10 ปีกับรักครั้งแรกที่ไม่ Happy Ending เหมือนในละคร

กระทู้สนทนา
ถามว่า "ถ้าได้กลับไปคุยกับตัวเองเมื่อ10 ปีที่แล้วจะกลับไปบอกตัวเองว่าอะไร?" จะบอกตัวเองว่า “รู้งี้เชื่อพ่อตั้งแต่แรกซะก็ดี ที่พ่อห้ามไม่ให้คบกับผู้ชายคนนี้เด็ดขาดเพราะพ่อรู้ว่ามันเจ้าชู้มาก” แต่เราดื้อไม่เชื่อพ่อ แอบคบจนล่วงเลยมา 10 ปี แล้วก็ไม่ผิดจากที่พ่อบอกไว้เลย

ย้อนไป 10 ปีก่อน ได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง จัดว่าหล่อเลยแต่ฐานะ การศึกษา ด้อยกว่าเรามาก แถมมีลูกติดอีก 
ตอนเจอกันนางจนมาก ไม่มีบ้านอยู่ ต้องอาศัยอยู่ออฟฟิศที่เจ้าของอนุญาตให้อยู่ ไม่มีเงิน แต่เราก็ไม่ได้รังเกียจ นางเป็นคนฉลาดนะแต่ขาดโอกาส ชีวิตต้องดิ้นรน เพราะพ่อแม่เสียตั้งแค่ยังเด็ก ต้องช่วยตัวเองมาตลอด จบ กศน จนจบ ปวส 
 
เราก็สงสารด้วย และก็โลกสวยคิดว่าพ่อน่าจะให้โอกาสสนับสนุนเด็กด้อยโอกาสซักคน แต่ผลตรงกันข้ามเลย พ่อไม่ให้คบเด็ดขาด เช็คประวัติแล้วรับไม่ได้เลย ให้เลิกคบเด็กขาด (บอกก่อนนะคะว่าเราไม่ได้สูงส่งอะไร แค่เป็นลูกที่ดี ไม่นอกลู่นอกทาง เรียนจบ ก็ทำงาน คือเป็นเด็กดีมาตลอด ไม่เคยมีเรื่องผู้ชายมาก่อน พ่อเลยห่วงเป็นพิเศษ)

พอพ่อสั่งไม่ให้คบ เราแอบคบกันก็ได้ ตอนนั้นงานเรามั่นคงแล้ว คิดว่าช่วยให้นางมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ คิดว่าถ้าเราช่วยให้นางเรียนจบ ป.ตรี มีบ้าน มีงานที่มั่นคง พ่อน่าจะรับได้

ช่วงนั้นนางจนมาก เงินไม่มีเลย แต่ยังมีเงินเดือนเซลล์ประมาณ 9 พันกว่า ส่งรถก็หมดละ เป็นเราที่ช่วยเหลือมาตลอด เป็นเซลล์ขายเครื่องจักรนางไม่ถนัดเลยลาออก ทีนี้ไม่มีที่อยู่เราเลยให้นางกลับไปอยู่บ้านเกิดนางจะได้ประหยัดค่าเช่าบ้าน แล้วนางก็ไปสมัครเป็นเซลล์ขายรถที่นั่น (นางเคยทำมาหลายอย่าง ทั้งบริษัทก่อสร้าง และงานเซลล์ขายรถเป็นงานที่นางทำได้ดี และเข้าง่ายสุด) ตอนอยู่ที่บ้านเกิดนาง เราก็ support นางมาตลอด

เป็น Sales ขายรถอยู่บ้านเกิดนางพักนึง มีเหตุต้องลาออก เลยกลับมาอยู่จังหวัดเดียวกับเรา  ก็ไปเป็นเซลล์ขายรถอีก โดยเราให้อยู่บ้านที่เราซื้อมาเพื่อปรับปรุงแล้วขาย ช่วงขายบ้านยังไม่ได้เลยให้นางอยู่ไปก่อน 

