ฉันเป็นหญิงที่เกิดและโตที่จังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน ปัจจุบันฉันมีอายุ 22 ปี
ครั้งแรกที่ฉันได้ไปวัดหลวงพ่อพุทธชินราชอยู่เมืองพิษณุโลก ตอนนั้นฉันมีอายุ 21 ปี
และครั้งปัจจุบันนี้คือครั้งที่สองที่ฉันได้ไปวัดหลวงพ่อพุทธชินราชหรือหลวงพ่อใหญ่ แห่งเมืองพิษณุโลก
ครั้งแรกของการไปกราบหลวงพ่อใหญ่ ที่พิษณุโลก
ย้อนกลับไปครั้งแรก ก่อนที่ฉันจะได้ไปวัดหลวงพ่อใหญ่ ตอนนั้นญาติของฉันได้ชวนครอบครัวไปไหว้พระพุทธชินราชอยู่จังหวัดพิษณุโลก ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้ตัดสินใจจะไปกับญาติๆ แต่มีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นพี่สาวและแม่ได้สนับสนุนให้ไปเป็นอย่างมาก สุดท้ายแล้วฉันจึงตัดสินใจที่จะไปและได้ร่วมเดินทางไปไหว้หลวงพ่อพุทธชินราชในครั้งนั้น
ก่อนที่ฉันจะเดินทางไปถึงวัดหลวงพ่อใหญ่นั้น ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องราวหรือสิ่งที่ฉันจะทำเมื่อไปถึงวัดหลวงพ่อใหญ่เลย สิ่งที่ฉันคิดตอนนั้นคือการคิดถึงความรัก ความหลง กิเลลทั้งหลายที่ต้องการจะมีและอยากเป็น ลุ่มหลงในสิ่งนั้นเกือบทั้งวัน ไม่ได้คิดหรือนึกถึงหลวงพ่อใหญ่นัก รู้แค่ว่าครอบครัวจะพาไปไหว้พระพุทธชินราชที่วัดนี้
แต่เมื่อเดินทางไปถึงวัด เมื่อฉันเห็นป้ายหน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร ก่อนจะเลี้ยวเข้าประตูวัด ฉันก็เริ่มมีความรู้สึกเกิดขึ้นในใจ เป็นความรู้สึกที่ในสมัยนี้เราใช้คำว่า ว้าว แล่วก็สงบไปในใจฉัน
หลังจากที่ถอดรองเท้าเสร็จ ฉันก็เดินเข้าไปที่วิหารหลวงพ่อใหญ่กับครอบครัว ความรู้สึกแรกก้าวเข้าผ่านประตูและได้เห็นพ่อใหญ่ เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อสำหรับตัวฉัน ฉันลืมเรื่องราวทุกอย่างที่อยู่ในหัว ไม่คิดถึงเรื่องกิเลสพวกนั้น ถึงจะพยายามอยากคิด แต่ก็คิดถึงเรื่องพวกนั้นไม่ออกมาก แค่นิดเดียวแล้วก็หายไป สิ่งที่อยู่ในหัวฉันคือ ฉันศรัทธาหลและปิติกับหลวงพ่อใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าของฉันค่อนข้างมาก แลรู้สึกมีความคุ้นและผูกพันกับมุมต่างๆในวิหารหลวงพ่อ
