เมื่อก้าวมาเป็นนักลงทุน หลายคนกำลังเลือก ว่าเส้นทางไหน เหมาะกับตนเอง
1. เงินตั้งต้น น้อยกว่า 1 แสนบาท ไปทางหุ้นก่อน เพราะหุ้น/กองทุน หลักพัน ก็ซื้อได้
2. เส้นทางของหุ้นคือ ซื้อในราคาที่ต่ำ ขายเมื่อราคาขึ้นสูงกว่าต้นทุน ระหว่างรอ กินปันผลรายปี
3. หุ้นเติบโต คือ หุ้นของบริษัทที่ต้องการเงินไปลงทุนต่อ บางปี เขาจึงขอไม่ให้ปันผล เพื่อนำเงินนั้นไปลงทุนขยายกิจการ
4. หลีกเลี่ยงหุ้นที่มีคดีความ เพราะค่าปรับ อาจจะทำให้ฐานะการเงินของบริษัทแย่ลง
รวมถึงติดตามความไม่โปร่งใส เช่น ทุจริตภายในบริษัท
5. หุ้นบริษัทที่ยึดโยงกับการเมือง นโยบายบอกได้ถึงทิศทางการเติบโตของธุรกิจบางประเภท
6. ดูหุ้นที่กำไรดี เติบโตต่อเนื่อง หนี้มีบ้าง แต่ไม่หนักหนา
7. สนใจเทรนด์แห่งอนาคต และการประกอบการของบริษัทเป้าหมายว่าดึงดูดลูกค้าได้แค่ไหน
8. หุ้นมีข้อดี คือ การซื้อขายไม่ยุ่งยาก อสังหา การซื้อ-ขาย ต้องใช้เวลา อาจหลายเดือน หรือ หลายปี
จนกว่าลูกค้าและคุณตกลงกันได้ อสังหาฯ มีข้อเสียคือ การปล่อยเช่ากว่าจะทำกำไรได้ อาจใช้เวลามากกว่า
10 ปี ปกติ การให้เช่า ไม่นับว่าเป็นกำไร เพียงแต่ทำให้มีรายได้ ระหว่างรอราคาอสังหาฯระดับที่คุณพอใจขาย
9. ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงไปตามผลประกอบการ ที่มีกำไร ขาดทุน และความเชื่อมั่นที่เหล่านักลงทุนมีต่อบริษัท
ข่าวและความเป็นไปของสังคมมีผลต่อราคาหุ้น
10. ในโลกของหุ้นนั้น คุณต้องให้เวลาผู้บริหารพนักงานบริษัทเขาทำงาน ไม่ใช่ซื้อวันนี้ จะเอากำไรให้ได้ภายในสามเดือน
คุณต้องนิ่งให้เป็น การเป็นนักลงทุน คือ การศึกษารวบรวมข้อมูล แล้วตัดสินใจ ไหวตัวทันต่อความเปลี่ยนแปลง
อสังหาฯ
1. ถ้าคุณชอบอสังหาฯ แต่ไม่มีเงินเลย ให้เริ่มจากการเป็นนายหน้าอสังหาฯ หรือ ทำงานที่เกี่ยวข้องก่อน
ณ จุดนี้ คุณจะได้เรียนรู้อาชีพหลากหลายที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯ แม้แต่อาชีพแต่งบ้าน จัดสวน บริษัทจัดหาแม่บ้าน
คุณมีโอกาสพบทรัพย์ที่หลากหลาย คุณอาจจะเจอคอนโค หรือบ้านที่ชอบ ไปพร้อมๆ กับการประกอบอาชีพ
2. คุณชอบเดินทางไปดูคอนโด บ้าน ที่ดิน เพราะดูแค่ภาพคงไม่พอ ต้องเช็คของจริง
บางคนเลือกหุ้น เพราะออนไลน์ก็เพียงพอ แต่อสังหา ต้องดูของจริง และปล่อยทิ้งเป็นปีๆ ไม่ได้ด้วย