ทำงานเซลล์ขายรถได้พักนึงก็ต้องออก เพราะไม่ถูกกับหัวหน้าทีมอีก แล้วอาจไปทำผิดกฎบริษัทหรืออะไรซักอย่างซึ่งเราก็ไม่รู้รายละเอียด ก็ต้องออกอีก (ระหว่างนี้เราจับได้ว่านางแอบคุยกับรักแรกของนางที่อยู่บ้านเกิด คุยแบบชู้สาวเลย เราโกรธมากแต่นางก็ง้อหนักมาก ตอนนั้นเราเห็นนางกลับมาอยู่ทางนี้แล้ว เลยไม่ได้ว่าอะไรมาก ก็คบต่อไป)
และนางไปมีปัญหากับนักเลงแถวบ้านที่เราซื้อไว้ขาย อยู่ไม่ได้อีก ต้องหาบ้านเช่าใหม่อีก ซึ่งตอนนั้นนางไม่มีงานทำก็ต้องเป็นเราที่ต้อง support ค่าเช่าให้นางอีก

นางทำงานประจำไม่ค่อยได้เพราะหัวแข็ง ใจร้อน ไม่ยอมใคร ถามว่านางไม่มีอะไรดียังคบต่อ เพราะนางเอาใจเก่ง แสดงออกว่ารักเรามากกกก เราก็โลกสวยอีกคิดว่าเราช่วยนางขนาดนี้ นางจะตอบแทนคืนเราได้บ้าง เมื่อไหร่ที่นางได้ดี แต่ตอนนั้นก็ยังไม่เห็นวี่แววจะได้ดีเลย แต่หลวมตัวเข้ามาแล้วก็ต้องไปต่อให้สุด 555

ไปหาเช่าที่ใหม่เป็นทาวน์โฮมราคาแพงทีเดียว นางว่านางจะทำออฟฟิศสำหรับฝึกอบรมให้คนงานก่อนเข้าไปทำงานในโรงงาน จนผ่านมาหลายเดือนก็ยังไม่เห็นมีงานเข้ามา จนเราจ่ายค่าเช่าไม่ไหวละ บอกนางต้องหางานประจำทำละนะ

เราเลยหางานให้นางทำ ทำเรซุเม่ทุกอย่าง จนได้งานในบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งได้ ที่นี่มีพนักงาน ญ คนนึงเป็น HR ชอบนางมากทั้งที่มีสามีแล้ว ถึงว่าได้งานที่นี่ ทำที่นี่ได้ 3-4 เดือน ก็ออกอีกเพราะนิสัยเดิม ๆ รับกฎเกณฑ์อะไรไม่ค่อยได้ ไม่ชอบให้ใครมาสั่งก็ออกอีก

ออกมานางได้ไอเดียจากบริษัทที่นางทำเลยมาตั้งบริษัทของตัวเอง เราก็โอเคทำก็ทำ ก็ไปจดทะเบียนตั้งบริษัทกัน โดยนางกับเราถือหุ้นเท่ากัน (ตอนหลังลดหุ้นเราเหลือ 1 หุ้น เจ็บมั้ยล่ะ) และมีเพื่อนนางถืออีกคน เราเป็นคนออก คชจ ตอนจดทะเบียนทั้งหมด
บริษัทไปได้ดี โดยมีนัง HR คนนั้นมาช่วยดูบัญชี อ้างว่ามีประสบการณ์ (ยัยคนนี้เรามารู้ทีหลังว่านางมีอะไรกัน โดยรู้จากผู้หญิงอีกคนของนาง)

