแรงมาก และยังลืมตาอยู่ พ่อเรายังรับรู้ เราฟังแล้วเราเสียใจมาก เป็นความเสียใจที่เราทรมานใจ และอธิบายไม่ถูก น้ำตาเราไหลและพูดไม่ออกทุกครั้งที่นึกถึง เราคิดว่าทำไมคนตรงนั้นไม่ใช่เราที่อยู่ข้างๆพ่อ ไม่ใช่เราที่พ่อบีบแขนและรับรู้ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต เรามัวไปอยู่ไหน เราไปทำอะไร เราไม่ได้อิจฉาคุณน้า เรารู้สึกดีด้วย ที่อย่างน้อยพ่อเราไม่โดดเดี่ยว แต่พ่อเราจะรู้สึกมั้ย ว่าลูกสาวที่อยู่บ้านกับเขา 2 คน ไปไหน ทำไมคนข้างๆ ที่อยู่ด้วยตอนพ่อทรมานมากที่สุดในชีวิต เป็นคนอื่น เราไม่ได้แม้แต่จับมือพ่อ คุยกับพ่อตอนนั้น เอาจริงๆมันก็พอมีช่วงเวลาว่างบ้างตอนรอรถรพ ให้เราสามารถเข้าไปหาพ่อ แต่ตอนนั้นเรากลัวและตกใจ บางทีเราก็คิดว่าการเตรียมของ เหมือนเป็นข้ออ้างให้กับความกลัวของตัวเอง ทำไมตอนนั้นเราไม่กล้าซักนิด เราทำอะไรอยู่ เราได้มาจับมือตอนพ่อไม่รู้สึกตัวอีกแล้ว เราไม่ได้อยู่ข้างๆพ่อตอนนั้น ไม่ใช่คนที่พ่อเห็นและได้ยิน ภาพสุดท้ายของพ่อ เราไปอยู่ไหน เราคิดแล้วเสียใจมาก มันทรมานมากๆ เราได้แต่คิดว่าเราแย่มากๆ เป็นลูกแบบไหน ทำไมถึงไม่เข้าไปอยู่ข้างๆเขา เราเสียใจ เสียใจมากๆ ภาพ เสียง สีหน้า อาการของพ่อตอนเกิดเหตุยังอยู่ในหัวเราไม่เคยลืม พ่อทรมานมาก เราก็ทรมานที่เห็นพ่อทรมาน และสุดท้ายพ่อก็จากเราไป ไม่มีโอกาสได้ขอโทษ ที่หนูไม่ได้อยู่ข้างๆ พ่อในวินาทีสุดท้าย เราคิดว่าช่วงนั้นอาการพ่อหนัก เราได้แต่ให้กำลังใจและอยู่ข้างๆ แต่แค่กำลังใจและการอยู่ข้างๆพ่อ เรายังไม่ได้ทำเลย เราคิดแล้วก็เสียใจมากที่สุด
ทุกวันนี้ยังทำใจไม่ได้ ทำไม่ได้เลย เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่จริง นอนไม่ค่อยหลับ สะดุ้งตื่นตลอด พอตื่นมาพบว่าไม่มีพ่อแล้ว บางทีเราก็ไม่อยากตื่น อยากหลับยาวๆ ไม่ใช่อยากตายอะไร แต่ไม่อยากตื่นมาพบกับความรู้สึกหนัก เสียใจ ทรมานในใจแบบนี้ มันทรมานมากๆ บางเวลาเราก็ทำใจได้ ว่าโลกให้เวลาเขามาแค่นี้ แต่มันก็ไวมากๆ พ่อเรายังแข็งแรงมาก ไม่มีสัญญาณอะไร วันก่อนเกิดเรื่อง พ่อยังบอกเราอยู่เลย ว่าเนี่ยอากาศช่วงนี้ร้อนมาก พ่อ60 ซัก 70 80 คงร้อนกว่านี้ พ่อจะอยู่ถึงมั้ยเนี่ย เราก็ตอบพ่ออยู่เลย ว่าถึงอยู่แล้ว พ่อพึ่งจะ 60 เอง พอเกิดเรื่องแบบนี้ทำใจไม่ได้เลยค่ะ แต่บ้านเรามีแม่และพี่สาวอีกคน ก็สู้เพื่อแม่ แม่เศร้ามากเหมือนกัน เขาอยู่กันมาก่อนเราเกิดอีก เข้มแข็งก็เพื่อแม่ แต่เหมือนเสาหลักของบ้านหาย พ่อเป็นผู้ชายคนเดียวของบ้าน ขับรถคอยรับส่งคนในครอบครัวตลอด ขับไปเที่ยวได้สบายๆ พ่อชอบเที่ยว ขับไปภูเก็ต เชียงราย เพื่อพาครอบครัวไปเที่ยว พ่อเป็น family man มากๆ เราคิดถึงพ่อสุดหัวใจ คิดถึงเสียง ภาพ เราย้ายกลับมาอยู่บ้านกับแม่ ขายหอไป แล้วขับรถไปกลับมอแทน ทุกครั้งที่อยู่บ้านคนเดียว บ้านเงียบมากๆ เพราะปกติเราจะอยู่กับพ่อ 2 คนเสมอ มองอะไรก็เห็นแต่ภาพพ่อ ทรมานจังค่ะ คิดว่าเวลาคงจะช่วย มันกระทันหันมาก ช่วงนี้ตรงกับสอบ final ของมอด้วย เราก็พยายามตั้งใจอ่าน ไม่ให้พ่อเขาห่วง แต่ก็อดนึกถึงพ่อไม่ได้ ยังร้องไห้ตลอด เราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปยังไงดีคะ ขอบคุณทุกคนมากๆค่ะที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณจริงๆค่ะ