๑๑ พฤษภาคม ๒๔๔๓ ท่านได้ถือกำเนิดมาในครอบครัวชาวนาอยุธยา ท่านได้กระทำคุณประโยชน์แก่แผ่นดินและประชาชนไว้เป็นเอนกอนันต์ ท่านได้เผชิญมรสุมในชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกตามล่าหมายชีวิตในเหตุปฏิวัติ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ และถูกใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือน ลดทอนคุณงามความดีมาโดยตลอด
   
   ผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ด้วยจิตที่รักสัจจะ และเที่ยงตรงต่อความจริง ย่อมไม่หวั่นไหวไปต่อการใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือนประวัติศาสตร์ จากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดก็ตาม 
   
   บุคคลสามัญผู้หนึ่งเป็นผู้ที่ค้นหาความจริง ท่านเขียนหนังสือตอบโต้ผู้ที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ใส่ร้ายป้ายสีท่านปรีดี พนมยงค์และคณะราษฎร โดยนำข้อเท็จจริงมาเปิดเผยต่อสาธารณะ แม้ว่าบัดนี้ท่านจะจากโลกไปหลายปีแล้วก็ตาม เมื่อกล่าวถึงท่านปรีดี พนมยงค์และคณะราษฎร ย่อมไม่อาจละเลยต่อผู้ที่ยืนหยัดต่อความจริง ตอบโต้ต่อผู้บิดเบือน นามของท่านคือ ท่านสุพจน์ ด่านตระกูล
  
   ผมได้รับรู้เรื่องราวของท่านปรีดี พนมยงค์และคณะราษฎร อย่างมากมายก็ด้วยผลงานของท่านสุพจน์ ด่านตระกูล ในช่วงต้นทศวรรษ ๒๕๔๐ และเมื่อเข้าสู่ปี พ.ศ. ๒๕๔๓ อันเป็นปีแห่ง ๑๐๐ ปีชาตกาลของรัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ หนังสือและข้อมูลจำนวนมากทั้งของท่านสุพจน์ ด่านตระกูลที่ได้เขียนไว้เนิ่นนานนับตั้งแต่ทศวรรษ ๒๕๑๐ และทศวรรษ ๒๕๒๐ เรื่อยมา ก็ได้รับตีพิมพ์ เปิดเผยอย่างไม่ต้องซ่อนเร้นอีกต่อไป
   
   โดยนัยที่กล่าวมานี้ ท่านปรีดี พนมยงค์และท่านสุพจน์ ด่านตระกูล จึงเป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์สังคม และเป็นต้นแบบของผู้ที่รักสัจจะ ความจริง แยกแยะผู้มารยาออกจากสัตบุรุษให้แก่ผม
   
   ในวันนี้ผมจึงใส่บาตรและอุทิศกุศลแด่ท่านปรีดี พนมยงค์ ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ คุณสุพจน์ ด่านตระกูล
   
   ความเป็นสัตบุรุษไม่ได้วัดกันที่การสรรเสริญ เยินยอของเหล่าชน สัตบุรุษผู้ทำคุณประโยชน์แม้ว่าจะถูกใส่ร้ายป้ายสี แต่คุณความดีที่ท่านทำไว้ก็ไม่สูญหายและมีสุคติเป็นที่หวังเมื่อสิ้นชีวิตไป 
   
   โดยตรงข้าม อสัตบุรุษแม้จะถูกแห่แหน สรรเสริญ เท่าไร ตัวของผู้นั้นย่อมรู้แก่ตนว่าตนเป็นอะไร สัมปรายภพของผู้นั้นเมื่อสิ้นชีวิตไป เขาย่อมรู้ด้วยตนเองเมื่อกำเนิดในภพนั้น.