มันเก่าเร็ว และคนมาครอบครองโดยไม่รู้
3. คุณสนใจทำเลข้างเคียง มีสถานที่สำคัญใกล้ๆ เช่น ใกล้สถานีรถไฟฟ้า เดินทางสะดวก ติดถนน ไม่ไกลจากห้างดัง
4. คุณชอบจัดบ้าน จัดสวน ดูแลการถมที่ คุณสนใจการออกแบบเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาฯ
5. ถ้าคุณสนใจหุ้น คุณติดตามบริษัทเป็นร้อยๆ หรือ อย่างน้อย 3-5 บริษัทในใจคุณ
แต่อสังหา คุณสนใจแค่สมบัติที่คุณมี ทำอย่างไรให้เกิดกำไรจากการขาย และรายได้จากการเช่า
6. กรณีที่คุณมีเงินให้กู้ โดยลูกหนี้นำโฉนดที่ดินมาวางไว้ หากเขาไม่มีเงินมาให้ตามระยะเวลา เช่น 5 ปี คุณได้ที่ดินนั้น
ซึ่งเป็นไปตามที่ระบุในสัญญาต่อกัน ข้อเสีย คือ คุณไม่มีสิทธิเลือกที่ดินมากนัก เพราะลูกหนี้ให้ที่ผืนที่เขามี
แต่คุณให้ราคาที่สมควรแก่ศักยภาพของที่ดินตรงนั้น ความเสี่ยงไม่มาก เขาเอาเงินมาจ่าย คุณก็ได้ เขาไม่เอาเงินมาจ่าย คุณก็ได้ที่ดิน
7. หากเป็นที่ผืนใหญ่ ลองตัดแบ่งขาย อาจได้ราคาดีกว่าขายทั้งแปลง
8. กรณีที่คุณเริ่มมีเงินเหลือเฟือ ปล่อยให้เป็นหน้าที่เอเจ้นท์ ในการช่วยขาย บริหารการเช่าทรัพย์สินของคุณ
ไม่ว่าการหาอาคาร บ้าน คอนโดที่ดี ปล่อยเช่า จ้างทำความสะอาด ตรวจความสมบุณรณ์ครบถ้วนของเฟอร์นิเจอร์
เอาเวลาไปทำงานที่คุณชอบ และจ้างให้เขาทำ ตราบเท่าที่คุณมีกำไรอยู่
สมมุติคุณต้องการกำไร 10% ยินดีแบ่งให้เอเจ้นท์ที่ทำงานช่วยเหลือคุณ 3%
เทียบกับคุณทำเองหมด คุณอาจเสียเวลาไป 3 เท่า แต่กำไรที่เพิ่มอาจเพียง 1 เท่า เมื่อเทียบกับจ้างเอเจ้นท์
เอเจ้นท์มีหลายแบบ ตั้งแต่บริษัท ไปจนถึงบัณฑิตจบใหม่ ที่คุณแค่บอกเขาว่า ช่วยหาคนมาเช่าบ้านให้หน่อย
คุณจ้างเด็กพวกนี้ไม่กี่พันบาท แต่ได้คนมาเช่าบ้านคุณไปอีก 1 ปี
ควรมีการทำสัญญาปกป้องผลประโยชน์ของเจ้าของทรัพย์ / ตัวคุณเอง
เลือกเอเจ้นท์ที่คุณมั่นใจได้ ทำถูก กม. มีความเป็นมืออาชีพ--กรณีที่ต้องทำงานให้คุณซับซ้อน
เอเจ้นท์ใส่ใจดูแล เพราะกำไรของคุณ คือ สัดส่วนที่เพิ่มสำหรับรายได้ของเขา
การเข้ามาสู่เส้นทางการลงทุน ไม่ได้หมายความว่า คุณไม่มีทางขาดทุน ถ้ากลัวขาดทุน ลงทุนแล้วไม่เกิดสุข
คุณอาจไม่เหมาะกับการลงทุน เพราะระบบคิดของนักลงทุน กับ คนทำงาน แตกต่างกัน
แม้แต่ฝากเงินธนาคาร คุณอาจจะมองว่า มีแต่บวก ได้ดอกเบี้ย แต่อาจสู้ไม่ได้กับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
