CPALL โชว์รายได้ไตรมาสแรกอู้ฟู่กว่า 2.4 แสนล้าน ‘เซเว่น’ สุดปังกำไรพุ่ง 124%

เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.matichon.co.th/bullet-news-today/news_4571139

ติดตามข่าวสารน่าสนใจมากมายได้ที่ 
https://www.matichon.co.th

CPALL โชว์รายได้ไตรมาสแรกอู้ฟู่กว่า 2.4 แสนล้าน ‘เซเว่น’ สุดปังกำไรพุ่ง 124%

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2567 โดยบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 6,319 ล้านบาท มีรายได้รวม 241,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 8.5% มาจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจ

ประกอบด้วยธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ตามการบริโภคภายในประเทศที่ยังมีการขยายตัว ซึ่งขับเคลื่อนโดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ และการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงตันปีที่สร้างบรรยากาศที่ดีในการจับจ่ายใช้สอย
ด้านกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการอยู่ที่ 52,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มาจากรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้น รวมถึงความสำเร็จในกลยุทธ์ด้านสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ยังนำเสนอสินค้าที่แตกต่าง เพิ่มความสามารถในการทำกำไร

ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อเปิดร้านสาขาใหม่ รวมทั้งสิ้น 185 สาขาและมีร้านสาขารวมทั่วประเทศ 14,730 สาขา แบ่งเป็น 1.ร้านสาขาบริษัท 7,985 สาขา ประมาณ 51% ร้านเปิดใหม่สุทธิ 149 สาขาในไตรมาสนี้ 2.ร้าน SBP และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 7,245 สาขา ประมาณ49 % ร้านเปิดใหม่สุทธิ 36 สาขา ในไตรมาสนี้ ร้านสาขาส่วนใหญ่ยังเป็นร้านที่ตั้งเป็นเอกเทศ ประมาณ 86 % ของสาขาทั้งหมด และส่วนที่เหลือเป็นร้านในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.

ด้านรายได้ธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 105,861 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.9 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 6,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.1 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ในไตรมาสนี้มียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวัน เท่ากับ 82,619 บาท และยอดขายเฉลี่ยของร้านสาขาเดิมเพิ่มขึ้นเท่ากับ 4.9 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดซื้อต่อบิลโดยประมาณ 85 บาท ขณะที่จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 972 คน ทั้งนี้ลูกค้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการของรัฐก็มีส่วนช่วยสนับสนุนเช่นกัน

ขณะที่สัดส่วนของรายได้จากการขาย 75.2 % มาจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และ 24.8 % มาจากสินค้าอุปโภค อยู่ในระดับเดียวกันกับปี 2566 โดยบริษัทฯยังคงมุ่งเน้นที่จะเป็นจุดหมายปลายทางที่ 1 ในใจลูกค้าเมื่อนึกถึงอาหารและเครื่องดื่ม ตามสโลแกน ‘หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา’ และ ‘หิวเมื่อไหร่ก็สั่งเลย’ สำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกที่และทุกเวลา

ในด้านกำไรขั้นต้นธุรกิจร้านสะดวกซื้ออยู่ที่ 30,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 3,950 ล้านบาท หรือ 14.9% มาจากการปรับกลยุทธ์ด้านสินค้า ให้ความสำคัญต่อการบริหารอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าโดยพยายามเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ยังมีรายได้อื่นอีกจำนวน 6,236 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 518 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากรายได้จากการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของสาขา

ส่วนเป้าหมายการขยายสาขา วางแผนที่จะพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งรวมถึงการขยายเครือข่ายร้านสาขาต่อเนื่องไปตามการขยายตัวของชุมชน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แหล่งท่องเที่ยวและทำเลที่มีศักยภาพอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยจะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีก 700 สาขาในปี 2567 และจะเปิดร้านใหม่เพิ่มในประเทศกัมพูชา และในสปป.ลาว ในปี 2567 อีกด้วย

โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 12,000 – 13,000 ล้านบาท สำหรับเปิดร้านสาขาใหม่ 3,800-4,000 ล้านบาท ปรับปรุงร้านเดิม 2,900-3,500 ล้านบาท โครงการใหม่, บริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า 4,000 -4,100 ล้านบาท ลงทุนสินทรัพย์ถาวร และระบบสารสนเทศ 1,300-1,400 ล้านบาท... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/bullet-news-today/news_4571139

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่