[CR] 🥵 หนีร้อนมาพักทะเล 3 วัน 2 คืนที่ตราด 🌊

ก่อนจะเข้าการรีวิวทริปครั้งนี้ ขอพูดถึงแรงบันดาลใจในการมาเที่ยวที่ตราด โดยอย่างแรกนั้น ทุกคนอยากไปเที่ยวภูเขามาก ๆ แต่มีบางคนที่ส่วนใหญ่เที่ยวแต่ภูเขา เลยอยากไปทะเลสวย ๆ บ้าง ก็เลยตกลงกันว่างั้นเราไปทะเลกันดีกว่า หลังจากเลือกจังหวัดกันอยู่นานก็เลือกมาที่ตราด เนื่องจากบางคนในกลุ่มไม่เคยไปเลย แถมหาข้อมูลมาคร่าว ๆ คือทะเลสวยมาก! น้ำใสแจ๋ว! นี่เลยเป็นสาเหตุที่ทุกคนร่วมใจกันมา โดยมีคอนเซ็ปต์ที่ว่า “Low Price High Experience” ซึ่งเรามีผู้ร่วมขบวนการเก็บกระเป๋าหนีร้อนไปตราดมีอยู่ด้วยกัน 11 คน พูดได้เลยทริปนี้สนุกแน่นอน 😆

📌 Day 1 (06/04/67)  
วันแรกของการเดินทางสู่ตราด พวกเรามีกัน 11 คน จำเป็นต้องมีรถ 2 คัน ที่จะขับมุ่งตรงสู่ตราด โดยเราต้องการให้ถึงเร็วที่สุด จึงจำเป็นต้องตื่นเช้าตรู่คือ ตี 5 นัดเจอกันที่ใต้หอในหญิงของมจธ. บางคนก็พึ่งตื่น บางคนก็ไม่ได้หลับเลย โดยเราจะเริ่มออกรถกันตอน 06.00 น. จากกทม.สู่จ.ตราด ซึ่งโชคดีมากที่วันที่เราไปเป็นวันหยุดยาว ทำให้ไม่เสียค่าทางด่วนสักบาท ขับไปกันอย่างชิล ๆ
จนกระทั่งเวลา 10.30 น. เราเดินทางสู่จ.จันทบุรี ก็เลยมีความคิดกันว่าจะซื้อของสดเข้าไปทำเองที่บ้านพักดีกว่า เนื่องจากบ้านพักมีพื้นที่ให้ทำอาหารปิ้งย่างได้ เราแวะที่ตลาดเจริญสุดเพื่อซื้อหมึก กุ้ง หมูมาอย่างละ 2 กิโล และซื้อผักเพิ่มเติมเพื่อทำน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด จะบอกว่าตลาดนี้ความจริงเราไปเช้าเกินไป ปกติตลาดจะเปิดบ่าย ๆ เย็น ๆ ทำให้ของน้อยมากแต่ก็บางร้านก็ทยอยเปิดทำให้อย่างน้อยไปก็ไม่เสียเที่ยว พูดได้เลยว่าตลาดนี้ของสดมาก ๆ กุ้งตาใสแจ๋วมาก
หลังจากนั้นเราก็เดินทางกันต่อไปถึงจ.ตราด แล้วเข้าสู่ที่พักของเรารีสอร์ทฉัตรทอง ถึงในเวลา 11.30 น. พูดเลยว่าบรรยากาศดีมาก ๆ บ้านพักทุกหลังติดริมทะเล แอบกระซิบว่ากิจกรรมเยอะมาก แต่ต้องติดต่อเจ้าของไปก่อนล่วงหน้าเพื่อจัดกิจกรรม แถมเจ้าของยังบอกอีกว่าตอนเย็น ๆ น้ำจะลดทำให้เดินออกไปริมทะเลได้ ถ่ายรูปได้สบาย ๆ แทบรอตอนเย็นไม่ไหวเลยตอนนั้น แต่บรรยากาศดีแบบนี้ราคาที่พักก็ไม่แรงมากด้วย ไป 3 วัน 2 คืน ราคาบ้านพัก 3 หลังที่เราไปคือ 7040 บาท ไป 11คน ตกคนละ 640 บาท ห้องพักห้อง 1 สามารถนอนได้ 2 คนแบบสบาย ๆ เปิดประตูออกไปเจอทะเล แบบฟินมาก ทะเลน้ำใส บรรยากาศไม่ร้อนเกินไป หนีร้อนไปทะเลไม่ร้อนเท่าที่คิด
หลังจากเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกมาที่วิสาหกิจชุมชนบ้านท่าน้ำเชี่ยว ตอน 14.30 น. โดยปกติที่นี่เปิด 08.00-17.00 น. เดินเข้าไปก็พร้อมมีคนต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเองมาก ไม่เกร็งเลยสักนิด แถมยังมีไกด์เด็กน่ารักมากแต่ความรู้แน่น เพราะเป็นคนท้องถิ่นเข้ามาให้ความรู้เอง
โดยปกติที่นี่จะมีกิจกรรมเยอะมาก แต่จำเป็นต้องโทรมาล่วงหน้าก่อน เพื่อให้ทางท้องถิ่นเตรียมตัวกิจกรรม เช่น ชมการทำข้าวเกรียบยาหน้า นั่งเรือชมวิถีชีวิตชาวบ้านริมสองฝั่งแม่น้ำ นั่งเรือชมวิถีชีวิตชาวประมง ศึกษาธรรมชาติระบบนิเวศป่าชายเลน เที่ยววัดน้ำเชี่ยว เที่ยวมัสยิดอัลกุบรอ และอื่น ๆ มีหลายกิจกรรมมาก แต่เรามาไม่ได้จองก็เลยได้นั่งเรือชมวิถีชาวประมง ชมป่าชายเลน โดยตกคนละ 100 บาท ซึ่งทางไกด์บอกว่าเข้าทางชุมชนเพื่อพัฒนาชุมชนและมีให้รายได้ให้แก่เด็กที่เป็นไกด์ด้วย ไปเที่ยวแถมได้พัฒนาชุมชน ดีมาก ๆ
นอกจากจะได้นั่งเรือแล้ว เรายังได้ไปเก็บหอยพอกกันด้วย โดยไกด์ท้องถิ่นได้พาไปเก็บ เลอะเทอะแต่สนุกมาก ได้กับเกือบ 10 ตัว แอบกระซิบว่าที่นี่มีของกินที่มาห้ามพลาดด้วย ก็คือ “ข้าวเกียบยาหน้า” อร่อยมาก ตัวครีมจะหวาน ๆ แต่ไส้มีความเค็มนิด ๆ คล้ายขนมเบื้องแต่ไม่ใช่ มีความแตกต่างในรสชาติที่หวานตัดเค็ม ไม่เลี่ยน แถมแป้งเป็นข้าวเกรียบ กรอบ ๆ อร่อยมาก แย่งกันทานจนหมด
หลังจากที่ทำกิจกรรมเราก็กลับสู่ที่พัก แล้วพอดีจังหวะที่น้ำลง ทำให้เห็นหินและบรรยากาศริมทะเลช่วงเย็น กระซิบว่าท้องฟ้าสวยมากทุกวัน ไม่ว่าจะเช้าหรือเย็น โดยเจ้าของบอกว่าสามารถเดินไปถ่ายรูปได้เลย เราก็ไม่รอช้าเก็บรูปได้เยอะมาก หลังจากนั้นก็เข้าไปพักผ่อน พอถึงเวลาตอน 18.00 น. เราก็มาปิ้งอาหารทะเลกินกัน โดยมีกุ้ง หมึก แล้วก็หมูย่าง น้ำจิ้มแซ่บมาก กุ้งหวานกรอบ หมึกไม่เหนียวเลย หมูย่างปรุงรสอร่อยมาก ยิ่งใกล้ทะเลอาหารทะเลยิ่งสดมาก ๆ ยิ่งกินกับเพื่อน ๆ แย่งกันกิน ยิ่งอร่อยกว่าเดิม ซึ่งหลักจากเหนื่อยมาทั้งวันก็ได้เวลานอนหลับพักผ่อนกัน ไม่ถึงเที่ยงคืนสลบไปเลย

📌 Day 2 (07/04/67) 
