เราเป็นศึกษาจบใหม่ จบมาในสาขาที่ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด การทำงานในสาขาที่จบมาถ้าให้ตรงสายก็คือการทำงานในหน่วยงานราชการ ซึ่งก็เปิดรับการเป็นจ้างเหมาหรือลูกจ้างชั่วคราวน้อยมาก แทบไม่มี เราต้องสอบกพ.ให้ผ่าน เพื่อที่จะสอบขั้นต่อไปให้ได้เป็นข้าราชการ เราจบมาโดนคำถามที่ว่า จบมาทำอะไร คนจบแบบนี้เขาต้องทำงานแบบไหนกัน เป็นคำถามที่เราจุกเหมือนกัน ไม่รู้จะตอบแบบไหนดี และวันรวมญาติทุกคนต้องเจอคำถาม มีงานทำยัง ทำงานอะไร เงินเดือนเท่าไหร่ มีคุณอาคนหนึ่งถามเราว่าเราจบอะไร เราก็ตอบไป เขาตอบกลับมาว่า จบแบบนี้ไม่รู้หางานอะไรให้ทำดี ต้องจบแบบพวกวิชาชีพ จบพวกวิชาชีพดีที่สุด ย้ำคำพูดนี้อยู่บ่อยๆ แบบนี้ไม่มีใครเขาเรียนกัน คำตอบเขาเราหน้าชามาก ยิ่งไปกว่านั้น เขาพูดต่อหน้าพ่อเรา ตัวเราเองถ้าพูดกับเรา เราไม่เท่าไหร่นี่ต่อหน้าพ่อเรา บอกว่างานเขาไม่ค่อยรับคนจบแบบนี้ หางานยาก บลาๆ เรารู้สึกเสียใจกับคำพูดเขามาก เขาทำงานเกี่ยวกับวิชาการในระดับอุดมศึกษา เราอยากถามสวนกลับมากเลยว่า ถ้ามันไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ทางทุกมหาลัยจะเปิดการเรียนการสอนหลักสูตรนี้ทำไม ทำไมไม่เปิดแต่ที่ตลาดต้องการ บางคนเขาอาจจะอยากเข้าอีกแบบหนึ่งก็ได้ แต่สาขานั้นเปิดน้อยมาก แล้วทำไมไม่เปิดให้มันเยอะๆละ จะได้เป็นที่ต้องการของตลาด เห้ยในสิ่งที่เราเรียนมันไม่ได้แย่นะ มันทำให้การมองสังคมของเราเปลี่ยนไป ทำให้เรามองลึกเข้าไปในโครงสร้างสังคมด้วยซ้ำว่าคนภายนอกอาจคิดว่าคนที่จนอะขี้เกียจ ไม่ทำงานถึงจนอยู่แบบนี้ แต่จริงๆแล้วเค้าอาจขยันกว่าเราด้วนซ้ำ ตื่น7โมงไปทำงานเลิกงาน17:00 ค่าแรงที่ไม่ถึง350 เอาไรมารวยกับพวกหาเช้ากินค่ำ ค่าแรงถูกกว่าค่าครองชีพเสียอีก และโครงสร้างทางสังคมที่ไม่เหมือนกัน อีกมากมายที่ได้ข้อคิดเข้าใจสังคมในสาขานี้ เขามองในสิ่งที่เราพยายามเรียนจนจบมาดูไร้ค่าไร้ประโยชน์ ความกดดันทำให้เราเครียด พยายามหางาน จนได้งานนึงในหน่วยงานนึง ซึ่งตอนเราไปสัมภาษณ์เราไปสัมภาษณ์กับอีกฝ่าย แต่พอเราโดนเรียกให้ไปทำเราได้ทำอีกฝ่าย ตอนแรกเราดีใจมากที่ได้มีงานทำ แต่พอได้ทำจริงๆ เชื่อไหม เราทำได้แค่3วัน ไม่ใช่เราไม่อดทนกับงานอยากจะออก ไม่นะ เรารับกับความสีเทาของงานลักษณะนี้ไม่ได้ มันเทาเกินไปเท่าที่ได้ฟัง เราไม่ใช่คนดีที่รับอะไรแบบนี้ไม่ได้ นิดหน่อยพอหลับหูหลับตา เรากลัวโดนให้เซ็นอะไรมั่ว กลัวว่าการที่เราเซ็นมันจะสร้างผลกระทบภายหลัง ตอนเราทำงานเราทำหน้าที่นึง แต่ในใบสมัครทำอีกหน้าที่นึงมันคนละตำแหน่งเลย วุฒที่สมัครไปเราใช้ป.ตรี แต่ใบสมัครเขียนป.6ให้เรา เราเริ่มตะหงิดๆ เขาบอกบางครั้งเขาอาจจะขอเงินบางส่วนจากเงินเดือนเรา ซึ่งตรงนี้เราไม่โอเคเงินเดือนมันน้อยมากอยู่แล้วยังจะเอาของเราอีกเหรอ เราไปทำวันแรกเหมือนจะโอเคนะ แต่พอผ่านไปวันที่2 เราเริ่มไม่มีความสุข กินข้าวได้น้อย กลับบ้านมาเศร้า ไม่อยากไปทำงานในวันต่อไป ตอนแรกนึกว่าเป็นที่เราไม่ชินกับการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ พอวันที่3 เราเริ่มแน่ชัดกับครส.ที้ไม่โอเค เราจึงตัดสินใจเราเรื่องให้พ่อกับแม่ฟัง ตอนแรกเรานึกว่าเขาจะค้านเราให้เราทำไปก่อน แต่เปล่าเลยเขากลับให้เราออกเลย ผิดคาดมากๆ เราดีใจสุดๆที่มีครอบครัวเข้าใจแบบนี้ ถามเพื่อนๆญาติๆทุกคนก็ให้ออก แนะนำให้ออกเลย พอเราลาออกเรากลับมาเริ่มความรู้สึกที่ว่า ว่างงาน กดดัน เคว้ง ไร้ค่า ทั้งที่พ่อแม่ไม่เคยบีงคับเราเรื่องหางานเลย เราเองที่กังวลกลีวใครมาถามพ่อแม่ว่าลูกทำงานอะไร เราเครียดมากว่าจะทำงานอะไรดีถ้าสอบไม่ผ่าน จะว่างงานไปถึงตอนไหน จะไปทำงานที่กทม. เรารู้เลยเราHome sick แน่ๆ เราติดบ้านมาก เรื่องเรียนป.ตรี ยังเลือกจังหวัดบ้านตัวเองเลย ยิ่งคิดยิ่งมืดมน เรากดดันตัวเองอีกแล้ว ทำยังไงดีกับความรู้สึกแบบนี้ บางทีเราคิดว่าหรือว่าไม่อยากอยู่แล้ว แต่เป็นความคิดแว๊บๆจริงๆ เราก็ยังเชื่อมั่นในตัวเองที่จะต้องสอบติด เราเชื่อในจังหวะชีวิต แต่เราผลักตัวเองออกจากความวิตกกังวลนี้ไม่ได้เสียที เราต้องทำยังไงดีคะ เราผิดไหมที่ไม่ได้เรียนจบในสาขาที่ตลาดต้องการ ผิดไหมที่ยังหางานไม่ได้ เราต้องจัดการกับครส.ยังไงดี ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ
จัดการกับความรู้สึกยังไง เราเป็นนักศึกษาจบใหม่