หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต (พิชิต เกรียงศักดิ์พิชิต)

กระทู้สนทนา
พลโท หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต นามเดิม พิชิต เกรียงศักดิ์พิชิต (20 กรกฎาคม พ.ศ. 2439 – 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2507) อดีตแม่ทัพกองทัพภาคอีสานในสงครามไทย-อินโดจีน, อดีตผู้บัญชาการทหารบก, อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, อดีตสมาชิกคณะราษฎร และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 (ส.ส.ประเภทที่ 2) ในปี พ.ศ. 2476

 ประวัติ

หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต มีชื่อจริงว่า พิชิต เกรียงศักดิ์พิชิต มีนามเดิมว่า ค้วน จิตตะคุณ เกิดเมื่อวันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2439 ตรงกับวัน 2 เดือน 11 แรม 8 ค่ำ ปีวอก ภูมิลำเนาเดิม คลองบางกอบัว อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ บิดาชื่อนายจิ้น มารดาชื่อนางเพียรภายหลังแยกทางกัน นายจิ้นได้ไปทำไร่ยาสูบที่นครปฐม จึงได้อาศัยอยู่กับมารดาซึ่งติดการพนันขายที่สวนนำไปเล่นพนันจนหมด ภายหลังมารดาได้เปลี่ยนอาชีพทำสวนมาพายเรือค้าขายแทน

การศึกษา

เมื่ออายุ 8 ปีมารดานำไปฝากตัวกับหลวงตาทองที่วัดบางกอบัวให้เรียนหนังสือได้เพียง 7 วันเพราะโดนเด็กวัดรังแก พออายุ 9 ปีมารดานำตัวไปฝากไว้กับอาจารย์ไล้ที่วัดบางบำหรุสอนหนังสือจนพออ่านออกเขียนได้ จากนั้นอาจารย์ไล้ได้นำตัวไปฝากเข้าโรงเรียนวินัยชำนาญ เมื่อสำเร็จชั้นประถมศึกษาจึงไปสมัครเรียนโรงเรียนราชบูรณะ (สวนกุหลาบวิทยาลัย) ซึ่งตอนนั้นมารดาเลิกค้าขายแล้วและได้ไปอยู่แม่ครัวให้กับคุณแปลก ตันยุวรรธนะช่วยอุดหนุนให้มีทุนเรียนชั้นมัธยมต่อได้

ขีวิตในช่วงมัธยมก็มีเกเรหนีเที่ยวบ้างแต่ก็สอบไล่ได้ทุกปี ความตั้งใจเดิมก็ไม่คิดที่จะวางแผนอนาคตไปทางใดแต่บังเอิญเพื่อนสนิทแอบไปสมัครสอบโรงเรียนนายร้อยโยไม่บอกกกล่าวจึงน้อยใจเพื่อนและเกิดความมานะไปสมัครสอบบ้าง ไปสมัครสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยชั้นมัธยมซึ่งในเวลานั้นมีผู้สมัครสอบ 75 คนแต่รับเพียง 10 คน

จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยมัธยม (โรงเรียนนายร้อยทหารบก) ในปี พ.ศ. 2457 เหล่าปืนใหญ่ ซึ่งในรุ่นที่จบการศึกษานั้นเป็นเหล่าปืนใหญ่ทั้งหมดไม่สามารถเลือกเหล่าได้แบบรุ่นที่ผ่านๆมา หลวงเกรียงศักดิ์พิชิตรับราชการครั้งแรกที่กรมทหารปืนใหญ่ที่ 3 จังหวัดลพบุรี แต่ภายหลังได้ลาออกจากราชการเนื่องจากมีความขัดแย้งกับผู้บังคับบัญชาซึ่งได้ว่ากล่าวตักเตือนเรื่องการใช้ชีวิตส่วนตัวแบบคนหนุ่มทั่วไปประกอบกับตอนนั้นมีภรรยาทำอาชีพค้าขายอยู่ที่กรุงเก่า (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) จึงได้ลาออกไปช่วยกันทำมาหากินโดยการนำสินค้าจากกรุงเทพเข้ามาขายทางเรือซึ่งได้กำไรดี แต่ต้องค้าขายโดยการลำบากต้องถ่อเรือและหวนคิดถึงเกียรติยศของความเป็นนายทหารจึงได้หลบหนีภรรยาออกมาเพื่อสมัครเข้ามารับราชการใหม่รวมระยะเวลาที่ลาออกจากราชการ 8 เดือน

ครอบครัว

หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต มีบุตรธิดารวม 11 คน โดยกับ คุณหญิงชื่น เกรียงศักดิ์พิชิต มีบุตรธิดา 9 คน และกับ นางบุญเหลือ ปีเจริญ มีบุตรธิดา 2 คน
พลตรีคะเน เกรียงศักดิ์พิชิต บุตรคนหนึ่งของคุณหญิงชื่น มีบุครชายชื่อ พลตำรวจตรี ขจรศักดิ์ เกรียงศักดิ์พิชิต นายตำรวจติดตามพลเอกเปรมติณสูลานนท์ องคมนตรี และรัฐบุรุษ ขณะดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี 

พลตำรวจตรี ขจรศักดิ์ เกรียงศักดิ์พิชิต  อดีตผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.)  อดีตรองผู้บังคับการวิทยาลัยการตำรวจ อดีตรองผู้บังคับการสถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ อดีตผู้บังคับการวิทยาลัยตำรวจ สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ 

ปี 2534 สมรสกับ พันโทหญิง ฐิฏา รังสิตพล บุตรสาว สุขวิช รังสิตพล รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายกรัฐมนตรีชวน 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในรัฐบาลนายกรัฐมนตรีบรรหาร และ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาลต้มยำกุ้ง