วันนี้เรานัดเจอกันตอน 10.00 น. รับประทานอาหารเช้า ข้าวต้มทะเลที่ทางรีสอร์ตทำมาให้ อร่อยมาก อาหารทะเลสดมาก ๆ หลังจากนั้นช่วงตอนเที่ยงเราได้ออกเดินทางไปกันที่ชุมชนบ้านท่าระแนะ ซึ่งที่นี้เราได้มีการล่องเรือชมชุมชนและวิถีชีวิตพร้อมฟังประวัติความเป็นมาต่าง ๆ และที่นี่ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโบลิ่ง โดยใช้ผลของต้นตะปูนมาทำเป็นลูกโบลิ่งแทน การทำเสื้อมัดย้อมจากผลของต้นตะปูน ซึ่งสีที่ได้จะเป็นสีน้ำตาล แต่น่าเสียดายที่พวกเราไม่ได้ทำกิจกรรมเหล่านี้ เนื่องจากต้องทำการจองมาล่วงหน้า แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ยังมีกิจกรรมอื่นทดแทน นั่นก็คือ การไป “ปลูกป่าชายเลน” นั่นเอง
เมื่อเราล่องเรือเขาไปด้านในจะเจอกับต้นจากที่โค้งลงมาเป็นอุโมงอย่างสวยงาม พอล่องเข้ามาเรื่อย ๆ จะเจอกับลานตะบูน ซึ่งเป็นไฮไลท์ของบ้านท่าระแนะเลย จะเห็นรากของต้นตะบูนที่ยึดโยงกันเป็นแพที่สวยงามและแข็งแรง สามารถรองรับน้ำหนักของนักท่องเที่ยวที่เดินลงไปเยี่ยมชมและถ่ายรูปได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่เราได้ล่องเรือเยี่ยมชมความสวยงามของธรรมชาติและปลูกป่าชายเลนเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมาทานอาหาร โดยที่นี่จะขึ้นชื่อเรื่องของ “ปูดำ” ชาวบ้านจะจับปูมาเป็น ๆ แล้วนำมานึ่งให้นักท่องเที่ยวได้ทานกันสด ๆ เลย เนื้อปูหวาน อร่อยมาก ยิ่งพอกินกับน้ำจิ้มซีฟูด บอกเลยว่า แซ่บ!
เมื่อเราทำกิจกรรมที่ “ชุมชนบ้านท่าระแนะ” เสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ได้เดินทางกันไปต่อที่ “พระจมน้ำ” เขาระกำ สถานที่สุด Unseen อีกแห่งหนี่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งที่นี่เป็นวัดไทยที่มีชาวไทยและชาวมอญมาร่วมกันสร้าง ต่อมาได้มีการสร้างเขื่อน ทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกน้ำท่วม
หลังจากที่ไหว้พระกันอิ่มอกอิ่มใจแล้ว ก็ขอแวะ “เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ” สักหน่อย ซึ่งที่นี้มีคาเฟ่ราคาอาหาร เครื่องดื่มหลักร้อย แต่วิวหลักล้าน เป็นโครงการของพระองค์ภา ที่ให้นักโทษมาบริการนักท่องเที่ยว ซึ่งนักโทษที่นี่จะได้รับการลดโทษอีกด้วย 
หลังจากที่เราได้ทำกิจกรรมกันมาทั้งวันแล้ว ก็ถึงเวลาต้องกลับที่พัก ชาตแบตให้เต็ม เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ ไปกันต่อ~ 

📌 Day 3 (08/04/67) 
โดยวันนี้เป็นวันเราเที่ยวชิว ๆ เลยแบ่งเป็น 2 ทริป ทริปแรก ไปดำน้ำ วิวสวย น้ำใสสุด ๆ 🐠  เราตื่นเช้ามาทานข้าวที่ทางรีสอร์ตเตรียมไว้ให้ หลังจากนั้นประมาณ 9 โมง คุณพ่อเจ้าของรีสอร์ตอาสาเป็นคนพาพวกเราไปแบบส่วนตัว พาเราไปเล่นไปดำน้ำถึง 4 จุด จะอยู่ที่ไหนตรงไหนใช้เวลานานขนาดไหนก็ได้ตามใจเราสุด ๆ น่ารักมาก 🥰 แต่ทุกที่ต้องปลอดภัย และยังมีเตรียมกล้วยให้เผื่อเราหิว เตรียมอาหารเที่ยงเป็นกะเพราปลาหมึกพร้อมไข่ดาวและน้ำเปล่า บอกเลยคุ้มสุดฟินสุดและสนุกสุด ๆ แต่กลับมาคือดำและไหม้ทั้งตัว 5555 