ส่วนเราทำงานประจำไม่ค่อยมีเวลาเข้าไปดูแล ประกอบกับความเห็นไม่ค่อยตรงกัน ถ้าเป็นเรื่องบริษัทจะทะเลาะกันเรื่อย ๆ เราแนะนำให้แบ่งเงินไว้เป็นส่วนทุนบ้าง ไม่ใช่ว่าเอาได้เงินมาเท่าไหร่ใช้หมด พอมีงานเข้ามาก็ไม่มีทุน ต้องยืมเราตลอด 
และจะทำบริษัทใหญ่โต ต้องจ้างเซลล์ซึ่งก็ขายงานอะไรไม่ค่อยได้ พอทุนหมดก็ให้พนักงานออกวนอยู่แบบนั้น คือจะคิดใหญ่ตลอดแต่ผลออกมาไม่คุ้มกับที่ลงทุนไป เราชอบให้ค่อย ๆ โต ค่อยขยับขยายมากกว่า โตอย่างมั่นคงมากกว่า

กาลเวลาล่วงเลยไป นางก็ทำบริษัทของนางไป เราไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ทะเลาะกันทุกครั้งถ้าเป็นเรื่องบริษัทเพราะความคิดไม่ตรงกัน เรื่องเงินนางได้มาแทบไม่เคยแบ่งให้เรา แต่เราก็ไม่ว่าอะไรเพราะนางก็ทำของนางมาเอง

จนมาวันนึง (ช่วงนี้คือคบกันมาได้ 4-5 ปี) ระหว่างเราทำงานอยู่ก็มีเมล์จากผู้หญิงคนหนึ่ง (ขอเรียกว่ายัยเด็กคนนั้น) ส่งมาบอกว่านางเป็นผู้หญิงของแฟนเราอีกคน ส่งมาเพื่อแสดงตัวให้เรารู้ คือจะให้เราเลิก นางจะเอาให้ได้ ว่าเราเป็นอีแก่งั้นงี้ เราก็ยังเฉย ๆ นะ แต่ในใจคือช็อคมาก ไม่ระแคะระคายมาก่อนเลย แต่ก็ไม่ได้บอกแฟนว่าเรารู้แล้ว

จนวันนึงเราไปหาแฟนที่บ้าน นางมาเผชิญหน้ากับเราเลย แต่เราก็เฉย ๆ นะ มองนางเป็นอากาศธาตุ แต่ก็ทะเลาะกับแฟนหนักมาก ตอนแรกคือจะเลิกเลย แต่ตอนนั้นคิดแบบเอาชนะ อยากให้เลิกนักใช่มะ แต่ชั้นไม่เลิก คิดว่าผิดครั้งแรกเลยให้อภัย  และห้ามติดต่อกับยัยเด็กนี่อีก
แฟนเราก็ขอโทษ สำนึกผิด จะไม่ทำอีกงั้นงี้ หารู้ไม่ว่ามีครั้งแรกแล้ว ยังไงมันต้องมีครั้งที่สอง

พอเราไม่เลิก ยัยเด็กคนนั้นทำเป็นส่งเมล์มาฟ้องว่าแฟนเรายังไปหานางอยู่ และฟ้องว่าแฟนเรายังมีอะไรกับยัย HR คนแรกอีกด้วย แต่เราก็ยังเฉยอยู่ ไม่อะไร ทำเป็นไม่สนใจ แต่ตอนนั้นเราเริ่มเลิก support แฟนเราแล้ว เพราะความรู้สึกไม่มีทางเหมือนเดิมแล้ว

หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้สนใจเรื่องของนางอีก เราก็ใช้ชีวิตทำงานของเราไป ตอนนั้นก็เสียใจมากโขอยู่ แต่ด้วยงานที่ความรับผิดชอบมากขึ้นจึงไม่ได้สนใจอะไรอีก (ตรงนี้อยากเตือนว่าถึงความรักเราจะเห้แค่ไหน แต่งานเราต้องเกาะไว้ให้แน่น งานเราต้องดี พึ่งตัวเองได้ เกิดอะไรขึ้นก็ยังมีกิน มีใช้ มีศักดิ์ศรี) 