ควรลงทุนหลายๆ รูปแบบ เพราะแต่ละช่วงปี ทรัพย์ที่ราคาสูง จะแตกต่างกัน
เช่น บางช่วง ขายทองตอนราคาสูง เอาเงินไปซื้ออสังหา/หุ้น ตอนราคาถูก
ในทางโหราศาสตร์ เคยได้ยินว่า คนที่เป็นธาตุดิน เหมาะกับอสังหา
คนที่เป็นธาตุลม เหมาะกับหุ้น ถ้าจะให้ตีความ คนที่ชอบการอยู่ติดที่ผ่อนยาวๆ ไป
เหมาะกับการซื้อคอนโด / ที่ดินไว้ลงทุน
ส่วนหุ้น เป็นคนที่ชอบความวกวนเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวเอาเงินออกจากหุ้นบริษัทนั้น
ไปเข้าซื้อหุ้นบริษัทนี้ แต่เจ้าของกระทู้ก็ไม่ใช่หมอดูนะ เอามาคุยให้ฟังเฉยๆ
ทำการใหญ่ ใจต้องนิ่ง นักลงทุนสนใจการเข้าซื้อในเวลาที่คนอื่นกลัว
สนใจหาทรัพย์ ที่มีศักยภาพทำกำไรในอนาคต ในช่วงที่รอ คุณอาจต้องมีเงินสะสม หรือ เงินจากแหล่งรายได้อื่น
สุดท้าย รู้จักจ่ายเงินช่วยเหลือผู้คนในวันที่คุณมั่งมี วันหนึ่งเมื่อพวกเขามี แต่คุณไม่มี เขาจะยื่นมือเข้ามาช่วยคุณเช่นกัน
ใช้สมองมองสังเกตคุณธรรมในจิตใจคน ในบางช่วงของชีวิต ฐานะของนักลงทุนก็อาจไม่ค่อยดี แต่คุณจะไม่ล้ม ถ้าเครือข่ายสังคมของคุณดีพอ
คุณเหมาะกับหุ้น หรือ อสังหาฯ ?
1. เงินตั้งต้น น้อยกว่า 1 แสนบาท ไปทางหุ้นก่อน เพราะหุ้น/กองทุน หลักพัน ก็ซื้อได้
2. เส้นทางของหุ้นคือ ซื้อในราคาที่ต่ำ ขายเมื่อราคาขึ้นสูงกว่าต้นทุน ระหว่างรอ กินปันผลรายปี
3. หุ้นเติบโต คือ หุ้นของบริษัทที่ต้องการเงินไปลงทุนต่อ บางปี เขาจึงขอไม่ให้ปันผล เพื่อนำเงินนั้นไปลงทุนขยายกิจการ
4. หลีกเลี่ยงหุ้นที่มีคดีความ เพราะค่าปรับ อาจจะทำให้ฐานะการเงินของบริษัทแย่ลง
รวมถึงติดตามความไม่โปร่งใส เช่น ทุจริตภายในบริษัท
5. หุ้นบริษัทที่ยึดโยงกับการเมือง นโยบายบอกได้ถึงทิศทางการเติบโตของธุรกิจบางประเภท
6. ดูหุ้นที่กำไรดี เติบโตต่อเนื่อง หนี้มีบ้าง แต่ไม่หนักหนา
7. สนใจเทรนด์แห่งอนาคต และการประกอบการของบริษัทเป้าหมายว่าดึงดูดลูกค้าได้แค่ไหน
8. หุ้นมีข้อดี คือ การซื้อขายไม่ยุ่งยาก อสังหา การซื้อ-ขาย ต้องใช้เวลา อาจหลายเดือน หรือ หลายปี
จนกว่าลูกค้าและคุณตกลงกันได้ อสังหาฯ มีข้อเสียคือ การปล่อยเช่ากว่าจะทำกำไรได้ อาจใช้เวลามากกว่า
10 ปี ปกติ การให้เช่า ไม่นับว่าเป็นกำไร เพียงแต่ทำให้มีรายได้ ระหว่างรอราคาอสังหาฯระดับที่คุณพอใจขาย
9. ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงไปตามผลประกอบการ ที่มีกำไร ขาดทุน และความเชื่อมั่นที่เหล่านักลงทุนมีต่อบริษัท
ข่าวและความเป็นไปของสังคมมีผลต่อราคาหุ้น
10. ในโลกของหุ้นนั้น คุณต้องให้เวลาผู้บริหารพนักงานบริษัทเขาทำงาน ไม่ใช่ซื้อวันนี้ จะเอากำไรให้ได้ภายในสามเดือน
คุณต้องนิ่งให้เป็น การเป็นนักลงทุน คือ การศึกษารวบรวมข้อมูล แล้วตัดสินใจ ไหวตัวทันต่อความเปลี่ยนแปลง
อสังหาฯ
1. ถ้าคุณชอบอสังหาฯ แต่ไม่มีเงินเลย ให้เริ่มจากการเป็นนายหน้าอสังหาฯ หรือ ทำงานที่เกี่ยวข้องก่อน
ณ จุดนี้ คุณจะได้เรียนรู้อาชีพหลากหลายที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯ แม้แต่อาชีพแต่งบ้าน จัดสวน บริษัทจัดหาแม่บ้าน
คุณมีโอกาสพบทรัพย์ที่หลากหลาย คุณอาจจะเจอคอนโค หรือบ้านที่ชอบ ไปพร้อมๆ กับการประกอบอาชีพ
2. คุณชอบเดินทางไปดูคอนโด บ้าน ที่ดิน เพราะดูแค่ภาพคงไม่พอ ต้องเช็คของจริง
บางคนเลือกหุ้น เพราะออนไลน์ก็เพียงพอ แต่อสังหา ต้องดูของจริง และปล่อยทิ้งเป็นปีๆ ไม่ได้ด้วย
มันเก่าเร็ว และคนมาครอบครองโดยไม่รู้
3. คุณสนใจทำเลข้างเคียง มีสถานที่สำคัญใกล้ๆ เช่น ใกล้สถานีรถไฟฟ้า เดินทางสะดวก ติดถนน ไม่ไกลจากห้างดัง
4. คุณชอบจัดบ้าน จัดสวน ดูแลการถมที่ คุณสนใจการออกแบบเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาฯ
5. ถ้าคุณสนใจหุ้น คุณติดตามบริษัทเป็นร้อยๆ หรือ อย่างน้อย 3-5 บริษัทในใจคุณ
แต่อสังหา คุณสนใจแค่สมบัติที่คุณมี ทำอย่างไรให้เกิดกำไรจากการขาย และรายได้จากการเช่า
6. กรณีที่คุณมีเงินให้กู้ โดยลูกหนี้นำโฉนดที่ดินมาวางไว้ หากเขาไม่มีเงินมาให้ตามระยะเวลา เช่น 5 ปี คุณได้ที่ดินนั้น
ซึ่งเป็นไปตามที่ระบุในสัญญาต่อกัน ข้อเสีย คือ คุณไม่มีสิทธิเลือกที่ดินมากนัก เพราะลูกหนี้ให้ที่ผืนที่เขามี
แต่คุณให้ราคาที่สมควรแก่ศักยภาพของที่ดินตรงนั้น ความเสี่ยงไม่มาก เขาเอาเงินมาจ่าย คุณก็ได้ เขาไม่เอาเงินมาจ่าย คุณก็ได้ที่ดิน
7. หากเป็นที่ผืนใหญ่ ลองตัดแบ่งขาย อาจได้ราคาดีกว่าขายทั้งแปลง
8. กรณีที่คุณเริ่มมีเงินเหลือเฟือ ปล่อยให้เป็นหน้าที่เอเจ้นท์ ในการช่วยขาย บริหารการเช่าทรัพย์สินของคุณ