ทริปที่สองนั้น พวกเราได้ไปกันที่อ่าวตาลคู่ ตอนแรกที่เลือกหาดนี้เพราะว่าใกล้ที่พักมาก ขับรถไม่ถึง 6-7 นาที ตอนแรกว่าจะนั่งเล่น ๆ กินลมชมวิว แต่เห็นน้ำเห็นทรายอดใจกันไม่ไหว เลยลงเล่นน้ำกันยกใหญ่ น้ำสะอาดน่าเล่นมาก คนน้อยแต่ถือว่ายังมีอยู่ อยากให้สถานที่นี้ดังมาก ๆ เพราะว่าสะอาดมาก น้ำใส และอยากกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่มาก ๆ เพราะร้านค้ามีพอเหมาะ แต่ถ้าคนเยอะคงกระตุ้นให้คนมาได้เยอะทีเดียว (พวกเราได้มีแอบเล่นทรายกันบ้าง บางทีก่อกองทราย บางทีก็ก่อคน หัวจะปวด 5555) 
หลังจากจบทริปเที่ยวทะเลกันแล้ว เราก็อาบน้ำแต่งตัวกันกลับกทม.แต่ว่าระหว่างทางได้ไปคาเฟ่ที่หนึ่งชื่อ T77 ตำบลหนองเสม็ด อยู่ภายในจ.ตราด เป็นร้านที่มินิมอล บรรยากาศดีมาก ราคาลงท้ายด้วยเลข 7 ตามธีมร้าน แถมเค้กอร่อยมาก อยากจะมาแนะนำเค้กของที่นี่ อร่อยจนแสงออกปาก ละมุนละม่อมสุด ๆ
หลังจากนั้นก็มุ่งสู่กลับกทม.ยาว ๆ ถึงประมาณ 4 ทุ่มกว่า ๆ แล้วก็แยกย้ายกัน เป็นการจบทริปโดยสมบูรณ์ ซึ่งถือว่าการไปทริปครั้งนี้เป็นทริปที่น่าประทับใจเลยทีเดียว เพราะบางคนนั้นการไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ที่ต่างจังหวัดอาจจะเป็นครั้งแรก ทำให้เปิดประสบการณ์ที่ไม่เคยได้ทำก็ได้ทำ เช่น การไปจับหอย ไม่เคยได้ลองก็ได้ลอง เช่น การกินของแปลกใหม่ของท้องถิ่น ทั้งได้การพบปะผู้คนท้องถิ่นของตราด ได้เห็นความน่ารักและความใจดีของผู้คน ยังจำภาพที่ขอไปซื้อน้ำเปล่าแต่ป้า ๆ ที่น่ารักกลับเอาแก้วใส่น้ำแข็งพร้อมน้ำให้ทุกคนในทีมได้ดื่ม น่ารักมาก ๆ รวมถึงการพาไปเก็บหอยโดยไม่คิดเงินเลยสักบาท ภาพความยิ้มแย้มของคนในชุมชนช่างน่ารักและติดตาติดใจมาก ไม่รวมถึงบรรยากาศและเพื่อน ๆ ที่ทำให้การไปเที่ยวในทริปนี้เป็นที่น่าจดใจและไม่มีวันลืมอีก อยากจะขอบคุณทุกคนที่ทำให้ทริปนี้เกิดขึ้นมาก ๆ เพราะจะเป็นทริปที่ติดในใจไม่เคยลืม

📌 อ่านจบแล้วสามารถตามไปดู Vlog ของพวกเราได้ที่วิดีโอด้านล่างนี้เลยย
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ชื่อสินค้า:   จังหวัดตราด
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่