รับราชการ

เมื่อกลับเข้ารับราชการใหม่หลวงเกรียงศักดิ์พิชิตถูกบรรจุที่กรมทหารบกปืนใหญ่ที่ 2 บางซื่อเป็นเวลา 1 ปี จากนั้นเข้าเรียนที่โรงเรียนปืนใหญ่ ลพบุรี เมื่อสำเร็จการศึกษาได้บรรจุที่เดิมได้แค่ 2 เดือนมีคำสั่งให้ไปเป็นผู้บังคับหมวดที่โรงเรียนปืนใหญ่ ประจำอยู่ที่โรงเรียนปืนใหญ่ 4 ปีก็โยกย้ายไปรับราชการเป็นผบ.ร้อยที่กรมทหารปืนใหญ่ที่ 8 เชียงใหม่ ประจำอยู่เชียงใหม่ได้ 2 ปีมีคำสังให้ย้ายมากรมทหารปืนใหญ่ที่ 7 พิษณุโลกซึ่งอยู่ได้ 1 ปีครึ่งต่อมาภายหลังกรมทหารปืนใหญ่ที่ 7 ได้ยุบหน่วยมารวมกับกรมทหารปืนใหญ่ที่ 4 นครสวรรค์และประจำการเป็นเวลา 2 ปีครึ่งก่อนที่จะย้ายมาเป็นผบ.ร้อยอยู่ที่กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์เมื่อรับราชการได้ 1 ปี เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475

หลวงเกรียงศักดิ์พิชิตเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันกับ จอมพล แปลก พิบูลสงคราม, พลตำรวจเอก อดุล อดุลเดชจรัส, พลเอก มังกร พรหมโยธี, พลอากาศโท กาจ กาจสงคราม และจอมพล ผิน ชุณหะวัณ ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2475 นักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกันนี้หลายคนได้เข้าร่วมเป็นคณะราษฎร ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศ ซึ่งรวมถึงตัวของหลวงเกรียงศักดิ์พิชิตด้วย

ในเวลาต่อมาเมื่อรัฐบาลจะยกเลิกบรรดาศักดิ์ไทย หลวงเกรียงศักดิ์พิชิตในฐานะรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีชุดที่ 9 จึงลาออกจากบรรดาศักดิ์ โดยใช้ราชทินนามเป็นนามสกุล เมื่อพ.ศ. 2484

ถึงแก่อนิจกรรม

ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เมื่อวันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2507 ตรงกับวันพุธ แรม 5 ค่ำ เดือน 8-8 (เดือน 8 ทุติยาสาฬห) ปีมะโรง สิริอายุได้ 68 ปี 9 วัน

สงครามไทย-อินโดจีน

ในระหว่างสงครามไทย-อินโดจีน (กรณีพิพาทอินโดจีน) พ.ศ. 2483 กองทัพในบัญชาของ พันเอก หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต (ยศในขณะนั้น) สามารถเข้ายึดนครจำปาศักดิ์ได้ พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ได้แต่งเพลงให้เพลงหนึ่งคือ นครจำปาศักดิ์ มีเนื้อหายกย่องวีรกรรมครั้งนี้

ยศทหารสัญญาบัตร

10 ธันวาคม พ.ศ. 2458 เป็น ว่าที่ร้อยตรี
23 พฤษภาคม พ.ศ. 2459 เป็น ร้อยตรี[8]
25 พฤษภาคม พ.ศ. 2464 เป็น ร้อยโท
7 พฤษภาคม พ.ศ. 2470 เป็น ร้อยเอก [9]
1 เมษายน พ.ศ. 2476 เป็น พันตรี [10]
1 เมษายน พ.ศ. 2477 เป็น พันโท [11]
1 เมษายน พ.ศ. 2480 เป็น พันเอก
8 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 เป็น พลตรี
17 สิงหาคม พ.ศ. 2486 เป็น พลโท
20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486 เป็น พลเรือโท พลอากาศโท

งานการเมือง

หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต (พิชิต เกรียงศักดิ์พิชิต) ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีที่ไม่ได้ประจำกระทรวง ในรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ต่อมาถูกปรับไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ก่อนจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในคณะรัฐมนตรีชุดต่อมา ในขณะที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ กระทั่งในเวลาต่อมาเขาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนจอมพล ป.พิบูลสงคราม
ต่อมาในปี พ.ศ. 2489 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลนายควง อภัยวงศ์ และ  เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 ในปี พ.ศ. 2494

บรรดาศักดิ์

7 พฤษภาคม พ.ศ. 2471 เป็น ขุนเกรียงศักดิ์พิชิต ถือศักดินา 600
3 มิถุนายน พ.ศ. 2473 เป็น หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต ถือศักดินา 800

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

พ.ศ. 2486 –   เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
พ.ศ. 2484 –   เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)
พ.ศ. 2484 –   เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามอินโดจีน (ช.ส.)
พ.ศ. 2477 –   เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ (พ.ร.ธ.)
พ.ศ. 2486 –   เหรียญช่วยราชการเขตภายใน การรบสงครามมหาเอเชียบูรพา (ช.ร.)
พ.ศ. 2474 –   เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)
พ.ศ. 2481 –   เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 ชั้นที่ 2 (อ.ป.ร.2)
พ.ศ. 2468 –   เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 7 (ร.ร.ศ.7)
พ.ศ. 2475 –   เหรียญเฉลิมพระนคร 150 ปี (ร.ฉ.พ.)

 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ

  ญี่ปุ่น :พ.ศ. 2486 -   เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงคลรัตน์ ชั้นที่ 1

สถานที่อันเนื่องด้วยนาม

อำเภอเกรียงศักดิ์พิชิต (ปัจจุบันคืออำเภอสำโรง ประเทศกัมพูชา)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่