จนมาถึงผู้หญิงคนใหม่ (ขอเรียกว่านัง พ) คนนี้ที่ทำให้เราต้องจบจริง ๆ คนนี้แฟนเราอ้างว่าจ้างมาช่วยทำบัญชี เราก็ไม่ได้สงสัยอะไร ไม่เอะใจเลยซักนิด

หลังจากจบเรื่องวุ่นวายของผู้หญิง 2 คนแรกไม่ถึงปี แฟนเราไปเที่ยวเกาหลี (บอกก่อนว่านางไม่เคยไปเที่ยว ตปท มาก่อน) นางบอกนางไปคนเดียว ซึ่งเราก็ไม่ได้เชื่อหรอก คิดว่านางต้องไปกับใครแน่ ๆ แค่ถึงตอนนี้เราปลงละ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวมันต้องเปิดเผยออกมาเอง
ก่อนไปเรายังพานางไปซื้อเสื้อผ้าด้วยซ้ำ อันนี้มาเปิดเผยทีหลัง พอรู้ว่าไปกับใครเราแทบช็อค แต่ก็ไม่ผิดไปจากที่คิด

ช่วงผู้หญิงคนนี้เข้ามา เรากับแฟนเริ่มห่างกัน แต่เราเริ่มตะหงิด ๆ กับผู้หญิงคนนี้มาก ๆ ตอนผู้หญิงคนนี้เข้ามาทำบัญชี แฟนเรารับเซลล์เข้ามาทำ 2 คน แล้วก็เหมือนเดิมพองานไม่ค่อยมี ก็เลิกจ้างเซลล์ 2 คนนั้นไป แต่ไม่เลิกจ้างยัย พ 
ยัย พ ยังวนเวียนมาที่บ้านแฟนเรา 
เราไปบ้านแฟนจะเจอเครื่องสำอางผู้หญิง นางบอกว่ายัย พ เอามาทิ้งไว้ แต่เรายังจับไม่ได้คาหนังคาเขา เลยยังไม่อะไรคิดซะว่าถ้ามีอะไรเดี๋ยวเราต้องได้รู้เอง

สุดท้ายแฟนเราย้ายไปเช่าตึกอยู่นอกเมือง อ้างว่าเค้าให้เช่าถูก คือจะหนีไม่อยากให้เราไปยุ่งเพราะนางอยู่กับยัย พ แต่เราก็ไม่อะไร ไม่ตาม ไม่อะไรทั้งนั้น รอให้ทุกอย่างเปิดเผยออกมาเอง เราไม่ไปยุ่งออฟฟิศใหม่ของนาง ซึ่งปกตินางมีอะไรใหม่ในชีวิตต้องบอกเรา ปรึกษา เล่าให้เราฟังทุกอย่าง แต่นี่กับที่อยู่ใหม่นี่ไม่บอก ไม่ปรึกษา เราก็รู้แหละแต่ก็ทำนิ่งคิดว่าเดี๋ยวนางก็เบื่อ และเลิกไปเอง เพราะที่ผ่านมานางให้เราเป็นที่ 1 มาตลอด (แต่เราคิดผิดถนัด)

จนเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว (ปีที่ 10 ที่คบกับนาง อยู่ ๆ นางก็หายไป ไม่ติดต่อเราเป็นอาทิตย์ เราก็สงสัยว่าหายไปไหน ปกติต้องโทรหาทุกวัน จนเราเข้าไปดูในเฟสนาง (ในเฟสไม่ได้เป็นเพื่อนกัน) นางประกาศแต่งงานกับยัย พ โพสต์ว่าโสดมานานได้เวลาแต่งงานซะที แล้วก็ tag เฟสยัย พ เราเลยเข้าไปส่องเฟสยัย พ เข้าไปเจอภาพ cover photo นางถ่ายกับยัย พ ที่เกาหลีหราเลย และตั้ง status ว่าหมั้นหมายกับแฟนเรา ทำงานเป็น MD อยู่บริษัทแฟนเรา คือประกาศตัวเต็มที่