นั่นคือครั้งแรกที่ได้ไปกราบไหว้หลวงพ่อและวันนั้นฉันไปถึงช่วงสวดมนต์ทำวัดเย็นของทางวัดพอดี ฉันจึงมีโอกาสได้ร่วมสวดมนต์ในวิหารหลวงพ่อใหญ่ด้วย พอสวดเสร็จฉันรู้สึกว่าอานิสงส์จากการสวดมนต์นั้น ช่วยลดและทำให้ภาพความกังวลอีกอย่างนึงของฉันหายไป จากนั้นฉันก็ฟังหลวงพ่อพระสงฆ์ที่วัดเทศน์ ฉันจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร แต่รู้ว่าฉันปิติในการเทศน์รอบนั้นค่อนข้างมาก ในขณะที่ญาติบางส่วนของฉันขอเดินออกไปจากวิหารหลวงพ่อใหญ่ก่อน เพื่อไปโรงแรมหรือออกไปเดินผ่อนคลายนั้น ฉันกลับไม่ไปกับพวกเขา เพราะฉันยังอยากอยู่สวดมนต์ ภาวนาและฟังเทศน์อยู่ที่นั้นต่อ ท้ายแล้วฉันก็ทำสำเร็จ เมื่อฉันฟังเทศน์เสร็จ ฉันก็เดินทางกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม เพื่อเตรียมเดินทางในวันต่อไป
เช้าวันต่อมา ฉันตื่นแต่เช้า เพราะคุณป้าจะพาไปใส่บาตรที่วัดหลวงพ่อใหญ่ ฉันได้ใส่บาตรอยู่ที่วัดหลวงพ่อใหญ่ในวันนั้น จากนั้นก็กลับเข้าไปหาหลวงพ่อใหญ่ในวิหาร นั่งได้สักพัก แม่ก็ได้พาฉันไปเดินชมบริเวณวัดหลายจุด ฉันนำหนังสือสวดมนต์ที่ทางวัดทำแจกกลับมาประมาณ 3 เล่ม จากนั่นฉันได้กลับเข้าไปใช้เวลานั่งอยู่ต่อหน้าหลวงพ่อใหญ่และไม่ได้คิดถึงเรื่องกิเลสที่เคยคิด และความรู้สึกปิติก็เกิดขึ้น แต่อีกความรู้สึกที่เกิดขึ้นและมีมากกว่า คือ ความรู้สึกผูกพันและอบอุ่นที่ใจ เหมือนได้กลับมาที่เก่าที่ฉันเคยมาใช้เวลาอยู่ เมื่อมองที่หลวงพ่อใหญ่ดีๆแลปิติกับความรู้สึกผูกพันอยู่นั้น ก็มีภาพบางอย่างผุดขึ้นมาให้ฉันได้เห็น ฉันเห็นตัวฉันที่ใส่ชุดไทยในสมัยก่อน เป็นสไบสีน้ำเงิน มีลายดอกไม้เล็กๆ ฉันใส่สร้อยทองเล็กๆหนึ่งเส้น น่าจะเป็นสร้อยพระ และใส่กำไลข้อมือทองข้างละหนึ่งเส้น เป็นกำไลเส้นไม่ใหญ่นัก เมื่อมองกลับไปดูข้างหลังทางประตู ก็เห็นมีคนที่เข้ามากราบไหว้หลวงพ่อใหญ่ คนที่เข้ามาใส่ชุดปกติในปัจจุบัน แต่เหมือนเขามองไม่เห็นฉัน เหมือนอยู่ที่เดียวกันแต่คนละช่วงเวลาหรือคนละภูมิ แต่ฉันเห็นคนอีกหนึ่งคนที่อยู่ข้างหลังฉัน เหมือนกับเป็นผู้ติดตามและดูแลฉัน เป็นหญิงมีอายุ ใส่สไบและโจงกระเบนสีเทา ไม่ได้สวมเครื่องประดับอะไร ผมสั้น นั่งอยู่ข้างหลังฉัน แต่ฉันรับรู้ว่าหญิงคนนี้ไม่ทำร้ายฉันและจะติดตามดูแลฉัน
ฉันจึงหันมาหาหลวงพ่อใหญ่อีกครั้งและตั้งสติมองมองดูตัวเองอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันใส่ชุดปกติที่ใส่มาและฉันก็ได้กราบลาหลวงพ่อใหญ่ เพื่อเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดสกลนคร ครั้งที่กราบลาก่อนกลับ เมื่อเงยหน้าขึ้นแลมองไปข้างๆ ฉันได้เห็นภาพชายคนหนึ่งใส่ชุดขาวนั่งอยู่ข้างๆฉันต่อหน้าหลวงพ่อใหญ่และเหมือนมีบางอย่างบอกว่า อนาคตจะได้พาชายคนนี้มาที่นี่อีก จากนั้นฉันก็ยิ้ม ไหว้หลวงพ่อใหญ่และเดินทางกลับบ้าน