ไม่ว่าการหาอาคาร บ้าน คอนโดที่ดี ปล่อยเช่า จ้างทำความสะอาด ตรวจความสมบุณรณ์ครบถ้วนของเฟอร์นิเจอร์
เอาเวลาไปทำงานที่คุณชอบ และจ้างให้เขาทำ ตราบเท่าที่คุณมีกำไรอยู่
สมมุติคุณต้องการกำไร 10% ยินดีแบ่งให้เอเจ้นท์ที่ทำงานช่วยเหลือคุณ 3%
เทียบกับคุณทำเองหมด คุณอาจเสียเวลาไป 3 เท่า แต่กำไรที่เพิ่มอาจเพียง 1 เท่า เมื่อเทียบกับจ้างเอเจ้นท์
เอเจ้นท์มีหลายแบบ ตั้งแต่บริษัท ไปจนถึงบัณฑิตจบใหม่ ที่คุณแค่บอกเขาว่า ช่วยหาคนมาเช่าบ้านให้หน่อย
คุณจ้างเด็กพวกนี้ไม่กี่พันบาท แต่ได้คนมาเช่าบ้านคุณไปอีก 1 ปี
ควรมีการทำสัญญาปกป้องผลประโยชน์ของเจ้าของทรัพย์ / ตัวคุณเอง
เลือกเอเจ้นท์ที่คุณมั่นใจได้ ทำถูก กม. มีความเป็นมืออาชีพ--กรณีที่ต้องทำงานให้คุณซับซ้อน
เอเจ้นท์ใส่ใจดูแล เพราะกำไรของคุณ คือ สัดส่วนที่เพิ่มสำหรับรายได้ของเขา
การเข้ามาสู่เส้นทางการลงทุน ไม่ได้หมายความว่า คุณไม่มีทางขาดทุน ถ้ากลัวขาดทุน ลงทุนแล้วไม่เกิดสุข
คุณอาจไม่เหมาะกับการลงทุน เพราะระบบคิดของนักลงทุน กับ คนทำงาน แตกต่างกัน
แม้แต่ฝากเงินธนาคาร คุณอาจจะมองว่า มีแต่บวก ได้ดอกเบี้ย แต่อาจสู้ไม่ได้กับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
ควรลงทุนหลายๆ รูปแบบ เพราะแต่ละช่วงปี ทรัพย์ที่ราคาสูง จะแตกต่างกัน
เช่น บางช่วง ขายทองตอนราคาสูง เอาเงินไปซื้ออสังหา/หุ้น ตอนราคาถูก
ในทางโหราศาสตร์ เคยได้ยินว่า คนที่เป็นธาตุดิน เหมาะกับอสังหา
คนที่เป็นธาตุลม เหมาะกับหุ้น ถ้าจะให้ตีความ คนที่ชอบการอยู่ติดที่ผ่อนยาวๆ ไป
เหมาะกับการซื้อคอนโด / ที่ดินไว้ลงทุน
ส่วนหุ้น เป็นคนที่ชอบความวกวนเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวเอาเงินออกจากหุ้นบริษัทนั้น
ไปเข้าซื้อหุ้นบริษัทนี้ แต่เจ้าของกระทู้ก็ไม่ใช่หมอดูนะ เอามาคุยให้ฟังเฉยๆ
ทำการใหญ่ ใจต้องนิ่ง นักลงทุนสนใจการเข้าซื้อในเวลาที่คนอื่นกลัว
สนใจหาทรัพย์ ที่มีศักยภาพทำกำไรในอนาคต ในช่วงที่รอ คุณอาจต้องมีเงินสะสม หรือ เงินจากแหล่งรายได้อื่น
สุดท้าย รู้จักจ่ายเงินช่วยเหลือผู้คนในวันที่คุณมั่งมี วันหนึ่งเมื่อพวกเขามี แต่คุณไม่มี เขาจะยื่นมือเข้ามาช่วยคุณเช่นกัน
ใช้สมองมองสังเกตคุณธรรมในจิตใจคน ในบางช่วงของชีวิต ฐานะของนักลงทุนก็อาจไม่ค่อยดี แต่คุณจะไม่ล้ม ถ้าเครือข่ายสังคมของคุณดีพอ