คือที่หายไปนางไปถ่ายพรีเวดดิ้งกับยัย พ ไปจัดการงานแต่งงาน เราช็อคไปเลย แล้วเราก็แคปเฟสนางส่งข้อความไปให้นาง แล้วเราก็บล็อคการติดต่อนางทุกอย่าง
แล้วแฟนเราก็ส่งเมล์มายอมรับว่านางจะแต่งงานกับยัย พ เพราะยัย พ และครอบครัวรับตัวนางได้ทุกอย่าง บ้านยัย พ มีหน้ามีตา ส่งยัย พ เรียนเมืองนอกได้ หน้าที่การงานยัย พ ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเรา ลูกกี่คนก็รับได้ นางบอกยัย พ รักและซื่อสัตย์กับนาง คอยดูและนางเวลานางปวดขาเดินไม่ได้ ยัย พ แบกนางไปฉี่ ทำอาหารให้ (ส่วนเราเลี้ยงข้าวนางมาไม่รู้เท่าไหร่ไม่ซาบซึ้ง) บอกให้เราดูแลตัวเองดี ๆ คืนนั้นนอนไม่หลับไปเลย แต่ไม่ร้องไห้นะ จะไม่ยอมเสียน้ำตาให้เด็ดขาด

หลังจากนั้นแฟนเราก็หายเงียบไป เราก็บล็อคเบอร์ไม่ติดต่อ นางโทรเข้าออฟฟิศมาเป็นระยะ ๆ อ้างว่ามีความจำเป็นต้องแต่ง โดนบังคับ งั้นงี้ เราก็ฟังผ่าน ๆ บอกว่าโตป่านนี้แล้วใครมันจะไปบังคับได้ 
นางเคยบอกเราว่างานแต่งฝ่ายหญิงจัดการทุกอย่าง ญาติฝ่ายผู้ชายไม่มีใครไปงาน
แต่หลังจากแต่งงานมันมาหาเรา เราแย่งโทรศัพท์แฟนเรามาดู มีรูปแต่งงานใหญ่โต มีผู้ใหญ่ที่นับถือ มีญาติไปก็หลายคน เนี่ยหรอที่บอกว่าโดนบังคับ จดทะเบียนสมรสกันด้วย เราโมโหบอกไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันแล้ว

หลังจากนั้นแฟนเรายังส่งเมล์มาง้อ อ้างโน่นอ้างนี่ ส่งรูปอยู่หน้าอำเภอกับใบขอหย่ามาให้ แต่ไม่ส่งใบหย่ามาให้นะ เราเลยบอกว่าแค่ถ่ายรูปใบขอหย่ามา มันไม่ได้แสดงว่าหย่ากันจริง

หลังจากนั้นนางส่งใบหย่ามาให้ แต่เราก็เฉย ๆ นะ แล้วก็โทรมาง้อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เรารู้ว่ามันยังอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตผัวเมียกัน

จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เลิกมาวอแวกับเรา ทั้งที่ก็ยังมียัย พ อยู่ ชอบโทรมาวุ่นวายที่ออฟฟิศทำให้เราต้อง Unblock นางทุกครั้ง เพราะแฟนเรารู้ว่าไม่ชอบให้มาวุ่นวายในออฟฟิศ จนเราก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ได้แต่ปล่อยและคิดว่าเกษียณเมื่อไหร่หาเราไม่เจอแน่

ที่เล่ามาทั้งหมดก็เพื่ออยากระบายเพราะไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้และเพื่อไว้เป็นอุทาหรณ์แก่ผู้หญิงว่าอย่าไปเสียเวลากับคนแบบนี้ อย่าปล่อยเวลาจนมาเลิกเอาตอนอายุมากแบบเรา จะไปต่อกับใครก็หายากละ เซ็งตรงนี้ ฮ่าๆๆ

ขอบคุณคนที่อ่านจนจบนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่