ครั้งที่สองของการเดินทางไปหาหลวงพ่อใหญ่
ครั้งนี้ฉันตั้งใจจะไปหลวงพ่อด้วยใจที่ศรัทธา มีอุปสรรคบางอย่างที่เข้ามา เหมือนจะทำให้ฉันตัดสินใจไม่ไปวัดหลวงพ่อ แต่ฉันก็ตัดสินใจและไปหาหลวงพ่อให้ได้
เมื่อไปถึงหน้าวิหาร ฉันยังไม่ได้ก้าวเข้าไปวิหาร แต่เมื่อเห็นหลวงพ่อใหญ่ ความรู้สึกนึงบอกกับฉันว่า ฉันได้กลับมาแล้ว ความรู้สึกดี ปิติ นึกคิดถึง ความผูกพันก็เกิดขึ้นมาอีก
ฉันได้เข้าไปไหว้หลวงพ่อในวิหารและสวดมนต์กับทางวัดอีกครั้ง ทุกครั้งที่มองไปหาหลวงพ่อหรือมุมต่างๆในวิหาร ความรู้สึกผูกพันที่เคยมีนั่นไม่หายไปไหน ฉันยังคิดถึงและรู้สึกผูกพัน รวมถึงอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้
เช้าวันต่อมาฉันก็เดินทางมาใส่บาตรที่วัดหลวงพ่อใหญ่อีกเหมือนปีที่แล้ว แต่ครั้งนี้ได้ถวายให้พระองค์เดียวที่เห็นในวิหาร เพราะมาเวลาค่อนข้างสายกว่าปีก่อน จากนั้นก็ได้ไปนั่งสมาธิหน้าหลวงพ่อใหญ่อีก ฉันนั่งสมาธิไม่นานนัก ก็ไปนั่งตรงแถวมุมที่ท้าวเวสสุวรรณอยู่ข้างหลวงพ่อใหญ่ ฉันรู้สึกผูกพันกับมุมนี้มากเป็นพิเศษ ความรู้สึกผูกพัน อบอุ่นเกิดขึ้นมามากและไปรอบนี้ฉันก็ยังเห็นภาพที่ตัวเองเห็นในครั้งแรกอยู่นั้นคือตัวฉันกับหญิงอีกคนและสวมชุดแบบเดิม
หลังจากที่ฉันกลับมาจากวัด ฉันก็เริ่มศึกษาและถามผู้ที่มีความรู้ ความเชื่อทางด้านนี้ เป็นไปได้ว่าครั้งนึงในชีวิตในอดีต ฉันเองน่านะเคยมาทำบุญอยู่ที่นี่ประมาณนึง ทำให้เมื่อมาถึงวัดหลวงพ่อใหญ่ ฉันถึงรู้สึกผูกพันมากเป็นพิเศษ บางท่านเรียกว่า “ที่เก่า” หรือ “สัญญาเก่า” สำหรับฉันแล้วฉันเชื่อ เพราะฉันไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับทุกที่
แต่เมื่อรู้แล้ว ฉันก็ตั้งจิต ตั้งใจต่อไปว่า อดีตเราอาจจะเคยทำบุญกับท่านมา เราถึงรู้สึกผูกพันกับท่านรวมถึงที่วัด และในปัจจุบันนี้ เราก็จะขอทำบุญ สร้างบุญ สร้างบารมีกับท่านต่อไปอีก
ส่วนหนังสือสวดมนต์ที่ฉันนำกลับไปปีที่แล้ว ฉันก็ได้ใช้สวดมนต์ที่บ้านบ่อยครั้ง
ปีหน้าหากมีโอกาสฉันก็จะเดินทางไปหาหลวงพ่อใหญ่ที่วัดอีก สาธุ
ไม่เชื่อ ไม่ลบหลู่ เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลใครมีคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันเห็นและรู้สึก สามารถแนะนำได้ ขอบคุณค่ะ
