อัญมณีและเครื่องประดับเป็นสินค้าที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทย เพราะเป็นสินค้าส่งออกที่ทำรายได้เข้าประเทศ นอกจากนั้นยังเป็นสินค้าที่แสดงถึงความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของช่างฝีมือไทยซึ่งยังก่อให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจ มีการผลิตสินค้าและบริการเกี่ยวเนื่องจำนวนมาก เช่น ร้านค้าเครื่องประดับ ช่างทอง ช่างทำเครื่องประดับ ธุรกิจออกแบบและแฟชั่นและธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ดังนั้น โดยที่สินค้าอัญมณีเจียระไน และเครื่องประดับอัญมณีเจียระไนได้แสดงสาระสำคัญเกี่ยวกับฉลากสินค้าไม่แจ้งชัดในการเลือกซื้อ เพื่อเป็นการป้องกันการหลอกลวงผู้บริโภค
คณะกรรมการว่าด้วยฉลากจึงกำหนดให้อัญมณีเจียระไน และเครื่องประดับอัญมณีเจียระไน
เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๔๔) เรื่อง ให้อัญมณีเจียระไน และเครื่องประดับอัญมณีเจียระไนเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ซึ่งต้องระบุข้อความที่สำคัญและจำเป็นต่อการตัดสินใจในการเลือกซื้อ ดังนี้ (๑) ชื่อและสถานที่ประกอบการ หรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในประเทศไทยของผู้ผลิตเพื่อขายหรือของผู้จำหน่ายหรือของผู้สั่งหรือนำเข้า โดยให้ระบุชื่อประเทศที่ผลิตด้วย (๒) ชื่อทางการค้าของอัญมณีตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยระบุว่าเป็นอัญมณีธรรมชาติหรืออัญมณีสังเคราะห์หรือ
อัญมณีเทียม (๓) ต้องแสดงน้ำหนักอัญมณีเจียระไนแต่ละชนิดที่ใช้ในการทำเครื่องประดับหรือขึ้นรูป โดยระบุหน่วยที่เป็นกะรัตหรือใช้สัญลักษณ์ ct แทนก็ได้ (๔) ปริมาณความบริสุทธิ์ของทองรูปพรรณที่ใช้ในการขึ้นรูป
โดยระบุหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือร้อยละ หรือใช้สัญลักษณ์ % แทนก็ได้ (๕) ราคาให้ระบุเป็นเงินบาท และจะระบุเป็นเงินสกุลอื่นหรือใช้สัญลักษณ์ของสกุลเงินแทนก็ได้ ห้ามใช้ชื่อของอัญมณีธรรมชาติประกอบคำที่ไม่ใช่อัญมณีธรรมชาติที่เป็นวัสดุเลียนแบบหรือสังเคราะห์ เช่น มรกตเทียม เพชรเทียม มรกตสังเคราะห์หรือเพชรสังเคราะห์ โดยให้ระบุว่า อัญมณีเลียนแบบหรืออัญมณีสังเคราะห์ และห้ามใช้คำว่า “เพชร” สำหรับอัญมณีที่ไม่ได้ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน (Carbon) เพียงธาตุเดียวตามธรรมชาติ
ทั้งนี้ หากผู้ใดขายสินค้าอัญมณีเจียระไน และเครื่องประดับอัญมณีเจียระไนโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลาก แต่ฉลากไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน ๖ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ผลิต ผู้สั่งหรือผู้นำเข้า มีโทษจำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือปรับไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อสินค้าดังกล่าวสามารถร้องเรียนผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางแอปพลิเคชั่น OCPB Connect พูดคุยสอบถามกับ Chat Bot พี่ปกป้องได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทางเว็บไซต์ www.ocpb.go.th โดยผู้บริโภคสามารถร้องเรียนออนไลน์ได้สะดวก ประหยัดเวลา หรือโทรมาสอบถามข้อมูลที่สายด่วน สคบ. ๑๑๖๖ หรือมาด้วยตนเองที่ศูนย์ราชการฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี หรืออาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร หรือต่างจังหวัดสามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด ทุกจังหวัด
อัญมณีเจียระไน และเครื่องประดับอัญมณีเจียระไนเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก
คณะกรรมการว่าด้วยฉลากจึงกำหนดให้อัญมณีเจียระไน และเครื่องประดับอัญมณีเจียระไน
เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๔๔) เรื่อง ให้อัญมณีเจียระไน และเครื่องประดับอัญมณีเจียระไนเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ซึ่งต้องระบุข้อความที่สำคัญและจำเป็นต่อการตัดสินใจในการเลือกซื้อ ดังนี้ (๑) ชื่อและสถานที่ประกอบการ หรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในประเทศไทยของผู้ผลิตเพื่อขายหรือของผู้จำหน่ายหรือของผู้สั่งหรือนำเข้า โดยให้ระบุชื่อประเทศที่ผลิตด้วย (๒) ชื่อทางการค้าของอัญมณีตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยระบุว่าเป็นอัญมณีธรรมชาติหรืออัญมณีสังเคราะห์หรือ
อัญมณีเทียม (๓) ต้องแสดงน้ำหนักอัญมณีเจียระไนแต่ละชนิดที่ใช้ในการทำเครื่องประดับหรือขึ้นรูป โดยระบุหน่วยที่เป็นกะรัตหรือใช้สัญลักษณ์ ct แทนก็ได้ (๔) ปริมาณความบริสุทธิ์ของทองรูปพรรณที่ใช้ในการขึ้นรูป
โดยระบุหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือร้อยละ หรือใช้สัญลักษณ์ % แทนก็ได้ (๕) ราคาให้ระบุเป็นเงินบาท และจะระบุเป็นเงินสกุลอื่นหรือใช้สัญลักษณ์ของสกุลเงินแทนก็ได้ ห้ามใช้ชื่อของอัญมณีธรรมชาติประกอบคำที่ไม่ใช่อัญมณีธรรมชาติที่เป็นวัสดุเลียนแบบหรือสังเคราะห์ เช่น มรกตเทียม เพชรเทียม มรกตสังเคราะห์หรือเพชรสังเคราะห์ โดยให้ระบุว่า อัญมณีเลียนแบบหรืออัญมณีสังเคราะห์ และห้ามใช้คำว่า “เพชร” สำหรับอัญมณีที่ไม่ได้ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน (Carbon) เพียงธาตุเดียวตามธรรมชาติ
ทั้งนี้ หากผู้ใดขายสินค้าอัญมณีเจียระไน และเครื่องประดับอัญมณีเจียระไนโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลาก แต่ฉลากไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน ๖ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ผลิต ผู้สั่งหรือผู้นำเข้า มีโทษจำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือปรับไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อสินค้าดังกล่าวสามารถร้องเรียนผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางแอปพลิเคชั่น OCPB Connect พูดคุยสอบถามกับ Chat Bot พี่ปกป้องได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทางเว็บไซต์ www.ocpb.go.th โดยผู้บริโภคสามารถร้องเรียนออนไลน์ได้สะดวก ประหยัดเวลา หรือโทรมาสอบถามข้อมูลที่สายด่วน สคบ. ๑๑๖๖ หรือมาด้วยตนเองที่ศูนย์ราชการฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี หรืออาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร หรือต่างจังหวัดสามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด ทุกจังหวัด