ความรู้สึกผูกพันของฉันที่มีต่อหลวงพ่อใหญ่ แห่งเมืองพิษณุโลก
ครั้งแรกที่ฉันได้ไปวัดหลวงพ่อพุทธชินราชอยู่เมืองพิษณุโลก ตอนนั้นฉันมีอายุ 21 ปี
และครั้งปัจจุบันนี้คือครั้งที่สองที่ฉันได้ไปวัดหลวงพ่อพุทธชินราชหรือหลวงพ่อใหญ่ แห่งเมืองพิษณุโลก
ครั้งแรกของการไปกราบหลวงพ่อใหญ่ ที่พิษณุโลก
ย้อนกลับไปครั้งแรก ก่อนที่ฉันจะได้ไปวัดหลวงพ่อใหญ่ ตอนนั้นญาติของฉันได้ชวนครอบครัวไปไหว้พระพุทธชินราชอยู่จังหวัดพิษณุโลก ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้ตัดสินใจจะไปกับญาติๆ แต่มีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นพี่สาวและแม่ได้สนับสนุนให้ไปเป็นอย่างมาก สุดท้ายแล้วฉันจึงตัดสินใจที่จะไปและได้ร่วมเดินทางไปไหว้หลวงพ่อพุทธชินราชในครั้งนั้น
ก่อนที่ฉันจะเดินทางไปถึงวัดหลวงพ่อใหญ่นั้น ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องราวหรือสิ่งที่ฉันจะทำเมื่อไปถึงวัดหลวงพ่อใหญ่เลย สิ่งที่ฉันคิดตอนนั้นคือการคิดถึงความรัก ความหลง กิเลลทั้งหลายที่ต้องการจะมีและอยากเป็น ลุ่มหลงในสิ่งนั้นเกือบทั้งวัน ไม่ได้คิดหรือนึกถึงหลวงพ่อใหญ่นัก รู้แค่ว่าครอบครัวจะพาไปไหว้พระพุทธชินราชที่วัดนี้
แต่เมื่อเดินทางไปถึงวัด เมื่อฉันเห็นป้ายหน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร ก่อนจะเลี้ยวเข้าประตูวัด ฉันก็เริ่มมีความรู้สึกเกิดขึ้นในใจ เป็นความรู้สึกที่ในสมัยนี้เราใช้คำว่า ว้าว แล่วก็สงบไปในใจฉัน
หลังจากที่ถอดรองเท้าเสร็จ ฉันก็เดินเข้าไปที่วิหารหลวงพ่อใหญ่กับครอบครัว ความรู้สึกแรกก้าวเข้าผ่านประตูและได้เห็นพ่อใหญ่ เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อสำหรับตัวฉัน ฉันลืมเรื่องราวทุกอย่างที่อยู่ในหัว ไม่คิดถึงเรื่องกิเลสพวกนั้น ถึงจะพยายามอยากคิด แต่ก็คิดถึงเรื่องพวกนั้นไม่ออกมาก แค่นิดเดียวแล้วก็หายไป สิ่งที่อยู่ในหัวฉันคือ ฉันศรัทธาหลและปิติกับหลวงพ่อใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าของฉันค่อนข้างมาก แลรู้สึกมีความคุ้นและผูกพันกับมุมต่างๆในวิหารหลวงพ่อ
นั่นคือครั้งแรกที่ได้ไปกราบไหว้หลวงพ่อและวันนั้นฉันไปถึงช่วงสวดมนต์ทำวัดเย็นของทางวัดพอดี ฉันจึงมีโอกาสได้ร่วมสวดมนต์ในวิหารหลวงพ่อใหญ่ด้วย พอสวดเสร็จฉันรู้สึกว่าอานิสงส์จากการสวดมนต์นั้น ช่วยลดและทำให้ภาพความกังวลอีกอย่างนึงของฉันหายไป จากนั้นฉันก็ฟังหลวงพ่อพระสงฆ์ที่วัดเทศน์ ฉันจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร แต่รู้ว่าฉันปิติในการเทศน์รอบนั้นค่อนข้างมาก ในขณะที่ญาติบางส่วนของฉันขอเดินออกไปจากวิหารหลวงพ่อใหญ่ก่อน เพื่อไปโรงแรมหรือออกไปเดินผ่อนคลายนั้น ฉันกลับไม่ไปกับพวกเขา เพราะฉันยังอยากอยู่สวดมนต์ ภาวนาและฟังเทศน์อยู่ที่นั้นต่อ ท้ายแล้วฉันก็ทำสำเร็จ เมื่อฉันฟังเทศน์เสร็จ ฉันก็เดินทางกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม เพื่อเตรียมเดินทางในวันต่อไป
เช้าวันต่อมา ฉันตื่นแต่เช้า เพราะคุณป้าจะพาไปใส่บาตรที่วัดหลวงพ่อใหญ่ ฉันได้ใส่บาตรอยู่ที่วัดหลวงพ่อใหญ่ในวันนั้น จากนั้นก็กลับเข้าไปหาหลวงพ่อใหญ่ในวิหาร นั่งได้สักพัก แม่ก็ได้พาฉันไปเดินชมบริเวณวัดหลายจุด ฉันนำหนังสือสวดมนต์ที่ทางวัดทำแจกกลับมาประมาณ 3 เล่ม จากนั่นฉันได้กลับเข้าไปใช้เวลานั่งอยู่ต่อหน้าหลวงพ่อใหญ่และไม่ได้คิดถึงเรื่องกิเลสที่เคยคิด และความรู้สึกปิติก็เกิดขึ้น แต่อีกความรู้สึกที่เกิดขึ้นและมีมากกว่า คือ ความรู้สึกผูกพันและอบอุ่นที่ใจ เหมือนได้กลับมาที่เก่าที่ฉันเคยมาใช้เวลาอยู่ เมื่อมองที่หลวงพ่อใหญ่ดีๆแลปิติกับความรู้สึกผูกพันอยู่นั้น ก็มีภาพบางอย่างผุดขึ้นมาให้ฉันได้เห็น ฉันเห็นตัวฉันที่ใส่ชุดไทยในสมัยก่อน เป็นสไบสีน้ำเงิน มีลายดอกไม้เล็กๆ ฉันใส่สร้อยทองเล็กๆหนึ่งเส้น น่าจะเป็นสร้อยพระ และใส่กำไลข้อมือทองข้างละหนึ่งเส้น เป็นกำไลเส้นไม่ใหญ่นัก เมื่อมองกลับไปดูข้างหลังทางประตู ก็เห็นมีคนที่เข้ามากราบไหว้หลวงพ่อใหญ่ คนที่เข้ามาใส่ชุดปกติในปัจจุบัน แต่เหมือนเขามองไม่เห็นฉัน เหมือนอยู่ที่เดียวกันแต่คนละช่วงเวลาหรือคนละภูมิ แต่ฉันเห็นคนอีกหนึ่งคนที่อยู่ข้างหลังฉัน เหมือนกับเป็นผู้ติดตามและดูแลฉัน เป็นหญิงมีอายุ ใส่สไบและโจงกระเบนสีเทา ไม่ได้สวมเครื่องประดับอะไร ผมสั้น นั่งอยู่ข้างหลังฉัน แต่ฉันรับรู้ว่าหญิงคนนี้ไม่ทำร้ายฉันและจะติดตามดูแลฉัน
ฉันจึงหันมาหาหลวงพ่อใหญ่อีกครั้งและตั้งสติมองมองดูตัวเองอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันใส่ชุดปกติที่ใส่มาและฉันก็ได้กราบลาหลวงพ่อใหญ่ เพื่อเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดสกลนคร ครั้งที่กราบลาก่อนกลับ เมื่อเงยหน้าขึ้นแลมองไปข้างๆ ฉันได้เห็นภาพชายคนหนึ่งใส่ชุดขาวนั่งอยู่ข้างๆฉันต่อหน้าหลวงพ่อใหญ่และเหมือนมีบางอย่างบอกว่า อนาคตจะได้พาชายคนนี้มาที่นี่อีก จากนั้นฉันก็ยิ้ม ไหว้หลวงพ่อใหญ่และเดินทางกลับบ้าน
ครั้งที่สองของการเดินทางไปหาหลวงพ่อใหญ่
ครั้งนี้ฉันตั้งใจจะไปหลวงพ่อด้วยใจที่ศรัทธา มีอุปสรรคบางอย่างที่เข้ามา เหมือนจะทำให้ฉันตัดสินใจไม่ไปวัดหลวงพ่อ แต่ฉันก็ตัดสินใจและไปหาหลวงพ่อให้ได้
เมื่อไปถึงหน้าวิหาร ฉันยังไม่ได้ก้าวเข้าไปวิหาร แต่เมื่อเห็นหลวงพ่อใหญ่ ความรู้สึกนึงบอกกับฉันว่า ฉันได้กลับมาแล้ว ความรู้สึกดี ปิติ นึกคิดถึง ความผูกพันก็เกิดขึ้นมาอีก
ฉันได้เข้าไปไหว้หลวงพ่อในวิหารและสวดมนต์กับทางวัดอีกครั้ง ทุกครั้งที่มองไปหาหลวงพ่อหรือมุมต่างๆในวิหาร ความรู้สึกผูกพันที่เคยมีนั่นไม่หายไปไหน ฉันยังคิดถึงและรู้สึกผูกพัน รวมถึงอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้
เช้าวันต่อมาฉันก็เดินทางมาใส่บาตรที่วัดหลวงพ่อใหญ่อีกเหมือนปีที่แล้ว แต่ครั้งนี้ได้ถวายให้พระองค์เดียวที่เห็นในวิหาร เพราะมาเวลาค่อนข้างสายกว่าปีก่อน จากนั้นก็ได้ไปนั่งสมาธิหน้าหลวงพ่อใหญ่อีก ฉันนั่งสมาธิไม่นานนัก ก็ไปนั่งตรงแถวมุมที่ท้าวเวสสุวรรณอยู่ข้างหลวงพ่อใหญ่ ฉันรู้สึกผูกพันกับมุมนี้มากเป็นพิเศษ ความรู้สึกผูกพัน อบอุ่นเกิดขึ้นมามากและไปรอบนี้ฉันก็ยังเห็นภาพที่ตัวเองเห็นในครั้งแรกอยู่นั้นคือตัวฉันกับหญิงอีกคนและสวมชุดแบบเดิม
หลังจากที่ฉันกลับมาจากวัด ฉันก็เริ่มศึกษาและถามผู้ที่มีความรู้ ความเชื่อทางด้านนี้ เป็นไปได้ว่าครั้งนึงในชีวิตในอดีต ฉันเองน่านะเคยมาทำบุญอยู่ที่นี่ประมาณนึง ทำให้เมื่อมาถึงวัดหลวงพ่อใหญ่ ฉันถึงรู้สึกผูกพันมากเป็นพิเศษ บางท่านเรียกว่า “ที่เก่า” หรือ “สัญญาเก่า” สำหรับฉันแล้วฉันเชื่อ เพราะฉันไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับทุกที่
แต่เมื่อรู้แล้ว ฉันก็ตั้งจิต ตั้งใจต่อไปว่า อดีตเราอาจจะเคยทำบุญกับท่านมา เราถึงรู้สึกผูกพันกับท่านรวมถึงที่วัด และในปัจจุบันนี้ เราก็จะขอทำบุญ สร้างบุญ สร้างบารมีกับท่านต่อไปอีก
ส่วนหนังสือสวดมนต์ที่ฉันนำกลับไปปีที่แล้ว ฉันก็ได้ใช้สวดมนต์ที่บ้านบ่อยครั้ง
ปีหน้าหากมีโอกาสฉันก็จะเดินทางไปหาหลวงพ่อใหญ่ที่วัดอีก สาธุ
ไม่เชื่อ ไม่ลบหลู่ เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลใครมีคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันเห็นและรู้สึก สามารถแนะนำได้ ขอบคุณค่ะ